สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และคอลัมน์เล่าประสบการณ์เด็กนอกพร้อมกับพบปะเพื่อนใหม่ที่เอาเรื่องสนุกๆ มาฝากอีกแล้วล่ะ ^^ สำหรับวันนี้ พี่เป้ ก็มาพร้อมกับสาวแว่นน่ารักคนนึงที่เคยไปใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนประจำในอินเดียที่เค้าว่ากันว่ากฎระเบียบเข้มสุดๆ จะเป็นยังไงนั้นไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
|
สวัสดีค่ะ เราชื่อ 'เอ๋ย' ค่ะ เราเคยไปเรียนอินเดียตอนปี
2551- 2552 อ่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่ที่โรงเรียน JSS
Internation School เมือง Ooty อ่ะ ตั้งอยู่ที่อินเดีย
ตอนใต้ แต่ใครอย่าคิดว่าร้อนนะ เพราะตัวโรงเรียนเค้าตั้ง
อยู่บนเขาค่ะ
สงสัยกันใช่มั้ยล่ะว่า ทำไมเราถึงเลือกไปอินเดีย เพราะ
อินเดียเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษไง แล้วภาษาอังกฤษก็
เป็นภาษาราชการควบคู่กับภาษาฮินดี้ (Hindi) เลยทำให้
คนที่นู่นเค้าใช้ภาษาอังกฤษได้ซะส่วนใหญ่ แถมค่าเทอม
ก็ไม่แพงเท่าไหร่ด้วย มีตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงหลัก
เกือบล้านกันเลยทีเดียว ส่วน JSS ที่เราเรียนนี่ราคา
ประมาณ 3 แสน รวมกินค่าอยู่ จนถึงค่าตั๋วเครื่องบินเลย
^^
โรงเรียนเป็นโรงเรียนมังสวิรัติค่ะ แต่อย่าคิดนะว่าจะมี
แต่ผัก เหอะๆ มีแต่แป้งทั้งนั้นเลย รวมทั้งพวกถั่ว เครื่อง
เทศ T_T และก็เคิร์ต (มันจะคล้ายกับโยเกิร์ตค่ะ) นอก
จากนั้นอาหารก็จะเป็นพวกเครื่องแกงต่างๆ ที่ถ้าไม่คิด
อะไรมากก็พอกินได้ (แต่เราว่ามันเหมือนโรงเรียนช่วยลด
น้ำหนักอ่ะ เพราะไปกันกี่คนน้ำหนักลดทุกราย= =) |
{pic-desc}
มาถึงเรื่องการเรียนกันดีกว่า โรงเรียนนี้มีสองระบบค่ะ อย่างแรกคือ CBSC เป็นหลักสูตรของอินเดีย ส่วนอีกหลักสูตรที่คนไทยนิยมเรียนกันก็คือ IGCSE หรือ O-Level เป็นหลักสูตรของอังกฤษนั่นเอง
อธิบายกันก่อนดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะงงกันว่าไอ้หลักสูตรนี้คืออะไร ....... IGCSE หรือ O-level เป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ มีถึงเกรด 10 (ถ้าโรงเรียนอินเตอร์เมืองไทยจะเป็นเกรด11) ถ้าสอบหลักสูตรนี้ผ่านเกณฑ์ได้ C ขึ้นไป 5 ตัว จะมีสิทธิ์เทียบเท่าชั้น ม.6 เมืองไทยค่ะ วิชาที่เราเรียนที่นู่นมี Maths , ESL (English as a Second Language) , Biology , Chemistry , Physics , French เป็นต้น ซึ่งทางโรงเรียนก็จะให้เลือกเรียน 5-7 วิชา ค่ะ (รู้สึกว่าตอนนี้จะบังคับให้เรียน 7 วิชาแล้วนะ) ซึ่งก็จะเรียนกันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 4 โมงกว่าวันจันทร์ถึงศุกร์ และวันเสาร์ตอน 9 โมงถึงเที่ยงค่ะ
{pic-desc}
ชีวิตประจำวันของเด็กประจำที่อินเดียสำหรับโรงเรียนนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากเรียน - -
ตื่นเช้ามาตอนตีห้า ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็มานั่ง study (นั่งอ่านทบทวนหนังสือ) ที่ห้องเรียนจนถึงแปดโมง แล้วก็ไปกินอาหารเช้า แล้วก็เข้าแถวเพื่อเข้าห้องเรียน เรียนจนถึงบ่ายโมง ก็ไปกินอาหารกลางวันค่ะ เวลาไปกินอาหารกลางวันก็ไม่ใช่เดินตามใจชอบนะคะ เวลาเดินทุกช่วงต้องเดินเป็นแถวค่ะ
{pic-desc}
หลังจากกินข้าวแล้ว โรงเรียนจะปล่อยให้ไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็ไปเรียนต่อจนถึงเย็นเลย ระหว่างช่วงเวลาเรียนจะมีช่วงพักตอนเช้าและบ่ายสั้นๆ ประมาณ15 นาทีค่ะ และหลังจากเรียนเสร็จแล้วก็สามารถไปออกกำลังกายที่สนามได้ค่ะ แต่บางครั้งครูเค้าก็จะกักตัวผู้หญิงไว้แต่ในหอเพราะที่สนามมีผู้ชายอยู่ = = ตอนประมาณทุ่มนึงก็จะกินอาหารเย็นค่ะ และหลังจากนั้นก็ไป Study อีกรอบจนถึงสามทุ่ม เป็นอย่างนี้ทุกวันค่ะ ยิ่งถ้าเป็นช่วงสอบนะคะ ไม่ต้องทำกิจกรรมอะไรเลย Study 4-5 รอบต่อวันค่ะ
คิดว่าเกือบทุกคนคงรู้กันอยู่แล้ว ที่อินเดียเค้าเคร่งมากเรื่องชายหญิง แบบทำอะไรก็ตามให้แยกกันไว้ก่อน เดินแถวก็แยก ออกกำลังกายก็แยกช่วงเวลาไม่ให้ลงพร้อมกัน ขนาดกินข้าวยังแยกนั่งโต๊ะชายหญิงเลย -*- เวลาเดียวที่จะได้เจอกันคือช่วงเรียนค่ะ ส่วนกฎของโรงเรียนนี้ ขอบอกว่าสุดๆ ต้องไม่คิดอะไรมากถึงจะอยู่ได้ค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าโรงเรียนเราเป็นมังสวิรัติ อาหารทุกชนิดห้ามนำเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์หรือไม่ ลูกอมซูกัสยังถูกยึดเลยคิดดูสิ กล้องถ่ายรูปก็ห้ามเอาเข้ามาด้วย เราเลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรในโรงเรียนเลย เด็กไทยก็ต้องแอบเอามาม่ามาต้มกินกันค่ะ โดยต้มด้วยน้ำก๊อก (ลืมบอกไปที่นี่เค้าต้มน้ำให้เดือดก่อนจะส่งมาให้เด็กอาบค่ะ เพราะอากาศหนาว อาบน้ำธรรมดาไม่ไหว) และต้องไปนั่งกินกันในห้องน้ำ ไม่งั้นอาจารย์จะจับได้ (อนาถดีแท้T_T) เรียกได้ว่ามาม่าเป็นทางรอดของพวกเรา
และคนที่อยากรู้ว่าคนอินเดียตัวเหม็นจริงมั้ย สำหรับเราขอบอกว่าจริงค่ะ เพราะคนอินเดียส่วนใหญ่ชอบกินเครื่องเทศและไม่ค่อยได้อาบน้ำ (เพราะอากาศหนาว) เลยได้กลิ่นกันไปตามระเบียบบ -/*\-
แต่คนอินเดียบางคนก็ดีมากเลยนะคะ เพราะขอให้ช่วยอะไรเค้าก็ช่วยหมดเลย บางครั้งยังถูกอาจารย์ว่าแทนพวกเราด้วยค่ะ แต่สำหรับคนบางพวกก็แย่ค่ะ ชอบขโมยของและเอาเรื่องของพวกเราไปฟ้องอาจารย์ เพราะฉะนั้นถ้าไปเรียนที่นู่นก็คงต้องเลือกเพื่อนกันหน่อยล่ะค่ะ อาจารย์ที่โรงเรียนก็ไม่ค่อยชอบเด็กไทยนัก เพราะเด็กไทยเป็นพวกง่ายๆ สบายไว้ก่อน ไม่ค่อยทำตามกฎ ซึ่งเรื่องนี้อินเดียถือมาก ตอนเราไปเห็นอาจารย์กำลังตบหัวเด็กคนนึงคะมำเลยเพราะไม่เชื่อฟังเค้า แล้วเด็กไทยที่โรงเรียนเราก็เยอะด้วยแหละ แถมพออยู่กันเป็นกลุ่มก็อาจจะทำตัวไม่ดีนัก เลยทำให้ส่วนใหญ่เค้าแอนตี้พวกเด็กไทย
ส่วนความประทับใจในอินเดียสำหรับเรา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเพื่อนอินเดียที่น่ารักคอยช่วยเหลือเราตลอดค่ะ และอีกอย่างก็คือ อินเดียเค้าจะมีงานเทศกาลนึงชื่อว่าดีวาลี่ เป็นงานใหญ่มากค่ะ เค้าจะจุดพลุเพื่อขอพรเทพแห่งแสงสว่าง เล่นพลุกันแบบเต็มที่ไม่ต้องกลัวตำรวจจับเลยค่ะ ฮา
สำหรับใครที่จะไปเมืองนอกก็ขอฝากไว้หน่อยนะคะ ว่าอย่าให้เค้ามาดูถูกหรือว่าพฤติกรรมการประพฤติของเรา เพราะนั่นหมายถึงเค้าจะมองไปถึงประเทศเราด้วยค่ะ เราควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้เห็นว่าประเทศเราเป็นยังไง จริงมั้ยคะ?
โหดจัง แม้แต่กล้องยังไม่ให้เอาเข้าไปเลย - -" แต่ยังไงก็ตาม พี่เป้ คิดว่ากฎระเบียบที่ถูกกำหนดขึ้นก็เป็นไปเพื่อให้นักเรียนมีสมาธิและจดจ่อกับการเรียนนั่นล่ะค่ะ แล้วก็นับว่าอินเดียก็เป็นอีกประเทศที่เหมาะกับการไปเรียนต่อไม่น้อย เพราะค่าใช้จ่ายไม่แพง แถมยังอยู่ห่างจากเมืองไทย นั่งเครื่องบินแค่ประมาณ 4 ชั่วโมงเอง ...... ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันเพื่อนๆ แบบน้องเอ๋ย ก็สามารถส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เหมือนเดิมเลยนะ ^^ ส่วนสัปดาห์หน้าสาวๆ เตรียมกรี๊ดค่ะ เพราะหนุ่มหน้าใสจากอเมริกากำลังต่อคิวรอเล่าประสบการณ์สนุกๆ อยู่ค่ะ
|
64 ความคิดเห็น
ผิดกับโรงเรียนเราที่อเมริกาลิบลับเลย
ฮ่าๆๆๆ
แต่ต้องกินมังสวิรัตด้วยก็ไม่ไหวนะ
จะเอาแรงที่ไหนมาเรียนกัน
ยังไงก็สู้ๆนะ :D
ถ้าเราไปอยู่
อาทิตย์เดียวก็บ้าตายแล้วTT
ยิ่งพวกมังสวิรัตด้วย
ตายๆ
เรายิ่งไม่ชอบกินอยู่
กว่าจะกินได้
แม่ต้องจับยัดเข้าปาก= =
กินมังสวิรัตด้วย เอาแรงที่ไหนมาเรียนเนี่ย
เรียนก็หนัก
(เหมือนแบบพวกโรงเรียนทหารเลย เคร่งครัดมากกก)
โรงเรียนระเบียบเยอะมากๆ โหดสุดๆ
กินแต่มังสวิรัต คงม่ายไหวจิง = =
สำหรับ ใครที่จะไปเมืองนอกก็ขอฝากไว้หน่อยนะคะ ว่าอย่าให้เค้ามาดูถูกหรือว่าพฤติกรรมการประพฤติของเรา เพราะนั่นหมายถึงเค้าจะมองไปถึงประเทศเราด้วยค่ะ เราควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้เห็นว่าประเทศเราเป็นยังไง จริงมั้ยคะ?
I DO AGREE
ไม่ชอกด้วยฃ่ะว่าได้ออกไปเที่ยว 3-4เดือนครั้ง
เรียนที่ darjeeling ค่ะ เมืองนี้อยู่บนภูเขาค่ะ
อาทิตย์นึงอาบน้ำแค่ 2 ครั้งเอง T T น้ำไม่ค่อยมีด้วย
ตอนแรกๆไปก้รับไม่ได้ค่ะ 55 แต่ไปๆมาๆ ก็เริ่มไม่อยากอาบ เพราะหนาวมากกกกกกก ~
ที่อินเดียกฏระเบียบเยอะมาก เรียนหนักด้วย ไปแล้วคิดถึงเมืองไทยสุดๆเลยค่ะ
เพื่อนคนไทยที่นู้นก็เยอะค่ะ ก็สนุกดี :)
สงสัยเราไปเรียนคงไม่ไหวอ่ะค่ะ
อาจารย์จัดให้มีแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนร.อินเดียผ่านทาง mail
ด้วยตอนนั้นภาษาอังกฤษของเราเก้กังมาก (ม.1 - -) มั่วจนจะเป็นภาษาประหลาดไปเลยทีเดียว
เพื่อนเราบางคนมองว่า เด็กอินเดียเหรอ ติดต่ออินเดีย ต้องพูดภาษาอะไร ไม่รู้เรื่องกันพอดี
แหม... มองคนแต่ภายนอกไม่ได้นะคะ เขาเก่งอังกฤษกว่าเราเยอะ ^^
สนุกดีค่ะ แลกเปลี่ยนรูป แลกข้อมูล บ้านเขามีอะไรแปลกเยอะ (บ้านเราก็แปลกสำหรับเขาเหมือนกัน)
โดยเฉพาะตอนบอกวิธีเล่นหมากเก็บและบอกว่าส้มตำเป็นยังงเนี่ย สนุกมาก ^^
(เห็นภาพของพวกแบมติดอยู่ผนังที่รร.ที่นู่นแล้วรู้สึกแปลกๆค่ะ จั๊กจี้)
แบมว่าประสบการณ์การได้ไปต่างประเทศรึรู้จักประเทศอื่นนี่เป็นเรื่องที่สนุกนะคะ
หัดให้เราปรับตัวด้วยล่ะ ^^ หัดภาษาและได้เรียนรู้วัฒนธรรม
ไม่แพงเท่าไหร่ อยากไปเอาภาษาอะ
เรื่องอื่น คงพอทนได้มั้ง ๆ
มีเพื่อนคนไทยเยอะด้วยนี่ : DD *
คือเดกทุกคนต้องทำทุกอย่างเอง คิดดูเดกประธมนั่งซักกางเกงในเองเงี้ย
พอไปอยุ่นะ ซอสแม็กกี้ น้ำพริกนี้ สุดยอดของสุดยอด
ขนาดเดินไปไหนมาไหน
ต้องเข้าแถว!!
แต่ที่ชอบ คือ แยกกับผู้ชาย
ปลอดภัยดี อิอิ
ราคาถูกด้วย ชอบมั่กๆๆ (แอบงก)
รักโตโน่ เชียร์โตโน่นะคะ
เห็นด้วยกับ คห.6 มากๆๆ
ง่าส์ .... มันยังมีโรงเรียนที่ระเบียบจัดกว่าโรงเรียนเราอึกเหรอ ?
เหอะ ๆๆๆ
Though life was hard, but it was fun. Best time in my life!
I was around Ooty too. Missing Cafe coffe day so much~ ><