เนื้อหาออกสอบชีวะ บทที่2 หัวข้อ 4,5 และ บทที่ 3 โดย Bibibookworm ( ควิซทดสอบ )

1 ลิพิด มีกี่ประเภท และ ชื่อว่าอะไรบ้าง

1 ประเภท คือ ไคทิน

2 ประเภท คือ กรดอะมิโน และ กรดแลคติก

3 ประเภท คือ ไตรกลีเซอรอล ฟอสโฟลิพิด และ สเตอรอยด์

2 ประเภท คือ กลูโคส และ ฟรักโตส

3 ประเภท คือ เซลลูโลส อะไมโลส และ อะไมโลเพกซิน

2 ฟอสโฟลิพิด ประกอบไปด้วยอะไร

ฟอสโฟลิพิดประกอบไปด้วยส่วนหัวที่ไม่ชอบน้ำและส่วนหางที่ไม่ชอบน้ำ

ฟอสโฟลิพิดประกอบไปด้วยส่วนหัวที่ชอบน้ำและส่วนหางที่ไม่ชอบน้ำ

ฟอสโฟลิพิดประกอบไปด้วยส่วนหัวที่ชอบน้ำและส่วนหางที่ชอบน้ำ

ฟอสโฟลิพิดประกอบไปด้วยส่วนหัวที่ชอบน้ำและส่วนหางที่ไม่ชอบน้ำ

3 สร้าง สลาย ร้อน เย็น เกี่ยวกับสลายหรือดูด

สร้างดูด สลายคาย ร้อนดูด เย็นคาย

สร้างดูด สลายคาย ร้อนคาย เย็นดูด

สร้างคาย สลายดูด ร้อนคาย เย็นดูด

สร้างดูด สลายดูด ร้อนดูด เย็นดูด

4 กรดนิวคลีอิก ประกอบด้วยอะไร และเรียกว่าอะไร

น้ำตาลฟรักโตส หมู่คาร์บอเนต และ เบสไอโอดีน

น้ำตาลเพนโทสหรือดีออกซีไรโบส หมู่ฟอสเฟต และ เบสไนโตรเจน

น้ำตาลกลูโคส หมู่ฟอสเฟต และ เบสไนโตรเจน

น้ำตาลกลูโคส หมู่ไนเตรต และ เบสออกซิเจน

5 เบสพิวรีน และ เบสไพริมีดีน ประกอบไปด้วยอะไร และเรียกว่าอะไร

เบสพิวรีน มี เบสกวานีน และ เบสไซโตซีน ส่วนเบสไพริมีดิน มี เบสอะดีนีน เบสไทมีน เบสยูราซิล

เบสพิวรีน มี เบสกวานีน และ เบสยูราซิล ส่วนเบสไพริมีดิน มี เบสไซโตซีน เบสไทมีน เบสอะดีนีน

เบสพิวรีน มี เบสกวานีน และ เบสอะดีนีน ส่วนเบสไพริมีดิน มี เบสไซโตซีน เบสไทมีน เบสยูราซิล

เบสพิวรีน มี เบสไทมีน และ เบสอะดีนีน ส่วนเบสไพริมีดิน มี เบสไซโตซีน เบสกวานีน เบสยูราซิล

6 เอนไซม์ ช่วยทำอะไร

เฉื่อยปฏิกิริยา และ เพิ่มพลังงานปฏิกิริยา

เร่งปฏิกิริยา และ ลดพลังงานปฏิกิริยา

เฉื่อยปฏิกิริยา และ ลดพลังงานปฏิกิริยา

เร่งปฏิกิริยา และ เพิ่มพลังงานปฏิกิริยา

7 เอนไซม์ มีหน้าที่อะไร (1)

1.เป็นโปรตีนที่เกิดจากกอดจีบอดีของสิ่งมีชีวิต
2.มีความจำเฉพาะต่อสารที่เกิดปฏิกิริยา เรียกว่า ซับสเตรด และ ตำแหน่งที่เข้าจับ เรียกว่าบริเวณเร่ง
3.เอนไซม์บางชนิดอาจมีบริเวณเร่งมากกว่าหนึ่งตำแหน่ง

1.เป็นโปรตีนที่เกิดจากคลอโรพาสต์ของสิ่งมีชีวิต
2.มีความจำเฉพาะต่อสารที่เกิดปฏิกิริยา เรียกว่า ซับเซต และ ตำแหน่งที่เข้าจับ เรียกว่าบริเวณแอ่ง
3.เอนไซม์บางชนิดอาจมีบริเวณเร่งน้อยกว่าหนึ่งตำแหน่ง

1.เป็นโปรตีนที่เกิดจากERของสิ่งมีชีวิต
2.มีความจำเฉพาะต่อสารที่เกิดปฏิกิริยา เรียกว่า ซับเซต และ ตำแหน่งที่เข้าจับ เรียกว่าบริเวณร่อง
3.เอนไซม์บางชนิดอาจมีบริเวณเร่งมากกว่าหนึ่งตำแหน่ง

1.เป็นโปรตีนที่เกิดจากไลโซโซมของสิ่งมีชีวิต
2.มีความจำเฉพาะต่อสารที่เกิดปฏิกิริยา เรียกว่า ซับยูนิต และ ตำแหน่งที่เข้าจับ เรียกว่าบริเวณร่อง
3.เอนไซม์บางชนิดอาจมีบริเวณเร่งน้อยกว่าหนึ่งตำแหน่ง

8 เอนไซม์ มีหน้าที่อะไร (2)

4.เอนไซม์บางชนิดจะทำงานไม่ได้ถ้าไม่มี coenzyme เข้าจับให้อยู่ในรูป holoenzyme
5.เมื่อเร่งปฏิกิริยาแล้วจะสามารถนำมาใช้ซ้ำ
6.เอนไซม์จะเสียสภาพเมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม

4.เอนไซม์บางชนิดจะทำงานไม่ได้ถ้าไม่มี pre-enzyme เข้าจับให้อยู่ในรูป coenzyme
5.เมื่อเร่งปฏิกิริยาแล้วจะไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำ
6.เอนไซม์จะเสียสภาพเมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม

4.เอนไซม์บางชนิดจะทำงานไม่ได้ถ้าไม่มี pre-enzyme เข้าจับให้อยู่ในรูป monoenzyme
5.เมื่อเร่งปฏิกิริยาแล้วจะไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำ
6.เอนไซม์จะเสียสภาพเมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม

4.เอนไซม์บางชนิดจะทำงานไม่ได้ถ้าไม่มี coenzyme เข้าจับให้อยู่ในรูป holoenzyme
5.เมื่อเร่งปฏิกิริยาแล้วจะสามารถนำมาใช้ซ้ำ
6.เอนไซม์จะเสียสภาพเมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่เหมาะสม

9 ปัจจัยที่มีผลต่อเอนไซม์เป็น

1.ทำงานได้ดีในสภาวะ >40 C
2.lipese ทำงานได้ดีในสภาวะกรด และ pepsin ทำงานได้ดีในสภาวะเบส
3.s มาก e ไม่เร็ว และ s น้อย e เร็ว

1.ทำงานได้ดีในสภาวะ 20-40 C
2.lipese ทำงานได้ดีในสภาวะเบส และ pepsin ทำงานได้ดีในสภาวะกรด
3.s มาก e เร็ว และ s น้อย e ไม่เร็ว
4.สารแย่งจับตำแหน่ง active site จนทำให้ substrate จับกับเอนไซม์ไม่ได้

1.ทำงานได้ดีในสภาวะ <40 C
2.lipese ทำงานได้ดีในสภาวะเบส และ pepsin ทำงานได้ดีในสภาวะกรด
3.แย่งจับตำแหน่งอื่น จน active site เสียสภาพ จนทำให้ substrate จับกับเอนไซม์ไม่ได้

1.ทำงานได้ดีในสภาวะ 20-40 C
2.lipese ทำงานได้ดีในสภาวะกรด และ pepsin ทำงานได้ดีในสภาวะเบส
4.แย่งจับตำแหน่งอื่น จน active site เสียสภาพ จนทำให้ substrate จับกับเอนไซม์ไม่ได้

10 การเข้าคู่ของเบสเป็นแบบไหน

T C พันธะสาม A G พันธะคู่

A T พันธะสาม C G พันธะคู่

A C พันธะสาม T G พันธะคู่

A T พันธะคู่ C G พันธะสาม

11 ไกลโคไลซิส คืออะไร

1.เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นกรดไพรูวิก
2.ใช้ ATP ในการสลาย 2 ATP ได้คืน 4 ATP ฉะนั้นจะเหลือ 2 ATP
3.ได้ 2 NADH และกรดไพรูวิก
4.เกิดทั้งแบบหายใจใช้ออกซิเจนและไม่ใช้

1.เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นกรดนิวคลีอิก
2.ใช้ ATP ในการสลาย 1 ATP ได้คืน 3 ATP ฉะนั้นจะเหลือ 2 ATP
3.ได้ 2 NADH และกรดไพรูวิก
4.เกิดทั้งแบบหายใจใช้ออกซิเจนและไม่ใช้

1.เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นกรดลิพิด
2.ใช้ ATP ในการสลาย 1 ATP ได้คืน 4 ATP ฉะนั้นจะเหลือ 3 ATP
3.ได้ 2 NADH และกรดไพรูวิก
4.เกิดทั้งแบบหายใจใช้ออกซิเจนและไม่ใช้

12 อะซีทิล โคเอ ฟอร์เมชัน คืออะไร

1.จะเกิดปฏิกิริยาที่หมู่คาร์บอกซิลของกรดไพรูวิกหลุดออกเป็น CO2, NADH
2.กรดไพรูวิกที่แตกจะรวมกัชโคเอนไซม์เอ เป็น อะซิติล โคเอ

1.จะเกิดปฏิกิริยาที่หมู่คาร์บอกซิลของกรดไพรูวิกหลุดออกเป็น CO, NAD+
2.กรดไพรูวิกที่แตกจะรวมกัชโคเอนไซม์เอ เป็น อะซิติล โคเอ

13 Adenosine Triphosphate ถูกสร้างมาจาก

C6 FADH2

NADH FADH2

Omega-3 XeF2

Omega-3 FADH2

14 ซับสเตรตฟอสฟอรีเลชัน และ ออกซิเดทีฟฟอสฟอริเลชัน คือ และ จงเรียงลำดับ

คือ 1.กระบวนการสร้าง ATP โดยมี enzyme เป็นตัวกระตุ้น และ เป็น 2.กระบวนการสร้าง ATP จากการถ่ายทอดอิเล็กตรอน

1.กระบวนการสร้าง ATP จากการถ่ายทอดอิเล็กตรอน และ 2.กระบวนการสร้าง ATP โดยมี enzyme เป็นตัวกระตุ้น

15 วัฏจักรเครบส์ คือ (1)

1.อะซิติล โคเอ มีคาร์บอนสองอะตอมซึ่งเข้าจับกรดออกซิไรโบส จนได้กรดซิตริกที่มีคาร์บอนหกอะตอม
2.มีวัฏจักรการดึงคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ตามลำดับ สี่ ห้า หก

1.อะซิติล โคเอ มีคาร์บอนสองอะตอมซึ่งเข้าจับกรดออกซาโลอะซิติก จนได้กรดซิตริกที่มีคาร์บอนหกอะตอม
2.มีวัฏจักรการดึงคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ตามลำดับ หก ห้า สี่

16 วัฏจักรเครบส์ คือ (2)

3.จะมีการส่งอิเล็กตรอนไปให้กับ NAD+ กลายเป็น NADH 3 โมเลกุล และ FAD+ กลายเป็น FADH 1 โมเลกุล

3.จะมีการส่งอิเล็กตรอนไปให้กับ NAD+ กลายเป็น NADH 2 โมเลกุล และ FAD+ กลายเป็น FADH 2 โมเลกุล

17 Electron Transport Chain คือ

1.NAD+ และ FAD+ เกิดขึ้นที่เยื่อหุ้มชั้นในไมโตคอนเดรีย
2.NAD+ และ FAD+ จะส่งอิเล็กตรอน และอิเล็กตรอนเมื่อขนส่งจะเกิดพลังงาน
3.พลังงานจะใช้เคลื่อนย้ายโปรตอน

1.NADH และ FADH2 เกิดขึ้นที่เยื่อหุ้มชั้นในไมโตคอนเดรีย
2.NADH และ FADH2 จะส่งอิเล็กตรอน และอิเล็กตรอนเมื่อขนส่งจะเกิดพลังงาน
3.พลังงานจะใช้เคลื่อนย้ายโปรตอน

18 Lactic acid fermentation ประกอบไปด้วยอะไร

1.เกิดในแบคทีเรียและกล้ามเนื้อลาย
2.ได้ 2 ATP
3.ได้กรดแลคติค 2 โมเลกุล
4.ไม่เกิด CO2
5.pyruvate เป็นตัวรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้าย

1.เกิดในกล้ามเนื้อหัวใจ
2.ได้ 3 ATP
3.ได้กรดแลคติค 3 โมเลกุล
4.ไม่เกิด CO
5.pyruvate เป็นตัวรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้าย

1.เกิดในกล้ามเนื้อเรียบ
2.ได้ 1 ATP
3.ได้กรดแลคติค 1 โมเลกุล
4.ไม่เกิด CO3
5.pyruvate เป็นตัวรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้าย

19 Alcohol Fermentation ประกอบไปด้วยอะไร

1.เกิดในยีสต์
2.ได้ 2 ATP
3.ได้ CO2 2 โมเลกุล
4.acetaldehyde เป็นตัวรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้าย

1.เกิดในชีส
2.ได้ 1 ATP
3.ได้ CO2 4 โมเลกุล
4.acetaldehyde เป็นตัวรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้าย

1.เกิดในเนย
2.ได้ 1 ATP
3.ได้ CO2 2 โมเลกุล
4.acetaldehyde เป็นตัวรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้าย

20 การหายใจแบบใช้ออกซิเจน ประกอบไปด้วยอะไร

1.เกิดในไมโตคอนเดรีย
2.มีครบทั้ง 4 ขั้นตอน
3.กลูโคส 1 โมเลกุลจะให้ 36 ATP
4.ผลผลิตที่ได้ ATP, CO2, H2O

1.เกิดในไซโทพลาสซึม
2.มีครบทั้ง 4 ขั้นตอน
3.กลูโคส 1 โมเลกุลจะให้ 38 ATP
4.ผลผลิตที่ได้ ATP, CO2, H2O

1.เกิดในไซโทพลาสซึมและไมโตคอนเดรีย
2.มีครบทั้ง 4 ขั้นตอน
3.กลูโคส 1 โมเลกุลจะให้ 36-38 ATP
4.ผลผลิตที่ได้ ATP, CO2, H2O

21 การหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน ประกอบไปด้วยอะไร

1.เกิดในไซโตพลาสซึม
2.เกิดเฉพาะไกลโคไลซิส
3.กลูโคส 1 โมเลกุลให้ 2 ATP

1.เกิดในไมโตคอนเดรีย
2.เกิดเฉพาะอะซีทิล โคเอ ฟอร์เมชัน
3.กลูโคส 1 โมเลกุลให้ 2 ATP

1.เกิดในไมโตคอนเดรีย
2.เกิดเฉพาะไกลโคไลซิส
3.กลูโคส 1 โมเลกุลให้ 2 ATP

22 เซลล์โปรคาริโอตและเซลล์ยูคาริโอต มีในอาณาจักรไหน

1.เซลล์โปรคาริโอต เป็นเซลล์ของมอเนอรา
2.เซลล์ยูคาริโอต เป็นเซลล์ของอาร์เคียและสัตว์

1.เซลล์โปรคาริโอต เป็นเซลล์ของไวรัส
2.เซลล์ยูคาริโอต เป็นเซลล์ของฟังไจ พืช และสัตว์

1.เซลล์โปรคาริโอต เป็นเซลล์ของอาร์เคียและแบคทีเรีย
2.เซลล์ยูคาริโอต เป็นเซลล์ของฟังไจ พืช และสัตว์

23 องค์ประกอบของนิวเคลียสของเซลล์โปรคาริโอต เป็นอย่างไร

1.เซลล์โปรคาริโอตไม่มีนิวเคลียส
2.เซลล์โปรคาริโอตไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส
3.เซลล์โปรคาริโอตไม่มีนิวคลีโอลัส
4.เซลล์โปรคาริโอตมีหนึ่งโครโมโซมเป็นรูปวงแหวน

1.เซลล์โปรคาริโอตมีนิวเคลียส
2.เซลล์โปรคาริโอตมีเยื่อหุ้มนิวเคลียส
3.เซลล์โปรคาริโอตไม่มีนิวคลีโอลัส
4.เซลล์โปรคาริโอตมีหนึ่งโครโมโซมเป็นรูปแท่ง

1.เซลล์โปรคาริโอตมีนิวเคลียส
2.เซลล์โปรคาริโอตไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส
3.เซลล์โปรคาริโอตไม่มีนิวคลีโอลัส
4.เซลล์โปรคาริโอตมีหนึ่งโครโมโซมเป็นรูปวงแหวน

24 องค์ประกอบของนิวเคลียสของเซลล์ยูคาริโอต เป็นอย่างไร

1.เซลล์ยูคาริโอตไม่มีนิวเคลียส
2.เซลล์ยูคาริโอตมีเยื่อหุ้มนิวเคลียสเป็นชนิดยูนิตเมมเบรน
3.เซลล์ยูคาริโอตไม่มีนิวคลีโอลัส
4.เซลล์ยูคาริโอตมีโครโมโซมมากกว่าหนึ่งแท่งขณะเกิดการแบ่งเซลล์

1.เซลล์ยูคาริโอตมีนิวเคลียส
2.เซลล์ยูคาริโอตมีเยื่อหุ้มนิวเคลียสเป็นชนิดยูนิตเมมเบรน
3.เซลล์ยูคาริโอตไม่มีนิวคลีโอลัส
4.เซลล์ยูคาริโอตมีโครโมโซมแท่งเดียวเป็นรูปวงแหวน

1.เซลล์ยูคาริโอตมีนิวเคลียส
2.เซลล์ยูคาริโอตมีเยื่อหุ้มนิวเคลียสเป็นชนิดยูนิตเมมเบรน
3.เซลล์ยูคาริโอตมีนิวคลีโอลัส
4.เซลล์ยูคาริโอตมีโครโมโซมมากกว่าหนึ่งแท่งขณะเกิดการแบ่งเซลล์

25 องค์ประกอบของไซโทพลาสซึมของเซลล์โปรคาริโอต เป็นอย่างไร

1.เซลล์โปรคาริโอตมีไรโบโซมชนิด 80S
2.เซลล์โปรคาริโอตมีเมโซโซม
3.เซลล์โปรคาริโอตมีพลาสติด

1.เซลล์โปรคาริโอตมีไรโบโซมชนิด 70S
2.เซลล์โปรคาริโอตมีเมโซโซม
3.เซลล์โปรคาริโอตไม่มีพลาสติด

1.เซลล์โปรคาริโอตมีไรโบโซมชนิด 70S
2.เซลล์โปรคาริโอตมีเมโซโซม
3.เซลล์โปรคาริโอตมีพลาสติด

26 องค์ประกอบของไซโทพลาสซึมของเซลล์ยูคาริโอต เป็นอย่างไร

1.เซลล์ยูคาริโอตมีไรโบโซมชนิด 70S
2.เซลล์ยูคาริโอตมีเมโซโซม
3.เซลล์ยูคาริโอตไม่มีพลาสติด

1.เซลล์ยูคาริโอตมีไรโบโซมชนิด 80S
2.เซลล์ยูคาริโอตไม่มีเมโซโซม
3.เซลล์ยูคาริโอตมีในพวกสังเคราะห์แสง

1.เซลล์ยูคาริโอตมีไรโบโซมชนิด 70S
2.เซลล์ยูคาริโอตไม่มีเมโซโซม
3.เซลล์ยูคาริโอตมีในพวกสังเคราะห์แสง

27 องค์ประกอบของแฟลเจลลัมของเซลล์โปรคาริโอต เป็นอย่างไร

มีปลอกหุ้ม

เป็นเส้นที่ไม่มีอะไรหุ้ม

28 องค์ประกอบของแฟลเจลลัมของเซลล์ยูคาริโอต เป็นอย่างไร

เป็นเส้นที่ไม่มีอะไรหุ้ม

มีปลอกหุ้ม

29 องค์ประกอบของผนังเซลล์ของเซลล์โปรคาริโอต เป็นอย่างไร

1.แบคทีเรีย มี peptidoglycan ยกเว้น mycoplasma

1.แบคทีเรีย มี phospholipid ยกเว้น mycoplasma

1.แบคทีเรีย มี glucose ยกเว้น microplasma

30 องค์ประกอบของผนังเซลล์ของเซลล์ยูคาริโอต เป็นอย่างไร

1.ฟังไจ ส่วนใหญ่มีไคทิน
2.พืช เซลลูโลส
3.สัตว์ ไม่มี

1.ฟังไจ เซลลูโลส
2.พืช ส่วนใหญ่มีไคทิน
3.สัตว์ ไม่มี

1.ฟังไจ ส่วนใหญ่มีไคทิน
2.พืช ส่วนใหญ่มีอะไมโลเพกทิน
3.สัตว์ ไม่มี

31 ออร์แกเนลล์ Cytoskeleton ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

32 ออร์แกเนลล์ Centriole ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

33 ออร์แกเนลล์ Ribosome ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

34 ออร์แกเนลล์ Endoplasmic Reticulum ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

35 ออร์แกเนลล์ Golgi Body ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

36 ออร์แกเนลล์ Lysosome ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

37 ออร์แกเนลล์ Microbody / Peroxisome ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

38 ออร์แกเนลล์ Vacuole ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

39 ออร์แกเนลล์ Plastid ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

40 ออร์แกเนลล์ Mitochondria ประกอบด้วยอะไร และมีหน้าที่อะไร

41 Microtubles มีหน้าที่หลักคือ

ทำให้ออร์แกเนลล์ประจำที่ยึดไม่ให้เซลล์ออกจากกัน

การเคลื่อนที่ของเซลล์ cilia หรือ flagella การเคลื่อนที่ของโครโมโซมและการเรียงตัวของออร์แกเนลล์

1.cyclosis, claavage furrow
2.amoeboid movement ทำให้เกิด pseudopodium
3.endocytosis & exocytosis

42 Microfillaments มีหน้าที่หลักคือ

1.cyclosis, claavage furrow
2.amoeboid movement ทำให้เกิด pseudopodium
3.endocytosis & exocytosis

การเคลื่อนที่ของเซลล์ cilia หรือ flagella การเคลื่อนที่ของโครโมโซมและการเรียงตัวของออร์แกเนลล์

ทำให้ออร์แกเนลล์ประจำที่ยึดไม่ให้เซลล์ออกจากกัน

43 Intermediate Filament มีหน้าที่หลักคือ

1.cyclosis, claavage furrow
2.amoeboid movement ทำให้เกิด pseudopodium
3.endocytosis & exocytosis

ทำให้ออร์แกเนลล์ประจำที่ยึดไม่ให้เซลล์ออกจากกัน

การเคลื่อนที่ของเซลล์ cilia หรือ flagella การเคลื่อนที่ของโครโมโซมและการเรียงตัวของออร์แกเนลล์

44 Gap Junction มีลักษณะเป็น

เป็นบริเวณยึดติดกันของเซลล์

อุดรอยรั่วป้องกันไม่ให้สารละลายเข้าผ่านระหว่างเซลล์

เป็นช่องขนาดเล็ก ทำหน้าที่ผ่านเข้าออกของไอออนระหว่างเซลล์

45 Tight Junction มีลักษณะเป็น

เป็นช่องขนาดเล็ก ทำหน้าที่ผ่านเข้าออกของไอออนระหว่างเซลล์

อุดรอยรั่วป้องกันไม่ให้สารละลายเข้าผ่านระหว่างเซลล์

เป็นบริเวณยึดติดกันของเซลล์

46 Desmosome มีลักษณะเป็น

เป็นช่องขนาดเล็ก ทำหน้าที่ผ่านเข้าออกของไอออนระหว่างเซลล์

เป็นบริเวณยึดติดกันของเซลล์

อุดรอยรั่วป้องกันไม่ให้สารละลายเข้าผ่านระหว่างเซลล์

47 Prophase มีกระบวนการหน้าที่อย่างไรในไมโทซิส

1.เส้นใยสปินเดิลหดตัว
2.sister chromatid แยกตัวออกจากกัน

1.โครโมโซมเรียงตัวกันอยู่ตรงกลางของเซลล์

1.โครโมโซมสลายตัว เส้นใยสปินเดิลเกิดการสลายตัว
2.เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนิวคลีโอลัสเริ่มปรากฎ
3.โครมาทิดคลายตัวเป็นโครมาทิน

1.เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนิวคลีโอลัสหายไป
2.chromatin หดตัวเป็น chromosome
3.centrosome แยกออกจากกัน
4.มีการสร้างเส้นใยสปินเดิล
5.1 โครโมโซม มีเพียง 2 โครมาทิด

48 Metaphase มีกระบวนการหน้าที่อย่างไรในไมโทซิส

1.โครโมโซมสลายตัว เส้นใยสปินเดิลเกิดการสลายตัว
2.เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนิวคลีโอลัสเริ่มปรากฎ
3.โครมาทิดคลายตัวเป็นโครมาทิน

1.เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนิวคลีโอลัสหายไป
2.chromatin หดตัวเป็น chromosome
3.centrosome แยกออกจากกัน
4.มีการสร้างเส้นใยสปินเดิล
5.1 โครโมโซม มีเพียง 2 โครมาทิด

1.โครโมโซมเรียงตัวกันอยู่ตรงกลางของเซลล์

1.เส้นใยสปินเดิลหดตัว
2.sister chromatid แยกตัวออกจากกัน

49 Anaphase มีกระบวนการหน้าที่อย่างไรในไมโทซิส

1.เส้นใยสปินเดิลหดตัว
2.sister chromatid แยกตัวออกจากกัน

1.เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนิวคลีโอลัสหายไป
2.chromatin หดตัวเป็น chromosome
3.centrosome แยกออกจากกัน
4.มีการสร้างเส้นใยสปินเดิล
5.1 โครโมโซม มีเพียง 2 โครมาทิด

1.โครโมโซมเรียงตัวกันอยู่ตรงกลางของเซลล์

1.โครโมโซมสลายตัว เส้นใยสปินเดิลเกิดการสลายตัว
2.เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนิวคลีโอลัสเริ่มปรากฎ
3.โครมาทิดคลายตัวเป็นโครมาทิน

50 Anaphase มีกระบวนการหน้าที่อย่างไรในไมโทซิส

1.โครโมโซมเรียงตัวกันอยู่ตรงกลางของเซลล์

1.เส้นใยสปินเดิลหดตัว
2.sister chromatid แยกตัวออกจากกัน

1.เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนิวคลีโอลัสหายไป
2.chromatin หดตัวเป็น chromosome
3.centrosome แยกออกจากกัน
4.มีการสร้างเส้นใยสปินเดิล
5.1 โครโมโซม มีเพียง 2 โครมาทิด

1.โครโมโซมสลายตัว เส้นใยสปินเดิลเกิดการสลายตัว
2.เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนิวคลีโอลัสเริ่มปรากฎ
3.โครมาทิดคลายตัวเป็นโครมาทิน