จากอยู่สบายๆ ที่เมืองไทย ต้องไป "ทอดไก่" ที่เมืองนอก!



              สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... มาๆๆๆ มาเจอกับ พี่เป้ และคอลัมน์เล่าประสบการณ์เด็กนอกกันอีกแล้วนะคะ ที่ผ่านมานั้น พี่เป้ มักเอาประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยนมาฝาก แต่วันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศกับประสบการณ์ของเด็กวัยมหาวิทยาลัยกับ Work&Travel ที่รับรองว่าสนุกไม่แพ้ประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยนเลยค่ะ !!

         สวัสดีครับทุกคน ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองก่อนว่า พี่ชื่อ
  "แอม" เป็นนักศึกษาสำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้า
 หลวงครับ พี่เป็นเจ้าของบทความเรื่อง “ทำงานเมืองฝรั่ง” และ 
 “แนะนำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง”  ซึ่งหลายคนน่าจะเคยอ่าน
 หรือเคยเห็นกันมาบ้างแล้วนะครับ สำหรับในครั้งนี้พี่จะมาเขียน
 เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับโครงการ Work & Travel ที่เพิ่ง
 กลับมาสดๆ ร้อนๆ จากอเมริกานะครับผม 

 

    สำหรับพี่นั้น สาเหตุที่เลือกไป Work&Travel ก็เพราะว่า
 อยากจะไปอเมริกามากครับ และอยากจะใช้เวลาว่างในช่วงปิด
 เทอมให้มีประโยชน์ด้วย เพราะปกติก็อยู่เฉยๆ เที่ยวเล่นสบายไป
 วันๆ เลยคิดว่า เฮ้ย น่าจะลองทำอะไรแปลกๆ ดู ซึ่งหารู้ไม่ว่า 
 การไป Work&Travel ครั้งนี้จะทำให้พี่ได้รับบทเรียน
 อะไรมากมายเลยล่ะครับ

              ซึ่งเรื่องที่คนจะไป Work&Travel กลัวมากที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องนายจ้าง สำหรับนายจ้างที่พี่เลือกไปทำงานด้วยนั้น ในตอนแรกก็เลือกที่จะไปทำงานที่แมคโดนัลด์ซึ่งพี่เลือกไปที่รัฐเวอร์จิเนีย แต่ด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยดีก็เลยต้องตกสัมภาษณ์ไปตามระเบียบ 5555 - -" ต่อมาก็โดนรุ่นพี่ลากไปสัมภาษณ์งานกับ HMSHost เป็นพลาซ่าที่บริการอาหาร Fast Food ตามจุดพักรายทางของ Motorway ครับผม ซึ่งเจ้านี้ค่าตอบแทนสูงกว่า McDonald อีกครับ เพราะได้ถึงชั่วโมงละ 8 เหรียญ แถมถ้าเราทำงานกับเขาครบตามระยะเวลาที่ได้เซ็นสัญญากันเอาไว้ก็จะได้รับโบนัสเพิ่มอีก 300 เหรียญ เงื่อนไขแบบนี้โดนใจสุดๆ ไปเลย

              ขอบอกว่าในการสัมภาษณ์นั้น ผู้บริหารระดับสูงของทาง HMSHost ได้บินเดินทางมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเองเลยครับ ในการสัมภาษณ์นั้นก็จะเป็นการให้เราแนะนำตัวเป็นอันดับแรก และเขาจะถามเราว่ารู้จักบริษัทนี้ได้อย่างไร ได้ยินมาจากที่ไหน ตรงนี้จะรู้หรือไม่รู้ก็ให้ตอบไปตามตรงครับ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่รับเข้าทำงานหรอกครับ เสร็จจากตรงนี้แล้วเขาก็จะให้เลือกสาขาว่าอยากจะไปทำที่เมืองอะไร มลรัฐไหน ซึ่งพี่เลือกไปทำที่เมือง Somerset รัฐเพนซิลเวเนียครับ หลังจากเลือกที่ทำงานเสร็จแล้ว เขาจะเปิดโอกาสให้เราซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานที่ทำงานและสภาพอากาศความเป็นอยู่หรือเรื่องอะไรก็ได้ที่เราสงสัย ดังนั้นถ้าเรามีอะไรสงสัยหรือไม่รู้ก็ถามเขาไปตรงๆ ได้เลย ไม่ต้องกลัวเขาจะว่าเราหรอกครับ นายจ้างเขาใจกว้างอยู่แล้ว ในตรงนี้ถ้าพอใจก็เซ็นสัญญากันได้เลยครับผม

              และตอนนี้ก็ได้เวลาออกเดินทางแล้วล่ะครับ ก็จะขอแนะนำการจัดกระเป๋าเดินทางนะครับ พี่จะเอาสิ่งของที่จำเป็นมาวางรวมๆ กันเอาไว้ แล้วสำรวจดูว่าขาดเหลืออะไรค่อยออกไปหาซื้อมา ถ้าของยังไม่ครบอย่าจัดกระเป๋าเป็นอันขาดนะครับ และเนื่องจากสภาพอากาศที่สหรัฐอเมริกาเป็นอากาศแห้ง ดังนั้นแชมพู โฟมล้างหน้า หรือเครื่องสำอางของผู้หญิง เราสามารถเตรียมไปจากบ้านเราได้ แต่สบู่หรือครีมอาบน้ำควรไปซื้อเอาจากที่นั่นมากกว่า เพราะปริมาณ Moisturizer จะเยอะกว่าที่ของเมืองไทย และอย่าลืมพวกเสื้อกันหนาว ถุงมือและที่อุดหูเพื่อป้องกันอากาศหนาวไปด้วย เพราะอากาศเย็นมากอาจทำให้แก้วหูแตกได้นะครับ ส่วนเรื่องโทรศัพท์นั้นแนะนำให้ซื้อ Phone Card โทรกลับเมืองไทยจะถูกและสะดวกกว่าครับ

              สำหรับเมือง Somerset ที่พี่ไปอยู่นั้นเป็นเมืองชนบท บรรยากาศภายในเมืองก็ประมาณจังหวัดลำพูนครับ 555+ ผู้คนส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยสูงอายุและเด็กกันมากกว่า ผู้คนที่นี่เป็นมิตรกับชาวต่างชาติมากเลยครับ ส่วนที่พักนั้นพี่พักอยู่ที่โรมแรม Americans Best Value Inns and Hotel ค่าเช่าอยู่ที่ 100 เหรียญต่อสัปดาห์ต่อคน ก็ตกสัปดาห์ละ 3000 กว่าบาท หารๆ แล้ว ก็ตกคืนละประมาณ 400-500 บาทเองครับ ภายในห้องพักก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันและมีอาหารเช้าบริการฟรีทุกวันครับ มีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ฟรีที่ล็อบบี้ด้วยครับผม

             ในวันแรกที่ได้ทำงานจริง พี่ได้ทำงานในตำแหน่ง Preparation หรือคนครัว มีหน้าที่เตรียมอาหารเพื่อนำออกจำหน่ายให้แก่ลูกค้า อาหารส่วนใหญ่จะเป็นพวก มันบด, ถั่วอบ, สลัดประเภทต่างๆ, ไก่ทอด ฯลฯ ซึ่งหน้าที่นี้ดูเหมือนจะสนุกสนาน แต่ความเป็นจริงกดดันและทำงานหนักเยี่ยงแม่เย็นในละครนางทาสซะอีก - -" ต่างตรงที่ไม่ถูกเฆี่ยนเท่านั้นแหละครับ เพราะเราจะต้องคอยจดจำสูตรของอาหารแต่ละประเภทให้ขึ้นใจยิ่งกว่าท่องประมวลกฎหมาย นอกจากนี้เราจะต้องทำความสะอาดภาชนะทุกอย่างภายในครัวด้วย เรียกว่าใช้จนคุ้มเลยครับ

              มีครั้งหนึ่งพี่เคยเจอออเดอร์มาแบบนี้ .... มันบด 2 กล่อง ไก่ทอด 2 ถาด Big Coleslaw 6 ถ้วย เจอแบบนี้เข้าไปอยู่เฉยไม่ได้ครับ ต้องวิ่งเข้าห้องเย็นไปหยิบไก่มาชุบเครื่องเทศ เสร็จแล้วก็โยนลงเตาทอด ระหว่างรอไก่สุกก็ต้องรีบไปเอาน้ำร้อนเตรียมทำมันบด แล้วก็หยิบผักกาดแก้วซอยกับน้ำสลัดเตรียมทำ Big Coleslaw ตามสั่ง เสร็จแล้วก็ต้องคอยไปดูไก่ว่าสุดหรือยัง ต้องเขย่าตะแกรงทุก 3 นาที ไม่งั้นเดี๋ยวมันติดกัน เวลาทอดไก่นี่ต้องจำไว้เลยว่าถาดละ 20 นาที จะมัวชักช้าไม่ได้ เดี๋ยวโดนเพื่อนร่วมงานด่าเอา  ทำๆ ไปสักพัก มีออเดอร์ใหม่เข้ามาอีก ตายแล้ว เวรกรรม รายการเก่ายังจัดการให้มันไม่เสร็จเลย - -" ของใหม่มาอีกแล้ว

              บางทีพี่ก็เจอพวกลูกค้าเรื่องมากเหมือนกัน เช่น สั่งซีซาร์สลัดไม่ใส่เนย ไม่ใส่มะเขือเทศ ไม่ใส่นั่นนี่ พี่ก็งงว่า อ่าว แล้วจะเหลืออะไรให้กินวะเนี่ย บางทีพี่ก็เคยคิดนะครับว่า “ไม่ชอบก็ไม่ต้องไปกินมันสิ ไม่เห็นต้องเรื่องมากเลย” (แต่ไม่ได้คิดเป็นคำว่ากินนะครับ เป็นอีกคำที่ความหมายเหมือนกันแต่ขึ้นต้นด้วยสระแอ 555+) ยังไม่หมดแค่นี้ครับ พอใกล้จะได้เวลาออกงาน ก็ต้องล้างเตาทอดไก่ ซึ่งถือเป็นงานที่ค่อนข้างอันตรายและสกปรกมาก ลองนึกถึงน้ำมันร้อนๆ ที่ใช้แล้วไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตกดูนะครับ ว่าทั้งร้อนทั้งเหม็นทั้งสกปรกขนาดไหน  ล้างเตาเสร็จต้องมาทำความสะอาดเครื่องครัวห้องครัวอีก ซึ่งก็จะมีผู้จัดการจะมาตรวจความเรียบร้อยทุกคืน ถ้าทำไม่เรียบร้อยผู้จัดการก็จะด่าไฟแลบทันที นี่แหละครับชีวิตคนครัวในต่างประเทศ แต่ด่าได้ด่าไปเถอะครับ เพราะฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ด่าได้ด่าไปโลด 555

              นอกจากงานที่กดดันและหนักเยี่ยงทาสแล้ว ยังไม่หมดแค่นี้นะครับ เราต้องมาสู้รบปรบมือกันกับพวกฟิลิปปินส์ต่อ  พวกนี้นะครับ อย่างที่ทราบกันดีว่าคนฟิลิปปินส์เนี่ยมีความมั่นใจสูงว่าตัวเองพูดอังกฤษเก่ง และพวกฟิลิปปินส์ที่พี่เจอเนี่ย ไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบดูถูกชาติอื่นๆ ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ (ไม่ได้เหมารวมทุกคนนะครับ แต่ที่เจอนี่นิสัยแบบนี้จริงๆ) ซึ่งเด็กไทยอย่างพี่ก็เคยโดนพวกมันพ่นพิษใส่มาเหมือนกันครับ และสิ่งที่พี่ไม่ชอบพวกนี้อย่างแรงเลยก็คือ พวกนี้มีนิสัยขี้ฟ้องเจ้านาย ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พวกมันก็จับผิดซะเหลือเกิน มีครั้งนึง พวกนี้มาด่าว่าประเทศไทยเป็นประเทศด้อยพัฒนา พวกเด็กไทยที่ทำงานที่เดียวกันก็เลือดรักชาติเดือดพล่านเลยครับ พี่เลยด่ากลับไปว่า “Excuse Me! Our country has never been colonized by any country.” ตั้งแต่นั้นพวกมันก็ไม่กล้ามาตอแยกับพวกเด็กไทยอีกเลยครับ อิอิ ฉะนั้นจงจำเอาไว้ว่าเกิดเป็นคนควรหัดร้ายให้เป็นเสียบ้าง อย่าติดนิสัยขี้เกรงใจของคนไทยมากนัก ไม่งั้นจะเสียเปรียบเอาได้

              แต่สิ่งดีๆ ก็มีเหมือนกันนะครับ เพราะพวกผู้จัดการและเพื่อนร่วมงานของพี่นั้นดีกับพวกเด็กไทยมากเลย โดยเฉพาะคุณ Dana ซึ่งเป็นผู้จัดการคนหนึ่ง เธอพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มเด็กไทยซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะเธอเองก็สนใจในภาษาและวัฒนธรรมของประเทศไทยมากเช่นกัน และก็มีอีกคนชื่อคุณ Darlene เธอคนนี้ค่อนข้างจะเป็นคนที่ค่อนข้างปากร้ายและเข้มงวดในการทำงานมาก แต่เธอก็มีความจริงใจและค่อนข้างใจนักเลงมากเลยทีเดียว มีอยู่คราวหนึ่งพี่ต้องทำโอทีกะดึกคนเดียวและไม่มีใครว่างไปส่ง ก็ได้คุณ Darlene นี่แหละครับที่อาสาขับรถส่วนตัวของเธอไปส่งถึงโรงแรมโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่น้อย ใจดีสุดๆ ครับ

              สุดท้ายนะครับ พี่ฝากถึงทุกคนที่มีความสนใจจะเข้าร่วมโครงการ Work & Travel ว่า เป็นโอกาสดีแล้วที่จะได้ไปศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมในต่างแดน ดังนั้นควรเก็บเกี่ยวประสบการณ์และนำสิ่งดีๆ ของชาวต่างชาติมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของเราให้เกิดประโยชน์ ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงตรัสไว้ว่า “การการศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีก็แต่ข้างฝรั่ง ให้ระวังให้ดีอย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่คิด ควรจะเรียนเอาไว้ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสเสียที่เดียว” (อานามสยามยุทธ) ลองน้อมนำมาปฏิบัติดูแล้วจะรู้ว่า Work & Travel ให้อะไรมากกว่าที่คิดครับผม สวัสดีครับ

               โอ้โห เล่าได้ละเอียดสุดๆ ตั้งแต่ก่อนเดินทางจนถึงประสบการณ์การทำงานต่างๆ ที่ได้มา พี่เป้ อ่านแล้วชอบจังโดยเฉพาะรูปที่มีไก่เยอะๆ เนี่ย ชอบจังเลย 5555+ ดังนั้นน้องๆ คนไหนที่กำลังลังเลใจอยู่ว่าจะไป Work & Travel ดีมั้ย เชื่อว่าหลายๆ คนอาจบทความนี้ก็คงจะได้คำตอบในใจกันแล้วล่ะเนาะ ^^ ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ อ่านบ้าง ก็ส่งมาให้ พี่เป้ ได้เลยที่ pay@dek-d.com รับรองเอามาลงให้แน่นอน

เด็กดีดอทคอม :: 3 วิธีฝึกภาษาเด็ด รับประกันเห็นผลจริง!; tags: อังกฤษ, ฝึก, เรียนนอก
อย่าลืม ! ติดตามข่าวสารเรียนเมืองนอกก่อนใครได้ที่
แฟนเพจ facebook ของคอลัมน์เรียนต่อนอกได้เลยค่ะ

เด็กดีดอทคอม :: ฝรั่งเศส VS เยอรมัน เรียนภาษาไหนดี ?; tags: ทุน, แผนการเรียน, เรียน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ภาษา 

หากต้องการนำบทความไปเผยแพร่ยังเวบไซต์อื่น กรุณาอ้างอิงถึงแหล่งที่มา
หรือหากต้องการนำไปใช้อย่างเป็นทางการ กรุณาติดต่อทีมงานเจ้าของบทความ 



 

รู้มั้ยว่า ... ที่ "เบลเยี่ยม"
มีงาน 100 วันด้วยเหมือนกัน !!

งานนี้ไม่เศร้า ... แต่สุขสุดๆ !

Available on Dek-D.com, Study Abroad Column
Thursday 26 August 2010

 



 

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

46 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
PooPooPoo Member 19 ส.ค. 53 17:57 น. 2

จริงๆหลังจากที่คุณพูดสวนกลับฟิลิปปินส์ไปแบบนั้นแล้ว

ถ้าเป็นผมผมจะถามเขากลับไปว่า 


      Really ?, but i think Thailand is "Developed country" not "Developing country" if compared to Philippines, & If our English accent isn't so good might coz of we have our own Thai-native language and we're so proud, so that's why we don't have to prefer speak foreign language if it's not neccesary situation, in other words, As The Filipino speak English with the Tagalog accent.... (lol)
     จริงเหรอ... แต่ผมกลับคิดว่าไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ใช่ประเทศที่กำลังพัฒนา หากเปรียบเทียบกับฟิลิปปินส์ และถ้าสำเนียงภาษาอังกฤษของเราอาจจะยังไม่ได้ดีมากอาจเป็นเพราะว่าเรามีภาษาประจำชาติของเราเองและเราภูมิใจในสิ่งนี้เป็นอย่างมาก และนี่แหละคือทำไมเราจึงไม่ต้องการที่จะพูดภาษาอื่นถ้ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่จำเป็น พูดอีกนะ ก็เหมือนพวกชาวฟิลิปปินส์ที่พูดภาษาอังกฤษติดสำเนียงตากาล็อกนั่นแหละ

     Ahh yes, We have the biggest shopping mall in all of South East Asia, we have convenient subway trian & the biggest Airport of Asia that means we have good at transportation while as many countries are not !, & The education in my country was ranked to the top universities of the world,  you can check these information by anywhere !
    ใช่แล้ว เรามีห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีรถไฟฟ้าใต้ดินอำนวยความสะดวกและสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย นั่นหมายความว่าเรามีการคมนาคมที่ดีทีเดียวในขณะที่หลายๆประเทศไม่ใช่ และการศึกษาในประเทศผมได้ติดอันดับในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ในทุกๆที่เลย

    & There's a lot of foreigner prefer to visit Thailand on difference purpose & places.
    และมีชาวต่างชาติจำนวนมากเลือกที่จะเดินทางมาเยี่ยมเมืองไทยในหลากหลายจุดประสงค์และสถานที่

   YeaH! I would to tell u something! Thai ppl is rather rich, but we juz prefer to spend our life easy.
   ใช่แล้ว ฉันอยากจะบอกอะไรเธอบางอย่างนะ คนไทยน่ะค่อนข้างร่ำรวย แต่เราเลือกที่จะจะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย

    How 'bout your country ?
    อ่ะ.. แล้วประเทศแกล่ะ ?


   Ok, if i'll summarize .. Thailand is absolutely better than (Let u think by yourselves)!!!....
   โอเค, ผมจะสรุปนะ ไทยดีกว่าประเทศ.....อย่างแน่นอนที่สุด (เชิญคุณคิดเอาเอง)

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นานา 19 ส.ค. 53 22:00 น. 8
เออ
อากาศพอๆกะจังหวัดลำพูนนี่ยังไงค่ะ
ตือที่นี้ตอนนี้ร้อนมากแต่หน้าหนาวก็หนาวมากกกหน้าฝนฝนกก้ตกหนัก
0
กำลังโหลด
beyanan 19 ส.ค. 53 22:10 น. 9
เราไป work เฟมือนกันแต่ไป NC เจอฟิลิปปินสองคนคนหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมงาน๖ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน)อีกคนเป็นผู้จัดการร้าน(แต่คนละสาขาที่เราทำแต่อยู่บ้านเดียวกับเรา)นิสัยดีมากๆ พาไปเที่ยวตลอดๆ แถมยังขอชั่วโมงเพิ่มให้ เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ตลอดเวลาที่อยู่ที่โน่น ไม่เคยดูถูกคนไทย ไปที่โน่นมีแต่คนอยากมาไทย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เตย 19 ส.ค. 53 23:45 น. 11
คห. 2 แรงอะ.. bad english ด้วย..

เราจะไปว่าเค้าอย่างน้ันก้ไม่ได้น้ะ..

คนไทยเราบางที ก้ยังดูถูกลาวเลย..
แต่ก้ไม่ใช่คนไทยทุกคนนิที่ดูถูกอ่า..
0
กำลังโหลด
สักคน 19 ส.ค. 53 23:46 น. 12
ถึง คห.2
เราเองก็มีเลือดปินส์
จะเกิดมาชาติไหนๆ ก็คนเหมือนกัน!! !
ถ้าคุณไม่รู้จักประเทศเค้าดี ก็อย่ามาพูด!
แต่ละประเทศก็ย่อมมีทั้งคนที่ดีและไม่ดี
ถ้าเกิดว่ามีคนมาดูถูกประเทศเราแบบคำพูดแบบคุณบ้างล่ะ ?
ก็ดีที่คุณรักประเทศตนเอง เราก็รักเหมือนกัน แต่กรุณา! อย่าดูถูกชาติอื่น
เพราะคำพูดของคุณมันก็สะท้อนถึงตัวคุณเองเหมือนกัน
ชาติแต่ละชาติ ต่างก็มีดีของตนเอง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
^^* 20 ส.ค. 53 00:59 น. 14
ไม่ต้องสวนกลับให้ยาวหรอกค่ะ เสียเวลา...
แค่บอกว่า คนปท.ของคุณน่ะ ทำงานรับใช้คนจีน เป็นทาสเค้า
ส่วยปท.ไทยเรา ไม่เป็นทาสใคร พอค่ะ จบ

เพราะว่าคนฟิลิปปินส์ จะเข้าไปทำงานเป็นแรงงาน เป็นคนรับใช้ให้กับครอบครัวคนจีนในประเทศจีนค่ะ
ลองไปถามคนจีนเรื่องคนใช้ ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟิลิปปินส์นี่สุดยอดดดมาก
อารมณ์เหมือนคนไทยชอบใช้แรงงานพม่ามอญน่ะค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
MuteSwan 20 ส.ค. 53 10:00 น. 17
คห.2 พูดได้ตรงมาก (อย่าได้แคคนอื่นที่แอนตี้) ก็คุณไม่ได้อ่านเหรอตรงที่เจ้าของเรื่องเขามาเขียนบอกว่า "ฟิลิปปินส์บอกไทยเป็นประเทศด้อยพัฒนา"

ซึ่งหากไทยด้อยพัฒนาแล้วประเทศฟิลิปปินส์นี่อะไรล่ะ? รายได้ เงินเดือนต่อหัว ดัชนีย์การพัฒนามนุษย์ ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เราสูงกว่าเขาหมด จะดูถูกใครไม่ว่า เคยได้ยินไหมล่ะ ? ไทยนี้รักสงบ(ณ ความหมายนี้ เราไม่ทำใครก่อน) แต่ถึงรบไม่ขลาด (ใครว่าเราเราไม่ยอม)

คุณลองเอาเมืองที่เจริญที่สุดของฟิลิปปินส์ไปเซิร์ทดูเอาเองแล้วกัน อย่าได้เทียบกับกรุงเทพฯ เลย เอาแค่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา เมืองไหนซักเมืองเขาก็ยังเทียบไม่ติด

แล้วภาษาอังกฤษที่ดีในความคิดเขา ดีจริงเหรอ? ทำอะไรได้บ้าง ?
แต่คนไทยคว้าเกียรตินิยมจากนอกมาแล้วนับไม่ถ้วน (หนึ่งในนั้นคือ คุณ อภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีของเราที่คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาจาก ออกซ์ฟอร์ด) แล้วฟิลิปปินส์ล่ะ ?
อังกฤษใครจะระดับไหนไม่ใช่ภาษาที่หนึ่งเรานี่ พวกเจ้าของภาษายังใช้กันผิดๆถูกๆเลยก็มี (พูดจากที่เราเป็นเด็กโตเมืองนอกมาระยะ)

สำหรับคนที่เข้ามาอ่านใครจะลูกชาติไหนก็ช่าง รักประเทศคุณจริงก็กลับไปบอกคนประเทศของคุณด้วยว่าคนไทยไม่อยากจะปากพล่อยก่อน แต่ถ้าใครมาแขวะเราก่อนอย่าหวังว่าเราจะยอมง่ายๆ
0
กำลังโหลด
mememe 20 ส.ค. 53 11:15 น. 18
พี่ว่าน้อง คห 2 ว่าเค้าแรงไปนะ

ยิ่งกว่าที่เค้าว่าเราอีก

เรายังไม่ชอบที่เค้าว่าเราเลย

แล้วทำไมเราจะต้องไปทำนิสัยแย่ๆอย่างนั้นตามเค้าด้วย

ในเมื่อเราก็รู้อยู่กับตัวของเราเองว่าประเทศไทยของเรานั้นดี และน่าภูมิใจแค่ไหน

อย่าลดค่าตัวเอง และค่าของคนไทย โดยการไปพูดจาหาเรื่อง ดูถูกคนอื่นเค้าเลยค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด