5 วิธีไป Work&Travel ให้ฉลาด

             สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ..... ช่วงนี้ พี่เป้ เหมือนจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับนักเรียนแลกเปลี่ยนบ่อยเนาะ จนมีน้องๆ มหาวิทยาลัยแอบบ่นน้อยใจว่าทำไมไม่เขียนของมหาวิทยาลัยบ้าง โอ๋ๆ อย่าน้อยใจไป วันนี้จัดให้เลย !! ซึ่งถ้าพูดถึงวัยมหาวิทยาลัยแล้ว ก็คงจะไม่พ้นเรื่อง Work&Travel โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เรียกว่าเป็นช่วงพีคเลย เพราะน้องๆ หลายคนเริ่มมองหาเอเจนซี่หรือบริษัทที่จะสมัครไป Work&Travel ดังนั้นวันนี้ พี่เป้ จึงมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากค่ะ

             จริงๆ แล้ว Work&Travel ก็ไม่ต่างจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในช่วงวัยมัธยมหรอกค่ะ เพราะการไป Work&Travel ก็เหมือนไปแลกเปลี่ยนเนี่ยแหละค่ะ แต่เป็น "คนทำงานแลกเปลี่ยน" เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน ประสบการณ์ และการท่องเที่ยวมันส์ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เรามาดูกันดีกว่าว่า "5 วิธีไป Work&Travel ให้ฉลาด" ที่ พี่เป้ นำมาฝากกันมีอะไรบ้าง

             1. สืบถามจากรุ่นพี่ ในที่นี้หมายถึงการสืบสอบถามรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยที่เคยไปมาแล้วว่าเอเจนซี่หรือบริษัทไหนดีบ้าง ดูแลดีมั้ย ลอยแพรึเปล่า ซึ่งเวลาถามเนี่ย ก็ไม่ใช่ถามแค่คนสองคนนะคะ ต้องถามเป็นสิบๆ คนเลย เพราะดีสำหรับคนนึง อาจจะแย่(มาก)สำหรับอีกคนก็ได้

             2. ระวังโดนหลอก ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอเจนซี่ค่ะ แต่หมายถึงการซื้อตั๋วเครื่องบิน น้องๆ บางคนตกลงใจซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านเอเจนซี่ของ Work&Travel เลยก็โอเคไป แต่บางคนขอไปหาซื้อเอาเอง ซึ่งต้องระวังให้มากๆๆ ก่อนอื่นเลยต้องเซิร์ชกูเกิ้ลว่า บริษัทขายตั๋วเครื่องบินที่ไหนที่ไว้ใจได้บ้าง ที่ไหนเปิดเป็นบริษัทใหญ่ จดทะเบียนหรือไม่ น่าเชื่อถือแค่ไหน เพราะ พี่เป้ เองมีเพื่อนคนนึง ได้ตั๋วไปอเมริกาจากบริษัทใหญ่ชื่อดังมาก ไว้ใจได้แน่นอนในราคา 45,000 บาท แต่วันดีคืนดีกลับไปเจออีกเจ้านึงให้ราคา 44,000  ซึ่งเป็นบริษัทโนเนม แต่เพื่อนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เลยรีบโอนเงินไปให้ แต่พอเอาเลขรหัสตั๋วเครื่องบินไปเช็ค ปรากฏเป็นตั๋วปลอม !! ซวยครับซวย กับแค่ส่วนต่างเงินแค่พันเดียว ทำให้เจ็บใจมาจนถึงทุกวันนี้เลยล่ะ

             3. อย่าหวังจะหา Second Job Second Job หรืองานที่สองหรืองานรอง เป็นงานที่เราต้องออกไปเดินหาเพิ่มเอาเอง บางคนทำงานหลัก(เป็นเมทในโรงแรม) ตั้งแต่ 7 โมง - 4 โมงเย็น พอตกดึกก็ไปทำงาน Second Job เป็นพนักงานร้านอาหาร 1 ทุ่ม - เที่ยงคืนอะไรทำนองนี้ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะหา Second Job ได้ เพราะอย่างที่รู้ๆ ว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี แม้แต่คนอเมริกันก็ยังตกงานแย่งงานกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะใช้จ่ายเงินกันก็ต้องประหยัดหน่อยนะคะ เพราะบางคนไปถึงก็ช้อปแหลก เพราะคิดว่าเดี๋ยวหางาน second job ได้ก็สบายแล้ว แต่ปรากฏว่าหาไม่ได้ เงินเป็นติดลบซะอย่างนั้น

             4. ระวังให้ดี ถ้าไปกับเพื่อนสนิท !! เคยได้ยินมั้ยคะว่า ถ้าไม่อยากเสียเพื่อนสนิทหรือแฟนไป อย่าไปเที่ยวด้วยกันไกลๆ หรือทำอะไรที่ลำบาก เพราะนั่นคือเวลาแห่งการแสดงธาตุแท้นั่นเองค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนนะคะ เพราะการไปอยู่ด้วยกันไกลๆ ในที่ที่ลำบากนั้น แน่นอนว่าจะทำให้ความเกรงใจที่มีต่อกันลดน้อยลง บางคนตื่นมาตอนเช้าเจอเพื่อนตากกางเกงในพาดอยู่บนหัว หรือไม่ก็กินข้าวไม่ยอมล้างจานไป 3 วัน แน่นอนว่าก็จะทำให้เราหงุดหงิดใจบ้าง ดังนั้นบางคนเค้าถึงพูดกันว่า ถ้าเป็นไปได้ อย่าไป Work&Travel กับเพื่อนสนิทมากๆ เพราะอาจจะเสียเพื่อนได้

             5. อย่าหวังได้กำไร คิดซะว่าการที่เราไป Work&Travel ในระยะเวลา 3 เดือนนี้ เป็นการไปหาประสบการณ์เป็นหลัก ส่วนเงินเป็นงานรองหรือของแถม หรือไม่ก็คิดว่า ได้ไปเที่ยวอเมริกาฟรีๆ แต่ต้องทำงานแลก .... เพราะบางคนนี่วาดฝันไว้เลยว่าจะต้องได้เงินแสนกลับมา แต่ความเป็นจริง เงินอาจจะติดลบหรือขาดทุนก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าซีเรียสเรื่องเงินค่ะ เอาแค่สบายๆ มีเงินเหลือกลับมานิดๆ หน่อยๆ ซักสองสามหมื่นก็พอแล้วค่ะ เพราะประสบการณ์ที่ได้มานั้น มีมูลค่าแพงมากกกจนตีค่าไม่ได้เลยทีเดียวล่ะ

             นั่นก็คือ 5 ทริกดีๆ ที่เอามาฝากกันที่หวังว่าจะช่วยทำให้ชีวิตการไป Work&Travel ของใครหลายๆ คนง่ายขึ้นเยอะ ดังนั้นใครที่จะไป Work&Travel ในปีหน้า ขอให้โชคดีกันทุกคนเลยนะ ^^

              ป.ล. ใครอยากอ่านเรื่องราวการไป Work&Travel แบบมันส์ๆ รอติดตามกับประสบการณ์เด็กนอกวันพฤหัสนี้โลด

อย่าลืม ! ติดตามข่าวสารเรียนเมืองนอกก่อนใครได้ที่
แฟนเพจ facebook ของคอลัมน์เรียนต่อนอกได้เลยค่ะ

 
ภาพประกอบ : http://www.ieostudyabroad.com

หากต้องการนำบทความไปเผยแพร่ยังเวบไซต์อื่น กรุณาอ้างอิงถึงแหล่งที่มา
หรือหากต้องการนำไปใช้อย่างเป็นทางการ กรุณาติดต่อทีมงานเจ้าของบทความ