University of Cambridge แหล่งผลิตคนโนเบล

 

 

     สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com  คราวที่แล้ว พี่ยีน ได้แนะนำมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของสหราชอาณาจักรกันไปแล้ว และทิ้งท้ายไว้ว่า สัปดาห์นี้จะนำแก่แต่เก๋าอันดับสองมาให้รู้จักกัน ซึ่งจะเป็นมหาวิทยาลัยใดไปไม่ได้นอกเสียจากที่นี่ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

 

 

     มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1209 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร  ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของโลก เป็นมหาวิทยาลัยที่มีผู้ได้รางวัลโนเบลสูงที่สุดถึง 81 รางวัล

     นอกจากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับรางวัลโนเบลแล้ว เคมบริดจ์ยังผลิตบุคคลชั้นนำของไทย ซึ่งที่น้องๆ พอจะคุ้นหูก็คือ อานันท์  ปันยารชุน  ประธานองคมนตรี และดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ผู้ร่วมสร้างชิ้นส่วนขา และระบบลงจอดของยานไวกิ้งที่ลงจอดบนดาวอังคาร ในโครงการนาซ่าของสหรัฐฯ  ซึ่งปัจจุบัน มีนักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อที่เคมบริดจ์ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งยังมีสมาคมนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อีกด้วย (คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์สมาคม)

     มีตำนานกล่าวว่า ในปี ค.ศ. 1209 ผู้ก่อตั้งเป็นกลุ่มคณาจารย์และนักศึกษา ที่ย้ายมาจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ซึ่งเดิมทีนักศึกษาและครูอาจารย์ในอ๊อกซฟอร์ดทะเลาะเบาะแว้งกับชาวเมืองอ๊อกซฟอร์ดอย่างรุนแรง จนมีชาวบ้านคนหนึ่งถูกจับแขวนคอตาย จากนั้นคณาจารย์และนักศึกษากลุ่มหนึ่งกลัวความผิดเลยพากันหนีไปเมืองเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำแคม แล้วรวมตัวกันสอนจนเกิดเป็นมหาวิทยาลัยขึ้นมา ระบบการเรียนการสอนของเคมบริดจ์จึงคล้ายกับของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด


     หลังการก่อตั้ง มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้ขยายตัวและรับนักศึกษาเพิ่มขึ้น จึงมีการจัดตั้งวิทยาลัยเพิ่มขึ้น  จนปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ประกอบด้วย 31 วิทยาลัย  ซึ่งจะมีหลักสูตรการเรียนการสอนทั้งหมด 6 สาขาใหญ่ๆ ได้แก่

     Arts and Humanities
     Biological Sciences, including Veterinary Medicine
     Clinical Medicine
     Humanities and Social Sciences
     Physical Sciences
     Technology

     ระบบวิทยาลัยของเคมบริดจ์ มีลักษณะคล้ายบ้านของนักเรียนในหนังสือแฮรี่พอตเตอร์ คือ พอเข้าอาศัยที่ไหนแล้วก็จะไม่มีการสลับสับเปลี่ยน (ยกเว้นตอนเปลี่ยนระดับการศึกษา อาจขอเปลี่ยนแปลงได้) แม้นักเรียนจากแต่ละวิทยาลัย จะเรียนร่วมกันในคณะหรือสาขาต่างๆ แต่ก็จะมีระบบติว (supervision) แยกจากกัน นักเรียนแต่ละวิทยาลัยจะแข่งขันกัน ทั้งด้านการเรียนและกิจกรรม ทุกวิทยาลัยจะมีประเพณีของตัวเอง มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ของตัวเอง มีสีและสัญลักษณ์ของตัวเอง และมีทรัพย์สินอาคารบ้านเรือนของตัวเอง (เช่น สระว่ายน้ำ สนามสควอช ที่ให้เช่าริมฝั่งแม่น้ำ Thame หอศิลป์ โบสถ์ อาคารธุรกิจ หุ้นในประเทศต่างๆ ฯลฯ) ดังนั้น วิทยาลัยแต่ละแห่งของเคมบริดจ์ จึงมีฐานะร่ำรวย และชอบที่จะแข่งขันกันว่าใครจะให้ความสะดวกแก่เด็กตัวเองได้มากกว่ากัน หรือแข่งกันว่าจ้างอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการให้กับวิทยาลัยของตน ซึ่งถึงแม้ว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แต่ละคนจะมีวิทยาลัยในสังกัดของตน แต่ก็จะสอนเด็กของวิทยาลัยอื่นๆ ด้วย

     ถ้าน้องๆ คนใดอยากเข้าที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ต้องพยายามกันหน่อยล่ะครับ  เพราะขึ้นชื่อว่าติดอันดับโลกแล้วล่ะก็ การคัดเลือกนักศึกษาเข้าเรียนต่อต้องหินแน่ๆ โดยเฉพาะผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS ครับ ที่มหาวิทยาลัยแถวๆ ออสเตรเลียอาจต้องการแค่ระดับ 5.5-6.0  แต่เคมบริดจ์ต้องการถึง 7.0 ครับ

     ส่วนเรื่องเงินๆ ทองๆ นั้น ค่าเทอมสายมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์จะอยู่ที่ปีละ 9,747 ปอนด์ (498,000 บาท) สายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 12,678 ปอนด์ (ประมาณ 647,000 บาท) และสายวิทยาศาสตร์การแพทย์ 23,631 ปอนด์ (ประมาณ 1,206,000 บาท)  นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมของวิทยาลัยแต่ละแห่งปีละ 3,300-4,400 ปอนด์ (ประมาณ 169,000-225,000 บาท) และค่าใช้จ่ายส่วนตัวปีละ 6,000-7,500 ปอนด์ (307,000-383,000 บาท)  ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

     สำหรับทุนการศึกษาที่จัดไว้ให้แก่นักศึกษาต่างชาตินั้นมีจำกัด และสำหรับนักศึกษาปริญญาตรีก็จะเป็นทุนสมทบบางส่วนเท่านั้น  ที่สำคัญมีน้อยและต้องสอบชิงทุนกันครับ

     แม้เรื่องค่าใช้จ่าย และความหินในการสอบเข้าจะเป็นปัญหาหลัก แต่ถ้าน้องๆ คนใดที่สามารถเรียนจบจากที่นี่ได้ ก็พอมีแววที่จะไต่ขึ้นไปเป็นบุคคลสำคัญทั้งของวงการธุรกิจและของโลก และถ้าใครอยากไต่เข้ามาเป็นบุคคลสำคัญในใจของพี่ยีน ก็อีเมล์มาพูดคุยกันหรือนำประสบการณ์การเรียนต่อนอกมาเล่าสู่กันฟังบ้างครับที่ gin@dek-d.com คราวหน้าพี่ยีนจะพาไปทัวร์มหาวิทยาลัยแห่งไหนอีก  คอยติดตามกันครับ...

 

 

Sources : http://th.wikipedia.org, www.cam.ac.uk
Pics : www.hhmi.org, www.tripadvisor.com, www.kings.cam.ac.uk


 

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

29 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
yakkaru Member 5 มี.ค. 52 22:37 น. 3
เคมบริดจ์ ดีเลิศ วิวงาม สไตล์แบบอืมฮืมมมม แต่ค่าเทอม ... 4000 ที่ไทยยังไม่มีปัญญาจ่ายเลยอ่ะ T^T
0
กำลังโหลด
จองงอย 5 มี.ค. 52 23:00 น. 4
สัตวแพทย์ของเค้าเป็นสาขาใหญ่สาขานึงเลยเนอะ คงให้ความสำคัญน่าดู ประเทศเราสัตวแพทย์แบบเงียบๆเหงาๆ ไม่มีคนจะสนใจเท่าไหร่เลย ฮือๆ สู้ๆค้าบพี่น้อง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
=`KaO`= Member 10 เม.ย. 52 05:38 น. 10
พี่ ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ก้อ เรียน ที่นี่




แต่ ไม่รู้ ว่า คณะ อะไร




คนอารั๊ยย สวย + เก่ง + รวย



อิจฉาา  T T
0
กำลังโหลด
ดีค้าฟฟฟฟ Member 10 เม.ย. 52 14:56 น. 11
ปูไปรยาเรียนที่เเคมบิดหรอ

ไหนตอนแรกบอกไปออกฟอร์ต เเต่ไม่ใช่อันที่เก่าแก่ๆนะ

เป็น ม.เอกชนอ่ะ เเต่ชื่อคล้ายๆกัน

ค.ห.10 มั่วป่ะเนี่ย
0
กำลังโหลด
ดีค้าฟฟฟฟ Member 10 เม.ย. 52 14:56 น. 12
ปูไปรยาเรียนที่เเคมบิดหรอ

ไหนตอนแรกบอกไปออกฟอร์ต เเต่ไม่ใช่อันที่เก่าแก่ๆนะ

เป็น ม.เอกชนอ่ะ เเต่ชื่อคล้ายๆกัน

ค.ห.10 มั่วป่ะเนี่ย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
apooney Member 17 พ.ค. 52 23:01 น. 15
พี่ยีนอ่ะ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ก็น่าสนใจนะคะ แต่รบกวนเอามหาวิทยาลัยในกรีซมาลงให้หนูด้วยนะคะ
0
กำลังโหลด
- -* 20 มิ.ย. 52 12:37 น. 16
เราเคยไปเดินเล่นมา สวยมากกกอะ

เราว่าค่าเรียนมันก็พอสมน้ำสมเนื้อนะ กับสิ่งที่เราจะได้รับกลับมา

จริงไม๊? . . .

ค่าเรียนอะไม่เท่าไหร่หรอกแต่ค่าใช้จ่ายน่ะ สิ่งล่อตาล่อใจมันเยอะ (แบบว่ามากๆไง ) เราไปเรียนแค่เดือนเดียวก็หมดไปหลายยอยู่เหมือนกัน มันอยู่ที่คนว่าจะใช้เงินยังไง
อย่างค่ากินวันๆนึงถูกสุดก็ประมาณ 3-5 ปอนนะ(สำหรับเรา) - -*

ใครอยากไปเรียนยังไงก็สู้ๆ
เห็นด้วยกับ คห.13
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Omyim 29 ก.ค. 52 20:40 น. 19
จบมาได้ก็คือเก่งมาก ๆ เลยอ่ะ

อาจารย์เราได้ทุน Cambridge Thai Foundation กับ Cambridge Overseas Trust

ไปเรียนต่อโทควบเอกที่ ม.นี้ ก็เก่งสุดยอดไปเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด