สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... ตอนนี้ทุกคนก็คงปิดเทอมกันหมดแล้วใช่มั้ย แต่อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ นะคะ เพราะพอเปิดเทอมมา โครงการแลกเปลี่ยนต่างๆ ก็จะทยอยเปิดรับสมัครกันแล้ว ดังนั้นก็ลองใช้เวลาว่างตอนปิดเทอมฟิตภาษากันให้เต็มที่ดีกว่า !
และหากน้องๆ คนไหนได้เข้าไปเล่นเว็บบอร์ดเรียนต่อนอกล่ะก็ จะเห็นได้ว่ามีน้องๆ โพสถามคำถามเกี่ยวกับนักเรียนแลกเปลี่ยนเยอะมากๆๆๆ และส่วนมากก็จะเป็นคำถามซ้ำๆ เดิมๆ ที่ถามแล้วถามอีก 555+ ดังนั้น พี่เป้ เลยขอเอาใจด้วยการรวบรวมคำถามเด็ดๆ อารมณ์ FAQ (Frequently asked questions) จะมีอะไรบ้างไปดูเลย
Q : ทุนโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนเปิดรับสมัครช่วงไหน? (ถามบ่อยมาก) A : แต่ละทุนก็จะมีช่วงที่เปิดรับสมัครแตกต่างกัน เช่น AFS และ EF จะเปิดรับสมัครประมาณเดือนพฤษภาคม , YFU เปิดรับสมัครประมาณเดือนกรกฎาคม อันนี้เด็กศิลป์ภาษาอาจจะได้เปรียบ เพราะอาจารย์หมวดภาษาอาจจะนำข่าวมาบอกไว้กว่าเพื่อน ยังไงก็ต้องติดตามกันให้ดีค่ะ
Q : คนที่จะสมัครสอบเข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนได้ต้องเรียนอยู่ชั้นไหน? (ถามบ๊อยบ่อย) A : แทบทุกทุนจะกำหนดเหมือนกันค่ะ คือเป็นนักเรียนม.3-ม.5 เท่านั้น
Q : ไปแลกเปลี่ยน ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่? (ถามบ่อยจริงอะไรจริง) A : ถ้าหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียให้กับทางโครงการ ก็ขึ้นอยู่กับประเทศค่ะ โดยมากจะอยู่ที่ประมาณ 250,000 - 400,000 บาท นอกจากนี้ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนอีก ซึ่งจากที่แอบไปถามมา น้องๆ ส่วนมากจะเตรียมไปประมาณ 100,000-150,000 บาท ซึ่งถ้าใครใช้ไม่เปลืองรับรองว่าพอแน่นอน ข้าวก็กินกับโฮสต์ แต่บางคนอาจไม่พอเพราะซื้อนั่นซื้อนี่ใหม่ ช้อปกระจาย หรือเที่ยวทุกสัปดาห์ ก็อาจจะต้องเตรียมไปมากกว่านี้ค่ะ
Q : เอาโทรศัพท์มือถือจากไทยไปใช้ที่เมืองนอกได้มั้ย? (ถามทุกวัน) A : ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ว่าต้องซื้อซิมของที่นั่นใส่แทนนะ
Q : จะโทรกลับเมืองไทยได้ยังไง? (ถามตลอด) A : เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กมากกกกกก ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ แค่หาซื้อบัตรโทรศัพท์โทรกลับเมืองไทยก็เท่านั้นเอง เดี๋ยวพอไปถึงที่นั่น น้องก็จะรู้เองค่ะว่าที่ไหนมีขาย หรือบางทีก็ไม่ต้องไปเดินหาซื้อที่ไหนหรอก ในอินเตอร์เน็ตนี่เลยเยอะแยะ
Q : กำลังดัดฟันอยู่แล้วต้องไปแลกเปลี่ยน ควรทำยังไงดี ถ้าเกิดต้องถอดเหล็กดัดฟันขึ้นมา จะให้คุณหมอที่นั่นถอดให้ได้มั้ย? (ถามบ่อยสุดๆ) A : ถ้าใครไม่มีเกี่ยงเรื่องเงิน ก็อาจจะดัดฟันต่อไปได้ค่ะ พอถึงเวลาที่มีปัญหาหรือจะถอดเหล็ดออก ก็ให้หมอฟันที่นั่นจัดการให้เลย แต่ถ้าใครไม่อยากเปลืองค่าใช้จ่าย (ค่าทำฟันที่เมืองนอกแพงสุดๆ) น้องควรจะเอาเหล็กดัดฟันออกแล้วใส่รีเทนเนอร์แทนไว้ก่อนชั่วคราว หลังจากกลับจากเมืองนอกค่อยกลับมาใส่เหล็กดัดฟันใหม่ค่ะ หรือบางคนที่รู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วว่าจะไปเรียนต่อนอกแน่นอน ก็ควรจะบอกคุณหมอด้วย ปกติแล้วการดัดฟันใช้เวลา 2 ปี อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับฟัน บางคนรู้ตัวว่าอีก 2 ปีจะต้องไปเรียนนอก ก็รีบไปดัดและบอกคุณหมอให้ช่วยเร่งให้เสร็จให้ทันก่อนเดินทาง แบบนี้ก็ได้ค่ะ
Q : ถ้าสายตาสั้น ควรเตรียมคอนแทคเลนส์ไปเองหรือไปซื้อเอาที่นั่นดี? (ถามอีกแล้ว) A : ขอแนะนำว่าควรเตรียมไปเองดีกว่าค่ะ (ส่วนน้ำยาล้างคอนแทคค่อยไปซื้อเอาที่นั่น ไม่ต้องแบกไปนะ 555+) เพราะบางที่นั้น การจะซื้อคอนแทคเลนส์ ต้องมีใบสั่งจากจักษุแพทย์อะไรเยอะแยะมากมาย สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ดังนั้นน้องๆ ควรพกไปเองจะดีที่สุดค่ะ เช่น บางคนใส่ราย 3 เดือน ก็พกไปซัก 5-6 คู่กันหายกันขาดก็น่าจะโอเคนะคะ
นั่นก็คือคำถามที่น้องๆ ถามมาบ่อยมากกกกกกกกกก แต่ยังไม่หมดเท่านี้นะคะ เพราะยังมีอีก 1 คำถามที่เด็ดกว่านั้นก็คือ "ไปแลกเปลี่ยนกลับมาต้องซ้ำชั้นมั้ย" ฮันแน่ สงสัยกันใช่มั้ยล่ะ เอาเป็นว่า พี่เป้ จะกลับมาไขข้อข้องใจให้ในสัปดาห์หน้า แล้วเจอกัน ! (หรือใครมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมก็คอมเม้นท์ไว้ได้นะคะ)
หากต้องการนำบทความไปเผยแพร่ยังเว็บไซต์อื่นกรุณาอ้างอิงถึงแหล่งที่มา หรือหากต้องการนำไปใช้อย่างเป็นทางการ กรุณาติดต่อทีมงานเจ้าของบทความ
|
46 ความคิดเห็น
อ่านไว้แต่ก็ไม่รู้จะมีโอกาสรึเปล่า TT
พยายามอยู่
ขอบคุณค่ะ'
แก้ไขปัญหาโดยการเร่งให้เร็วขึ้น พี่เขาบอกว่าทรมานมาก
เพราะว่าต้องรีบบีบให้มันเสร็จเร็วๆ-O-;;;;;
พี่ชายเพื่อนอีกคนก็คล้ายๆกัน
แต่เป็นสิว ก็ต้องเร่งๆรักษาให้หายไปเร็วๆ-_-;;;
อยากไปญี่ปุ่น ภาษาไม่ได้สักอย่างจะทำไง(แค่ลองถามดูนะค่ะ: )??
ปีนี้ก็ขึ้นม.3 แล้วๆถ้าเอาเงินไปเยอะขนาดนั้น ผู้ที่มีทรพย์น้อยจะทำไงค่ะ: )
อยากไปจัง : (
มันไม่มีสำหรับมหาวิทยาลัยหรอค่ะ
โห ขอบคุณนะคะ
มีแต่คำถามที่อยากรู้ทั้งนั้นเลย T_______T
♥oยาnlปมาnๆๆเลEอ่ะxน้าเสีEดาEอ่ะ♥
(เช่น อยู่ม.2 อายุ 12 ปีั แบบนี้ )
อยากรู้จริงๆๆ : )
ที่ญี่ปุ่นนั้นให้สิทธิในเรื่องทรงผมไหม คำตอบคือ
มันแล้วแต่โรงเรียน ส่วนย้อมสีผม ห้ามเป็นอันขาด!
ที่บอกว่าแล้วแต่โรงเรียนมีหลายกรณีนะคะ
1. โรงเรียนไม่เคร่งผม แต่ชมรมเคร่งผม(อันนี้เราต้องทำนะคะ) สังเกตุง่ายๆว่าผู้หญิงอยู่ชมรมกีฬานั้นมันจะตัดผมสั้น ส่วนผู้ชายจะเกรียน 555+
2. โรงเรียนคริสต์ต่างๆ เหมือนที่ไทยเป๊ะเลยค่ะ คือ ถักผมเปียเท่านั้น(ยกเว้นผมเราสั้นแล้วถักไม่ได้)
ขอเพิ่มเติมนะคะ
โรงเรียนที่ญี่ปุ่น ห้ามใส่เครื่องประดับไปโรงเรียน ตั้งแต่ต่างหู สร้อยคอ(แขวนพระยังต้องอธิบาย)
นาฬิกา(ไม่แน่ใจนะแต่ไม่เห็นเขารัดกัน) รวมถึงโทรศัพท์มือถือ(ส่วนมากจะเจอในโรงเรียนประจำนะคะที่เขาห้าม)
เกร็ดเรื่องโทรศัพท์มือถือ
เราสามารถนำไปใช้ได้หากมือถือเป็นสามจีล่าสุดน่ะนะ แล้วต้องเปิดโรมมิ่งเท่านั้น (ซึ่งแพงเว่อร์)
ทางที่ดีไม่ต้องเอาไป รอ2-3เดือนให้ได้บัตรต่างด้าวแล้วไปซื้อโทรศัพท์นี่โน่นจะดีกว่า... ( ประหยัดลงมานิดนึง )
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 29 มีนาคม 2554 / 20:26
กะว่าจะไปเหมือนกัน อยากไปมากกก