สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com ใครที่เห็นชื่อบทความนี้คงจะมีความรู้สึกแตกต่างกันไปนะครับ ถ้าคนที่กำลังหาข้อมูลไปเรียนต่อเมืองนอก คงจะร้องอ๋อ! แต่ถ้าคนที่ไม่เชี่ยวคงจะรู้สึกงงนิดๆ เอาเป็นว่า พี่ยีน จะเล่าเกี่ยวกับ "เอเจนซี่" ให้ฟังคร่าวๆ นะครับ
เอเจนซี่ (Agency) เป็นคำสั้นๆ ที่แปลว่า ตัวแทนหรือผู้แทน ซึ่งจะทำหน้าที่ในการรับจ้างทำภารกิจบางอย่างแทนผู้อื่น โดยเอเจนซี่จะมีกระจัดกระจายในหลายๆ วงการ ทั้งในรูปบริษัททัวร์ บริษัทโฆษณา บริษัทจัดหางาน และที่พี่ยีนกำลังจะกล่าวถึงก็คือ บริษัทแนะแนวและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศครับ เมื่อน้องๆ คนไหนต้องการไปเรียนเมืองนอก แต่ไม่สามารถติดต่อหาโรงเรียนและที่พัก ไม่รู้ขั้นตอนการทำวีซ่า และไม่รู้อะไรอีกสารพัด เอเจนซี่เหล่านี้ก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อให้น้องๆ ได้ไปเมืองนอกดังที่ฝันไว้ แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นสิครับ เพราะมีข่าวทะลุเข้าหูอยู่เนืองๆ ว่า บางเอเจนซี่ได้ทำการหลอกเอาเงินที่พ่อแม่ผู้ปกครองอุตส่าห์สะสมมา และชิ่งหนีไปหน้าตาเฉย ซึ่งนอกจากจะเกิดเป็นคดีความแล้ว ยังทำลายฝันของเด็กๆ และสร้างรอยด่างให้กับวงการเอเจนซี่อีกด้วย เพื่อป้องกันเหตุการณ์แย่ๆ กับแฟนๆ คอลัมน์เรียนต่อนอก พี่ยีนจึงจะพาน้องๆ สวมวิญญาณนักสืบ เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเอเจนซี่แต่ละเจ้า โดยวิธีเช็คนั้นมีมากหมายหลายวิธีดังต่อไปนี้ 1. ตรวจสอบชื่อเสียงของศูนย์แนะแนวต่างๆ ว่ามีประสบการณ์เกี่ยวกับการศึกษาต่อต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน ตัวอย่างเช่น ดูว่าเจ้าหน้าที่ที่ให้คำปรึกษากับน้องๆ นั้น มีประสบการณ์ในการไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศไหม เคยไปเยี่ยมชม หรือไปอบรมที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ 2. เดินทางไปดูสถานประกอบการของเอเจนซี่ที่ติดต่อไว้ และน้องๆ จะได้สามารถนำมาพิจารณาได้ว่าน่าเชื่อถือไหม เช่น สถานประกอบการเล็กมากจนไม่มีที่นั่ง (ควรใช้วิจารณาญาน) หรือเจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยได้เลย 3. ควรจะไปสอบถามข้อมูลมากกว่าหนึ่งเอเจนซี่ หรือลองคุยกับผู้ที่สนใจคน อื่นๆ ดูว่าที่เอเจนซี่อื่นเป็นอย่างไรบ้าง แล้วนำมาเปรียบเทียบดู 4. ตรวจสอบดูว่าเอเจนซี่นั้นๆ เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยจริงหรือเปล่า โดยปกติสามารถตรวจสอบได้จากทางเว็บไชด์ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ หรือถ้าจะศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักร ก็สามารถตรวจสอบได้กับทาง British Council 5. โดยปกติมหาลัยจะมีการอบรมเจ้าหน้าที่ของศูนย์แนะแนวนั้นๆ เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี ดังนั้นที่ปรึกษาควรจะต้องตอบคำถามน้องๆ ได้ เกี่ยวกับรายวิชา หรือที่ตั้งของมหาวิทยาลัย แล้วนำมาพิจารณาดูว่าสิ่งที่เขาพูดถูกต้องไหม 6. น้องๆ ควรสอบถามเกี่ยวกับรายวิชาที่น้อง ๆ สนใจจะไปศึกษาว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง แล้วดูว่าเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร หรือ ทำไมเขาถึงแนะนำมหาวิทยาลัยนั้น (โดยปกติเอเจนซี่มักจะแนะนำเฉพาะมหาลัยที่เป็นตัวแทน) 7. ตรวจสอบดูว่าเอเจนซี่นั้นๆ คิดค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะโดยปกติแล้วจะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นกรณีที่สมัครมหาวิทยาลัยที่เก็บค่าใบสมัคร หากเอเจนซี่นั้นๆ คิดเงินต้องให้แจกแจงว่าเป็นค่าอะไร เพราะถ้าเป็นค่าบริการ หรือค่าให้คำปรึกษา น้องๆ ไม่ควรจ่ายให้ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทางเอเจนซี่จะได้ค่าคอมมิสชั่นจากทางมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว 8. น้องๆ ที่สมัครมหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องให้เวลาในการพิจารณาใบสมัคร ประมาณ 4 -6 สัปดาห์ หากเกินกว่านั้น ต้องตรวจสอบว่าการพิจารณาไปถึงไหนแล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับนักสืบทั้งหลาย แม้จะมีวิธีมากมายหลายขั้นตอน แต่เสียเวลาเช็คสักนิด จะได้ไม่เสียรู้เอเจนซี่โหดหินนะครับ ใครที่เรื่องราวอยากพูดคุยหรืออยากเล่าประสบการณ์เด็กนอกให้พี่ยีนฟัง ก็อีเมลมาได้ครับที่ gin@dek-d.com คราวหน้า พี่ยีน จะมีเรื่องราวอะไรมาฝากอีก ก็คอยติดตามกันนะครับ..
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Hands On Education Consultants
|
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
12 ความคิดเห็น
Aston University
University of Bath
Bath Spa University
Birkbeck, University of London
University of Birmingham
Birmingham City University
University College Birmingham
University of Bolton
Bournemouth University
University of Bristol
Brunel University
Cardiff University
University of Central Lancashire
City University London
Coventry University
University of Cumbria
Durham University
University of East Anglia
University of Edinburgh
University of Exeter
University College Falmouth
University of Glasgow
University of Greenwich
University of Hertfordshire
University of Huddersfield
University of Kent
Lancaster University
University of Leeds
University of Leicester
University of Liverpool
Liverpool John Moores University
London Metropolitan University
Loughborough University
University of Manchester
Manchester Metropolitan University
Middlesex University
Newcastle University
Northumbria University
University of Nottingham
Nottingham Trent University
Oxford Brookes University
University of Portsmouth
Queen Mary, University of London
University of Reading
Roehampton University
University of Salford
University of Sheffield
University of Southampton
University of Sunderland
Sheffield Hallam University
University of Westminster
Royal Holloway, University of London