ประเทศสิงคโปร์เป็นอีกประเทศที่มีคนไทยไปศึกษาต่อเป็นจำนวนมากนะคะ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย แถมค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงจนเกินไป วันนี้พี่แก้มได้ไปอ่านบทความเกี่ยวกับระบบการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ของ www.ednet.co.th และ www.singaporeedu.gov.sg ซึ่งคิดว่าเป็นประโยชน์สำหรับน้องๆ ที่สนใจการศึกษาที่สิงคโปร์ เลยนำมาฝากน้องๆ ค่ะ ไปอ่านกันเล้ย! ^^
ระบบการศึกษาของสิงคโปร์แบ่งเป็นภาคการศึกษาพื้นฐาน 10 ปี คือชั้นประถมศึกษา 6 ปีและมัธยมศึกษา 4 ปี จากนั้นนักเรียนอาจจะเรียนต่ออาชีวศึกษา เทคนิค เตรียมอุดมศึกษา หรือหลักสูตรเสริมจากประโยคมัธยมศึกษาเพิ่มเติม รัฐบาลสิงคโปร์ให้ความสำคัญต่อการศึกษาเป็นอย่างมาก ด้วยงบประมาณ 6 พันล้านสิงคโปร์ดอลลาร์ต่อปี งบประมาณการศึกษาของประเทศถูกจัดอยู่ในอันดับสองรองจากงบประมาณการป้องกันและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพราะสิงคโปร์มีแต่ทรัพยากรบุคคล การศึกษาและการฝึกอบรมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สุด การเรียนและการใช้ชีวิตในสิงคโปร์จะมีการแข่งขันตลอดเวลา
ระบบการศึกษา
โรงเรียนในสิงคโปร์แบ่งเป็นโรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย โรงเรียนรัฐบาลได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลทั้งหมด โรงเรียนเอกชนได้รับเงินสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาล แต่บริหารโดยคณะกรรมการซึ่งเป็นเอกชน นอกจากนั้นยังมีโรงเรียนอิสระซึ่งบริหารและกำหนดนโยบายรวมถึงหลักสูตรเองทั้งสิ้น ประเทศสิงคโปร์มีโรงเรียนประถม 178 แห่ง มัธยม 156 แห่ง วิทยาลัย18 แห่ง โพลีเทคนิค 5 แห่ง และมหาวิทยาลัยอีก 3 แห่ง
การเตรียมตัวเพื่อสอบเข้าเรียน
นักเรียนไทยที่ประสงค์จะไปศึกษาต่อระดับประถม และมัธยมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลของสิงคโปร์จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อสอบเข้าเรียน นักเรียนต้องมีพื้นความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะต้องสอบวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์แล้ว โรงเรียนหลาย ๆ แห่งยังสัมภาษณ์นักเรียนเป็นภาษาอังกฤษก่อนที่จะตัดสินใจรับเข้าศึกษา นอกจากนี้นักเรียนจะต้องยอมรับการถูกลดชั้นเรียน 1-2 ชั้น โดยทั่วไปนักเรียนจะต้องเตรียมตัวสอบก่อนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 4-8 เดือน ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความสามารถของแต่ละบุคคล นักเรียนต่างชาติสามารถยื่นใบสมัครเข้าเรียนได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เพื่อเข้าเรียนในเดือนมกราคมปีถัดไป โรงเรียนสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะไม่รับนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 สำหรับระดับอุดมศึกษาจะเปิดรับเฉพาะ Pre University ปีที่ 1 เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนมีเวลาปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษาและไม่ต้องเรียนหนักจนเกินไป
คุณสมบัติในการรับสมัครนักเรียน
คุณสมบัติเบื้องต้นที่สถาบันการศึกษากำหนดนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน และเนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอน สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่จึงกำหนดคุณสมบัติขั้นต้นด้านภาษาอังกฤษของนักเรียนนักศึกษา ด้วย
โดยทั่วไป คุณสมบัติด้านภาษาอังกฤษที่เป็นที่ยอมรับคือ: - General Certificate of Secondary Education (GCSE) - Test of English As a Foreign Language (TOEFL) - International English Language Testing System (IELTS) นอกจากคุณสมบัติด้านภาษาอังกฤษแล้ว สถาบันต่างๆยังมีคุณสมบัติขั้นต้นที่ต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะระบุไว้ใน คู่มือนักเรียนนักศึกษา แผ่นพับ หรือเว็บไซต์ของสถาบัน
เอาล่ะ! กำลังอ่านเพลินๆ อยู่หรือเปล่า พี่แก้มขอพักข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาที่ประเทศสิงคโปร์ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ คราวหน้าพี่แก้มจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับขั้นตอนการสมัครเรียนในโรงเรียนที่ประเทศสิงคโปร์มาฝากน้องๆ กันอีกค่ะ อย่าลืมติดตามน้า ^^
พี่แก้มขอขอบคุณบทความดีๆ และภาพประกอบจาก www.ednet.co.th www.singaporeedu.gov.sg และ www.visitsingapore.com
*มีคำถาม แนะนำ ติ-ชม หรืออยากเล่าประสบการณ์เด็กนอก ส่งอีเมล์หรือแอด msn มาที่ gam@dek-d.com* |
23 ความคิดเห็น
ไปอเมริกายังมีคุณภาพมากกว่าน๊ะ
มหาวิทยาลัยของอเมริกา ติดท็อป อันดับต้นๆ ของโลกทั้งนั้น
อาทิ Havard U. , Yale U. , Massachusats MIT. , California U. ฯลฯ
แค่เทียบในเอเชีย สิงคโปร์ เป็นอับดับ 3 ของเอเชีย รองจาก ญี่ปุ่น และ ไต้หวัน
เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยทั่วโลก ญี่ปุ่นจะเป็นรองแถบยุโรป ทำให้อันดับของสิงคโปร์
ตกไปเรื่อยๆ
ส่วนยุโรป จะเป็นรอง สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยของยุโรปจะเป็นรองไล่ตามลำดับ แต่
สหรัฐอเมริกา จะเป็นที่หนึ่งของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี บันเทิง
การทหาร เศรษฐกิจ และกีฬา
ฉันว่า ไปอเมริกา ดีกว่า
ไปเรียนแค่ 8 วัน
ได้ป่ะเนี่ย
55+
ประเทศเค้าของก้อถูกเหมือนกันนะคะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 มกราคม 2553 / 15:51
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 3 มกราคม 2553 / 15:52
เพื่อนเราไปคนที่นั่นเค้ายังมาถามเลยว่า ขี่ช้างไปโรงเรียน หรืออารายประมานนี้
งงก่าเค้ามากมาย เเล้วยังตกใจมากที่เพื่อนเรามีโน้ตบุ๊กไปด้วย
อันนี้มันขึ้นอยู่กับคนค่ะ
ส่วน คห. ที่ 1 เอ่อ คุณไม่อยากไปจามาทำเพื่ออะไรพูดอย่างกับของเค้าไม่มีดีเลยงั้นเเหละ
มหาลัยดีหมดทุกที่ละค่ะ อยู่ที่ตัวเรามากกว่าว่ามีความพยายามกอบโกยไปได้มากเท่าไหร่
เราอยู่อเมริกามา 2 ปีล่ะ จริงซิ 2009 เข้าปีที่ 3 แล้ว ที่บอกว่าคนอเมริกันชอบดูถูกคนไทยอ่ะ
มั่วรึป่าว ถ้าเคยอยุ่อเมริกาจริงคงไม่เป็นอยางนี้หลอก เราอยู่ Los Angeles นานอ่ะ ไปโรงเรียนก็
เข้ากับเพื่อนอเมริกันได้ดี เค้าชมด้วยว่า ประเทศไทย สวยมาก ทะเลน่าเที่ยว เค้าอยากไปอยู่ที่
ประเทศไทย เพราะคนอเมริกันส่วนมากเบื่อสงครามอิรัก หวาดกลัวก่อการร้าย ฯลฯ เค้าบอกว่า
เคยไปเที่ยวไทยมาแล้ว รู้สึกประทับใจ วัดพระแก้ว เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา เป็นที่ฮิตของคนอเมริกันเลย
ไม่เห็นมีคัยจะมาดูถูกกันเลย ค.ห. 8 คงมั่วจริงๆ
คุณ คห 1 ขา ทุกคนทราบค่ะ ว่าอเมริกา การศึกษาอ่ะ ดีที่สุ ดเพราะตอนนี้เราก็อยู่อเมริกา แต่เราก็รู้กันว่า อเมริกา มันแพงมาก บางคนที่เค้าไม่มีเงินมากพอ เค้าก็มีทางเลือกอย่างสิงคโปร์ก็ได้นี่คะ ไม่เห็นเป็นไรเรย เรียนที่ไหนก้เหมือนกันนั่นแหละ คนที่เรียนไทย บางคน เก่งกว่าคนจบนอกมาก็มีนะ อย่าตัดสินแค่นั้นสิ
คห 8 ใครว่า คนเมกา ดูถูก ไทย ไม่เรยค่ะ ตอนนี้ เราอยู่เมกา เพื่อนเราก็ถามว่ามาจากไหน เราก็บอกไทย ทุกคนตอบมาว่า cool ไม่ก็ good ทุกคนเรย เค้าไม่มีดูถูกนะ มีแต่จะให้เล่าให้ฟัง ว่าเราเป็นไง ไม่หรอกค่ะ อย่าตัดสินอะไรง่ายๆ แบบนั้นสิ ดีๆ เค้าก็มีเยอะ
เข้าใจว่าอเมริกาดีกว่า เเต่เงินสิคะ มันไม่ได้ขุดดินเเล้วเจอนะ เข้าใจมั้ยยยยยย
> <
มีใครจะไปมั่ง
ตอนนี้เราอยู่ชั้นม.3แล้ว
-*-
จะไปตอนม.4แต่......ได้ข่าวไม่รับ
5555+
คงต้องโดนลดชั้น-*-
ใครไปปีนี้
บอกด้วยน๊า จะได้ทำความรู้จักกัน อิอิ
---------------------------------------------
เออ ขอโทดน่ะค่ะ คือ กะทู้นี้เค้าให้ความรู้เรื่องที่จะไปเรียนสิงคโปรอ่ะค่ะ ไม่ใช่ให้มาเปรียบเทียบ ว่าอเมริกา ดีกว่าสิงคโปรหรือไม่ ก็ดีเหมือนกันและค่ะ มันขึ้นอยู่กับคนที่เรียนนะคะ
น้องควรดูคุณภาพการศึกษาของประเทศนั้นๆ ไม่ใช่ประเทศนั้นน่าอยู่ก็จะไปเรียนเลย
ลองดูอันดับ 100 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก มหาวิทยาลัยของประเทศไหน ติดมากที่สุด
มหาวิทยาลัยของประเทศไหน อยู่อันดับหนึ่งของโลก
ซึ่งคะแนนเฉลี่ยระดับมหาวิทยาลัยโลก เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณภาพของประเทศนั้นๆ
สูงหรือต่ำ พร้อมที่จะแข่งขันในระดับแนวหน้าของโลกได้
การเรียนในระดับประถม มัธยมของประเทศนั้นๆ มีพื้นฐานที่แน่นพอ จึงทำให้คุณภาพ
ของมหาวิทยาลัยในประเทศนั้นๆ มีประสิทธิภาพสูง
ถ้าน้องๆจะไปเรียนต่อ ปี 1 ในประเทศที่มีคุณภาพการศึกษาสูงในระดับแนวหน้าของโลก
น้องๆควรเรียนปรับพื้นฐานภาษาและวิชาต่างๆ ก่อนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เป็นอย่างน้อย
1 ปี เพื่อความรู้พื้นฐานแน่น ถ้าเรียนจบ ม.6 ของเมืองไทย ไม่ว่าจะเตรียมอุดมหรือโรงเรียน
ระดับแนวหน้าของเมืองไทย จะไปเทียบหน่วยกิตและ
ระดับคุณภาพกับต่างประเทศ ไม่ได้แน่นอน
ตราบใดที่การศึกษาไทยยังมีคุณภาพไม่เพียงพอ พร้อมที่จะแข่งขันในระดับนานาชาติแล้ว
ควรเรียนปรับพื้นฐานในประเทศนั้นๆก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
หรือไปเรียนมัธยมปลายที่นั้นเลยก็ได้ ซึ่งมีคุณภาพสูงกว่าเตรียมอุดมของเมืองไทย