ตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา สังเกตว่าสกินแคร์หลาย ๆ แบรนด์เริ่มทำการตลาดกับส่วนผสมที่เป็น กรด  มากขึ้นค่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงแอบคิดว่ามันจะแรงกับผิวไปรึเปล่า ใช้แล้วผิวจะพังมั้ย ซึ่งตรงนี้ต้องขออธิบายให้เข้าใจก่อนนะคะ ว่ากรดพวกนี้มาจากธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมีแบบที่เอาไว้สาดหน้ากันในซีรีส์แน่นอนค่ะ

กรดที่เราจะพูดถึงก็เป็นอะไรที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ได้ยินแล้วต้องร้องอ๋อเลย ก็คือ AHA BHA และแอบแถมอีกตัวหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก ก็คือ PHA นั่นเองค่ะ ใครที่เคยใช้ตัวไหนแล้วรู้สึกว่าระคายเคือง แพ้ ใช้แล้วไม่ได้ผล วันนี้เราจะมาตั้งต้นกันใหม่ เพราะกรดแต่ละตัวนั้นทำหน้าที่ต่างกัน และเหมาะกับผิวคนละแบบด้วยค่ะ

 

Alpha Hydroxy Acid (AHA)
กรดสำหรับคนอยากหน้าใส

แว้บแรกที่ได้ยินคำว่า AHA หลายคนก็ต้องนึกถึงผลลัพธ์ที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสแน่นอน ซึ่งก็ไม่ผิดไปซะทีเดียวค่ะ เพราะ AHA นั้นมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวเนียนเรียบจริงๆ

AHA เหมาะกับผิวแบบไหน?

AHA เรียกได้ว่าเป็นกรดที่ชอบน้ำ เวลาที่เราทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ AHA อยู่ด้วย ก็จะทำให้ดึงดูดน้ำไว้บนผิวได้มากขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่มี AHA ก็เลยเหมาะกับคนผิวแห้งมากๆ ค่ะ เพราะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นได้นั่นเอง

และด้วยคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว นอกจากจะทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียน ก็ยังช่วยในการลดเลือนริ้วรอยได้ดีอีกด้วย เหมาะกับคนที่เริ่มมีอายุ มีริ้วรอย แต่จริงๆ ก็แนะนำว่าช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไปก็ควรเริ่มใช้ได้แล้วค่ะ ถือว่าเป็นการป้องกันไว้ก่อน

ผิวแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง AHA

ถึงจะบอก AHA นั้นชอบน้ำ และช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ แต่ถ้าใครที่ผิวแห้งมากๆ  จนเกิดการลอก หรือเกิดผื่นแดง ก็ยังไม่ควรใช้ AHA ในช่วงนี้ค่ะ เพราะถึงยังไง AHA ก็คือกรดที่เร้งการผลัดเซลล์ผิว อาจจะยิ่งทำให้ผิวของเราระคายเคืองมากกว่าเดิมได้

และผิวอีกแบบที่ควรเลี่ยงก็คือ ผิวที่เป็นสิวอักเสบ หรือมีแผลสิวอยู่ เพราะกรด AHA จะยิ่งทำให้ระคายเคืองเช่นกัน  และจะทำให้สิวยิ่งหายช้ากว่าเดิมด้วยค่ะ

กรด AHA ที่ไม่ได้เรียกว่า AHA

หลายคนพลิกส่วนผสมดูแล้วได้แต่งง เพราะไล่ดูยังไงก็ไม่ได้มีคำว่า AHA โผล่ขึ้นมาเลย เป็นเพราะว่า AHA เป็นเหมือนตระกูลใหญ่ มีที่มาจากหลายสิ่งอย่าง เลยทำให้มีชื่อเรียกและคุณสมบัติที่ต่างกันเล็กน้อยด้วยค่ะ

  • กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) ได้มาจากน้ำตาล นอกจากจะช่วยเรื่องผลัดเซลล์ผิวแล้ว ก็ยังช่วยควบคุมน้ำมันบนผิวให้สมดุลอีกด้วยค่ะ ถือว่าเป็นส่วนผสมที่เหมาะกับคนผิวมันและเป็นสิวง่าย
  • กรดแลคติค (Lactic acid) ได้มาจากนมวัว ให้ความชุ่มชื้นผิวได้ดี เหมาะมากๆ ที่จะเป็นส่วนผสมในมอยส์เจอไรเซอร์ และยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านแบคทีเรียและเชื้อรา ทำให้เหมาะกับทุกสภาพผิวอีกด้วยค่ะ
  • กรดซิตริก (Citric acid) ได้มาจากผลไม้รสเปรี้ยว อย่างมะนาว หรือส้ม ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และยังช่วยต่อต้านริ้วรอยด้วย
  • กรดแมนเดลิก (Mandelic acid) ได้มาจากบิทเทอร์อัลมอนด์ ช่วยต่อต้านการอักเสบของผิว
  • กรดมาลิก (Malic acid) ได้มาจากแอปเปิ้ล ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย และยังช่วยในการรักษาสิวได้อีกด้วย
  • กรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) ได้มาจากองุ่น ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดริ้วรอยก่อนวัย

Beta Hydroxy(BHA)
กรดสำหรับคนเป็นสิว

ถ้าพูดถึง BHA ที่เราคุ้นกันมาที่สุด ก็เห็นจะไม่พ้น Salicylic acid ยิ่งใครมีปัญหาสิวบ่อยๆ นี่ เรียกว่าเห็นกันจนสนิทเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งเป็นกรดที่ได้มาจาก เปลือกต้นวิลโลว์สีขาว (Salix alba), น้ำมัน Wintergreen และต้น Sweet Birch

BHA เหมาะกับผิวแบบไหน 

  • เหมาะกับคนเป็นสิว เพราะมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคือง ต่อต้านแบคทีเรีย ลดการอุดตันในรูขุมขน และยังช่วยลดรอยแดงได้ด้วย
  • เหมาะกับคนผิวมัน เพราะ BHA ต่างจาก AHA ตรงที่ไม่ชอบน้ำ แต่ชอบน้ำมัน และสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกกว่า AHA ทำให้สามารถดึงน้ำมันส่วนเกินบนผิวออกไปได้ดี

Poly Hydroxy acid (PHA)
กรดสำหรับคนแพ้ง่าย

น่าจะเรียกได้ว่าเป็นน้องสุดท้องของกลุ่มกรดเลยก็ว่าได้ค่ะ แต่การทำงานของน้องเค้าก็แทบจะก็อปปี้คนพี่อย่าง AHA มาเลย เพราะช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวและให้ความชุ่มชื้นได้เหมือนกัน ซึ่ง PHA ที่ใช้กันอยู่ในตอนนี้ก็คือ กรดแลคโตไบโอนิก (Lactobionic Acid)ที่ได้มาจากแลคโตสในนมวัว, กาแลคโตส ที่ได้มาจากน้ำตาล และกรดกลูโคนิก ที่พบได้ในเซลล์ผิวหนัง

PHA เหมาะกับผิวแบบไหน

  • เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เพราะความแตกต่างของน้อง PHA กับ AHA ก็คือ PHA จะมีโมเลกุลที่ใหญ่กว่า ทำให้ไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ลึกเท่า AHA ข้อดีตรงนี้เลยทำให้เกิดการระคายเคืองน้อยลงนั่นเอง
  • เหมาะกับคนที่เริ่มมีริ้วรอย เพราะมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้

ถึงแม้ว่าตอนนี้หลาย ๆ แบรนด์ จะปรับความเข้มข้นของกรด หรือใช้ส่วนผสมอื่น ๆ เข้ามาช่วยลดการระคายเคือง แต่ก็แนะนำว่าสำหรับการเริ่มใช้ครั้งแรก ให้ลองเริ่มจาก 2 ครั้งต่อสัปดาห์ก่อน และใช้เฉพาะช่วงเย็น เพื่อให้ผิวของเราได้ปรับตัว ถ้าไม่ได้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง ก็ค่อยเพิ่มความถี่ขึ้นค่ะ

และที่สำคัญเลย ห้ามลืมทาครีมกันแดดอย่างเด็ดขาด เพราะการผลัดเซลล์ผิว จะทำให้ผิวช่วงนั้นไวต่อแสง และระคายเคืองง่ายขึ้น ดังนั้นเราก็ต้องปกป้องผิวของเราอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ

 

พี่โอ๊ต
พี่โอ๊ต - Columnist คอลัมนิสต์สายบิวตี้ ชอบอัปเดตเมคอัพ และศึกษาเรื่องสกินแคร์ เพื่อผิวสวยอย่างปลอดภัย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น