สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... กลับมาเจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกทุกวันพฤหัสเช่นเคยนะคะ ^^ สำหรับวันนี้อาจจะต้องนั่งเครื่องบินนานหน่อยล่ะ เพราะเราจะอ้อมโลกไปไกลมากกกกกกกกกกกกกกกกถึงทวีปอเมริกาใต้ เพื่อสัมผัสเสน่ห์ของดินแดนแห่ง "มาชูปิคชู" ที่ "ประเทศเปรู" เชื่อว่านอกจากมาชูปิคชูแล้ว น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเปรูมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง งั้นวันนี้เรามาขยับใกล้ชิดเปรูกันให้มากขึ้นกับประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ ดีกว่าค่ะ

              เฮ้ ! holaaaa ขอทักทายแบบละตินหน่อย 5555 เราชื่อ "โอโจ้" นะคะ ม.4 โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จังหวัดนครพนม (จะมีใครรู้จักมั้ย ? 55 ) มาโครงการแลกเปลี่ยน AFS ภาคพื้นทวีปใต้ รุ่น 49 ประเทศเปรู มากับเพื่อนคนไทยอีก 7 คน และเราโชคดีมากที่ได้อยู่เมืองเดียวกับเพื่อนคนไทยอีกคนหนึ่งชื่อพอนด์ มากจากโรงเรียนเตรียมอุดม บางคนก็อาจจะไม่รู้จักประเทศเปรูเลยด้วยซ้ำใช่มั้ย ? ก็ไม่แปลกหรอก ตอนแรกที่เราได้ยินชื่อ เราก็นึกไปถึงว่ามันต้องมีทะเลทรายแน่ๆ เลย แล้วก็มีคนผูกพ้าโพกหัวแบบอาหรับ มีอูฐด้วยอะไรอย่างนั้น (นี่นึกไปไกลถึงไหนแล้ว 55) วันนี้จะมาแนะนำเปรูให้ทุกคนได้รู้จัก ;)


              ประเทศเปรู มีชื่อทางการคือสาธารณรัฐเปรู เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ ติดกับประเทศเอกวาดอร์ โคลอมเบีย บราซิล โบลิเวีย ชิลี และมหาสมุทรแปซิฟิก เปรูมีเมืองหลวงชื่อ LIMA ซึ่งค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากชาวสเปนเนื่องจากเคยตกเป็นเมืองขึ้นของสเปนมาก่อน เป็นเมืองที่สวยและวุ่นวายมากๆ พอๆ กับกรุงเทพมหานคร และที่เปรูก็มี มาชูปิคชู [Machu Picchu] ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วยนะ !

              เราอยู่ที่ เมือง TRUJILLO (อ่านว่า ตรูคีโย) เป็นเมืองที่เจริญอันดับสองของประเทศ (เห็นโฮสท์พี่ชายเราบอกว่าอย่างนั้น) สองเดือนแรกที่มาถึงที่นี่ร้อนมากๆ พอหมดช่วงสองเดือนแรกไปก็หนาวมากจริงๆ ถือเป็นประวัติการณ์ของเปรูก็ว่าได้ เพราะไม่เคยหนาวขนาดนี้มาก่อน จะออกจากบ้านทีนี้ต้องใส่รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้า ถุงมือ ผ้าพันคอ กางเกงยีนต์ เสื้อกันหนาว เพราะมันหนาวมากจริงๆ แต่ช่วงนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว

             โรงเรียนที่เราอยู่ชื่อ HERMANOS BLANCO เปิดมาตั้งแต่ปี 1877 จนมาถึงตอนนี้ก็ประมาณ 133 ปีแล้ว โห ! ยาวนานมากจริงๆ  ที่เปรูเข้าเรียนโดยประมาณเจ็ดโมงเป็นต้นไป เลิกประมาณเที่ยงหรือบ่าย ที่นี่มียูนิฟอร์มทุกโรงเรียนนะคะ โรงเรียนเราจะเข้าแถวเฉพาะวันจันทร์ มีคาบพักแค่ 20 นาทีในตอน 10 โมง และข่าวดีก็คือไม่มีเรียนเคมี ชีวะ ฮาๆๆๆๆ ! มีแค่คณิตหลัก คณิตเสริม อังกฤษ ศาสนา คอมพิวเตอร์ พละ ฟิสิกส์ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ การทำอาหารหรือดนตรี ภาษาสเปน แล้วก็แนะแนว แต่โรงเรียนเราเนี่ยชิลมาก หยุดได้บ่อยๆ เราหยุดบ่อยมาก อย่าทำตามนะ ยังกลัวอยู่เลยว่าจะได้เกรดกลับไทยมั้ย ? 555 

             เพื่อนที่นี่เค้าค่อนข้างให้ความสำคัญกับเด็กแลกเปลี่ยนนะ ไปวันแรกจะโดนเพื่อนรุมเกือบหายใจไม่ออก และในวันต่อๆ มาก็จะมีคนมามุงที่ห้อง มีบางคนใช้เก้าอี้ปีนขึ้นมาเกาะบนหน้าต่างเหมือนตุ๊กแก -_- ทำยังกับว่าเราเป็นหลินปิงยังไงยังงั้น 5555 คือเค้าจะชอบมากถ้าเราพูดภาษาไทย ซึ่งเพื่อนส่วนใหญ่จะขอให้สอนภาษาไทยให้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ฮามาก เพราะเค้าจะไม่มีตัวอักษร ง และ จ อย่างเช่นเราชื่อ โอโจ้ ในภาษาอังกฤษเขียนว่า ojo ใช่มั้ย ? แต่ที่นั่นเค้าจะอ่านว่า โอโค่ บางคนก็ออกเสียงเป็น otto หรือ otcho และที่ฮาสุด  คือชื่อของเราในสเปนมันแปลว่า ดวงตา ! เวลาบอกชื่อทีไรเค้าก็ฮาเราทุกที ;D 

             ข้อดีของคนเปรูคือเข้ากับคนอื่นง่าย และเค้าถือเรื่องการทักทายมาก เป็นมารยาทที่ต้องทำทุกคน ผู้หญิงกับผู้หญิงเอาแก้มชนกันแล้วทำเสียง จ๊วบ ! ผู้หญิงกับผู้ชายก็เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกันเองเนี่ยจะแค่จับมือเฉยๆ ส่วนเวลาพูดขอร้องเนี่ยจะมีคำว่า por favor ที่แปลว่า please ตลอดไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ส่วนขอบคุณพูดว่า gracias  ^^ ข้อเสียของคนเปรูก็คือใจร้อนมาก แล้วก็จะโวยวายเสียงดัง ไม่ค่อยเกรงใจ ถ้าสนิทกันแล้วความเกรงใจก็ลดเหลือ 0 เลยล่ะ -_- ยกตัวอย่าง เพื่อนเราเอาขาขึ้นมาพาดบนโต๊ะเรียนเราขณะที่เรากำลังนั่งกินขนมอยู่ -_- หรือตอนที่เราซื้อขนมก็จะชอบบอกว่า ขอนะ แล้วก็บิดขนมเราไปครึ่งอันเลยทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้อนุญาต

             คนเปรูชอบเลี้ยงสัตว์มากๆ แต่เรื่องของเรื่องคือ เค้าเลี้ยงไว้กิน !!!! บ้านเรามีหมาสามตัว นกแก้วหนึ่งตัว และ "กุย" ! กุยเป็นหนูชนิดหนึ่งคล้ายหนูตะเภา น่ารักมาก เห็นแล้วกินไม่ลงถึงเค้าจะบอกว่าอร่อยมากก็ตาม และคนที่นี่กินกระต่ายด้วยนะ!! กบปั่นด้วย ! ชาวเปรูเชื่อว่ามีสรรพคุณรักษาโรคหืด โรคหลอดลมอักเสบ อาการเฉื่อยชา แต่เราก็ไม่เคยกิน T_T

             ส่วนเรื่องโฮสท์แฟมิลี่นั้น เราอยู่มาแล้ว 2 บ้าน ครอบครัวแรกที่เราอยู่ด้วยน่ารักมากๆ มีกัน 6 คน พ่อแม่ พี่ชายชื่อเอริค (พูดอังกฤษเก่งมาก) เอ็ดก้าร์ (ที่เก่งคอมมากๆ) ญาติผู้หญิงสองคนชื่อเจนนี่ (โตกว่าเรา) และมิลลี่ (เด็กกว่าเรา) ....... ส่วนบ้านที่สองเป็นครอบครัวเล็กๆ แต่ค่อนข้างมีฐานะมาก มีกันสี่คน พ่อแม่ พี่สาวชื่อบีบี้ และน้องสาวชื่อตาตี้ เรื่องน่าตกใจคือพ่อเราอายุ 72 ปี ! แต่แม่อายุ 40 กว่า O_O แต่ยังไงก็ตาม ครอบครัวนี้เค้าก็น่ารักดี พ่อชอบกอดและหอมแก้มลูกๆ แม่ก็ฮาๆ ช้อปเก่งและเป็นครูสอนจิตวิทยา

             หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมเราถึงต้องย้ายจากโฮสท์แรกมาโฮสท์สอง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมีสองข้อหลักๆ คือ
1. แถวอพาร์ทเม้นต์ที่เราอยู่นั้นอยู่ในย่าน เอ่อ ค่อนข้างอันตราย
2. ญาติเราที่ชื่อ "มิลลี่" มิลลี่เป็นเด็กอายุ 14 ปีที่ ..... ร้ายลึกมาก ช่วงแรกที่มา เราสนิทกับมิลลี่ เราเล่นกับมิลลี่บ่อยๆ ซึ่งเค้าก็เป็นตัวฮาและสร้างสีสันของบ้าน แต่เมื่อหนึ่งเดือนผ่านไป เค้าก็เริ่มเผยนิสัย ตอนที่มิลลี่ทำงาน เค้าก็จะสั่งให้เราลดเสียงลง ไม่มีคำว่า please นะคะ แต่เราก็ทำ แต่พอเราขอให้เค้าลดเสียงลงบ้างด้วยคำว่า please เค้าก็ไม่ทำ ชอบปิดประตูเสียงดัง ฟังเพลงร็อคหนักๆ ทั้งคืน เค้าชอบเถียงกับแม่มาก ไม่ค่อยพูดจาดีๆ กับแม่ ชอบขัด และไม่ทำตามที่บอก มีวันนึงแม่บอกให้ลดเสียงทีวีลง แต่มิลลี่ก็กดเพิ่มเสียงทีวีขึ้นแล้วใส่หูฟังทำเป็นไม่ได้ยิน นั่นทำให้แม่ปรี๊ดแตกไปหลายวัน เป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก ไม่เคยแบ่งขนมให้เราเลย แต่เราแบ่งเค้าตลอด อารมณ์แปรปรวนได้ตลอดเวลา และเป็นคนที่เลทมาก ไม่ตรงต่อเวลา ทุกวันเวลาเลิกเรียนเราต้องยืนรอเค้าตลอด  ทุกวันเหตุการณ์ซ้ำๆ นั่นเป็นอะไรที่เราพยายามทำใจมาโดยตลอด แต่พอครบหกเดือนกว่าๆ เราก็ไม่สามารถทำให้ชินได้ เราจึงขอย้ายโฮสท์ซะเลย และหลังจากนั้นมา ชีวิตเราก็เริ่มสงบขึ้น และมีความสุขมากขึ้น

              ทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้คุยกับโฮสท์นะคะ เปิดใจกันตรงๆ หรือไม่ก็คุยกับ AFS ที่ดูแลเมืองเราก็ได้  แล้วก็ไม่ใช่มีปัญหาอะไรก็โทรกลับไทยอย่างเดียว เราต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จากนั้นอาจจะโทรบอกพ่อกับแม่ เผื่อพ่อกับแม่จะแนะนำวิธีดีๆ ให้อีก นี่คือวิธีทีที่เราใช้ค่ะ

               และอีกอย่างที่อยากจะบอกคือ บางทีคนเห็นชื่อประเทศแปลกๆ แล้วไม่ไป จริงๆไม่ว่าจะประเทศไหนก็ดีทั้งนั้น ประสบการณ์แปลกใหม่ยังรอเราอีกเพียบ แค่เปิดใจลองดูสักนิดนึงนะคะ และที่สำคัญคือ จำไว้ว่า เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากไทยไปเผยแพร่วัฒนธรรมนะคะ จำไว้เลยว่าเรามีชื่อประเทศไทยอยู่บนบ่า จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ ก่อน สู้ๆ นะคะ มีอะไรก็ติดต่อเราได้ที่ www.facebook.com/LittleFJ  หรือ BB PIN : 21A81E28 ค่ะ


              โอ้โห อ่านจบแล้ว บอกได้คำเดียวว่าเป็นประเทศที่น่าไปเยือนซักครั้งในชีวิตมากกกก แต่ขอค่าเครื่องบินหน่อย T^T โดยเฉพาะมาชูปิคชูนี่น่าไปเห็นของจริงมากจริงๆๆๆ ดังนั้นถ้าใครกำลังมองหาประเทศดีๆ สำหรับไปแลกเปลี่ยน ก็อย่าลืมมองประเทศแถบทวีปอเมริกาใต้บ้างละกันนะคะ .... ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันเพื่อนๆ บ้าง ก็สามารถส่งมาให้ พี่เป้ ได้เหมือนเดิมที่ pay@dek-d.com โลด

เด็กดีดอทคอม :: ฮิคิโคโมริ (ทำ)อะไรอยู่ในห้อง...?; tags: ฮิคิโคโมริ ฮิคกี้ ญี่ปุ่น จิตเวช อาการ โรค วัยรุ่น สังคม ภาษา

 

เก็บตกควันหลง "HALLOWEEN" 
หลอนตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นเครื่อง !  

ติดตามประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ จากอเมริกา

Available on Dek-D.com , Study Abroad
Thursday 2 Dec 2010
   

  

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

29 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
บอสศักดิ์ Member 25 พ.ย. 53 18:33 น. 9
 อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


พี่โรงเรียนเราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


พี่คนนี้นี่เอง  คุ้นหน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


กรี๊ดๆๆๆๆ  ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
izezin 26 พ.ย. 53 08:23 น. 13
อ๊ากกกก อยากกลับไป T^T
เปรูเป็นประเทศที่น่าไปมากจิงๆค่ะ
(ค่าเครื่องแพงไปเยอะ ยังไม่มีปัญญาได้กลับไป)

น้องโจ้ ,,, เจ๋งจิงอย่างพี่กิ๊บบอกจิงๆเลย
แน่มากจิงๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ระเร่เรริน Member 26 พ.ย. 53 21:25 น. 16
เปรูๆๆๆ เป้็นประเทศที่อยากไปมากกกกกก โดยเฉพาะมาชูปิกชู ^^ อิจฉาจังเลยค่ ะ แต่ก็สู้ค่าเครื่องไม่ไหวจริงๆ แต่พอมาอ่านก็ทำให้ ยิ่งอยากไปมากขึ้น (รีบเก็บตังค์โดยด่วน 555)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด