สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com...เจอกับ พี่เป้ และ KoreanKori เช่นเคย
ทุกๆ วันพุธ กับเรื่องราวสนุกๆ น่ารู้ของเกาหลี อ่านแล้วได้ประโยชน์และ
สนุกแน่นอน^^
โอลิมปิก 2012 ได้ปิดฉากลงเรียบร้อยแล้ว แต่นักกีฬาไทยก็ยังเดินสาย
ออกสื่อตามรายการต่างๆ แต่จริงๆ ไม่ใช่มีแค่นักกีฬานะคะที่ได้รับความ
สนใจ แต่ "โค้ชกีฬา" ก็ได้รับความสนใจไม่้แพ้กันค่ะ!
และถ้าพูดโค้ชสุดฮอต นาทีนี้คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก "โค้ชเช"
โค้ชเทควันโด้ชาวเกาหลีใต้ที่อยู่และทำงานที่เมืองไทยมา 10 ปีแล้ว
ผลงานของโค้ชเชนี่คงไม่ต้องพูดถึงเพราะเห็นๆ กันอยู่ เพราะตลอด
หลายปีที่ผ่านมา โค้ชเชพาทีมไทยไปสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่วงการ
เทควันโด้ไทยไว้มากมายเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น KoreanKori ตอนนี้
พี่เป้ ขออาสาพาน้องๆ ไปซอกแซกประวัติของโค้ชเช !!
##สีของหัวสไลด์
1=ส้ม
2=ฟ้า
3=ชมพู
4=ม่วง
5=ฟ้า
6=เขียว##
ใส่สีเลขสีที่นี่หลังเครื่องหมายดอกจันทร์ห้ามมีเว้นวรรคนะ-> *6
South Korean Coach : Choi Yong Sok
|
โค้ชเช มีชื่อจริงว่า "ชเว ยอง ซอก" จริงๆ ควรจะต้องเรียกว่า "โค้ชชเว" แต่คนไทยอาจจะออกเสียงยากเลยกลายเป็น "โค้ชเช"
(ใครไปดูรัก 7 ปี ดี 7 หนมา คงเข้าใจดี เช่น "ซง หะเย คะโย" 5555+)
เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1974 จบการศึกษา
จากมหาวิทยาลัยคังวอน ประเทศเกาหลีใต้ ปัจจุบันก็อายุได้ 38 ปีแล้วค่ะ
ชีวิตตอนเด็กของโค้ชเชค่อนข้างลำบาก เพราะคุณพ่อเสียตั้งแต่โค้ชเชอายุได้ 7 ขวบ ดังนั้นคุณแม่ก็ต้องเป็นคนเลี้ยงโค้ชเชและพี่สาว
ตอนกลางวันคุณแม่ต้องทำงานที่โรงงาน พอตกเย็นก็ไปทำงานเป็นแม่บ้าน โดยคุณแม่มีความฝันว่าอยากให้ลูกเป็นครู
|
|
เส้นทางการเข้าสู่วงการเทควันโด้ของโค้ชเชเกิดขึ้นเมื่อตอนป.6 อายุ 11 ขวบค่ะ โค้ชเชได้ไปนั่งดูเพื่อนซ้อมเทควันโด้ และเกิดรู้สึกว่า
ชอบเครื่องแบบเทควันโด้และชอบท่าเตะ เลยอยากลองเล่นบ้าง เล่นไปเล่นมา ก็มีโอกาสได้ติดเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติของเกาหลีใต้
(สายดำระดับ 7 เลยนะ)
เวลาผ่านไปหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย โค้ชเชต้องไปเกณฑ์ทหาร (ผู้ชายเกาหลีต้องเกณฑ์ทหาร) หลังจากไปเกณฑ์ทหารกลับมา
สมาคมเทควันโด้ก็มาบอกโค้ชเชว่า ทางเกาหลีจะต้องส่งโค้ชเทควันโด้ไปเทรนนักกีฬาที่บาห์เรน โค้ชเชสนใจมั้ย?
โค้ชเชก็เลยลองตัดสินใจไปค่ะ เพราะอยากลองไปหาประสบการณ์ที่เมืองนอก รวมถึงการไปทำงานต่างประเทศ จะทำ
ให้ได้เงินเดือนมากกว่าทำงานในเกาหลี เนื่องจากโค้ชเชต้องการหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ... นี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทาง
การเป็นโค้ชนักกีฬา
|
แต่ปรากฏว่าพอไปอยู่ที่บาห์เรนแล้ว การใช้ชีวิตก็ค่อนข้างยาก เนื่องจากอากาศที่ร้อนมากๆๆ (ในหน้าร้อนแถบนั้นเค้าร้อนกันระอุทะลุ
50 องศาเชียวนะเออ) อาหารก็ไม่คุ้น บางทีก็ป่วยเพราะอากาศที่ร้อนเกินไป จนหลายครั้งอยากจะท้อและถอนตัวกลับมา
แต่เมื่อมองเห็นแววตาของนักกีฬาที่มุ่งมั่นอยากจะซ้อมแล้ว โค้ชเชเลยฮึดสู้!! และอยู่ที่บาห์เรนต่อมาเรื่อยๆ
จนเกือบครบสัญญาคือ 2 ปี แต่ดันมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นก่อนค่ะ...
นั่นคือ หลังจากเป็นโค้ชให้บาห์เรนได้ปีกว่าๆ คุณแม่ของโค้ชเชก็เสียชีวิตลง ทำให้โค้ชเชต้องเดินทางกลับมาที่เกาหลีใต้เพื่อดูแลครอบครัวที่เหลืออยู่ ซึ่งตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากจนโค้ชเชรู้สึกไม่อยากทำอะไรเลย
แต่วันหนึ่ง สมาคมเทควันโด้เรียกไปคุยและบอกว่า ทางเกาหลีต้องส่งโค้ชไปเทรนนักกีฬาไทย โค้ชเชสนใจไปมั้ย? ตอนแรก
โค้ชเชคิดปฏิเสธ แต่ก็มานั่งคิดทบทวนว่า ถ้ามัวแต่จมอยู่กับความเสียใจเรื่องที่คุณแม่เสียแล้วจะไม่ทำอะไรเลย หากคุณแม่
มองลงมาก็คงจะต้องผิดหวังในตัวลูกคนนี้ โค้ชเชจึงฮึดอีกรอบ ตัดสินใจเดินทางมาเป็นโค้ชให้นักกีฬาไทยตั้งแต่ปี 2002 นี่
แหละค่ะ!!
ในช่วงแรกที่มาอยู่ไทย โค้ชเชบอกว่าค่อนข้างลำบากแต่ไม่มากเท่าตอนบาห์เรน อย่างอากาศของเมืองไทยนั้นถึงจะร้อนแต่ก็ทนไหว
(เพราะเจอร้อนกว่าจากบาห์เรนมาแล้ว) ด้านอาหารไทยก็มีรสชาติเผ็ดและไม่ต่างจากเกาหลีมากนัก จึงทำให้ค่อยๆ
ปรับตัวได้ ปัญหาที่เจอก็มีเรื่องภาษาอย่างเดียวเพราะโค้ชเชพูดไทยไม่ได้เลย เวลาสอนก็ต้องใช้ท่าทางประกอบหรือ
ไม่ก็พูดภาษาอังกฤษ ดังนั้นพอมีเวลาว่าง โค้ชเชจะเรียกนักกีฬามาคุยเพื่อจะได้ฝึกภาษาไทยไปด้วยในตัว
ผลงานของโค้ชเชที่ทำให้คนไทยเริ่มรู้จักกีฬาเทควันโด้มากขึ้น ก็ต้องยกให้ในช่วงกีฬาโอลิมปิก 2004 ที่ประเทศกรีซ ที่ "วิว-
เยาวภา" ไปคว้าเหรียญทองแดงประวัติศาสตร์มาได้!! ถ้าใครยังจำได้ ตอนนั้น "วิว-เยาวภา" เค้าดังมากๆ เลยค่ะ
ซึ่งเบื้องหลังของความสำเร็จครั้งนี้ต้องยกให้สมาคมเทควันโด้ไทยรวมถึงโค้ชสุดเก่งอย่างโค้ชเช^^
|
พอโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน "สอง-บุตรี" ก็ไปคว้าเหรียญเงินมาได้ ตอกย้ำความสามารถของทีมเทควันโด้ไทย
และที่ฮือฮาสุดๆ ต้องยกให้กีฬาเอเชียนเกมส์ 2010 ที่กวางเจา ประเทศจีน เพราะทีมเทควันโด้ไทยคว้ามา 2 เหรียญทอง 2
เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง!!! ถือเป็นประเภทกีฬาในเอเชียนเกมส์ครั้งนั้นที่ไทยสามารถนำเหรียญกลับบ้านได้มากที่สุดเลยค่ะ
พอปี 2011 ก็พาทีมไทยไปคว้าแชมป์โลกที่เกาหลีใต้มาได้ และที่สำคัญ ทำให้อันดับประเทศไทยในเทควันโด้โลก
เลื่อนจากอันดับร้อย กว่า มาติด 1 ใน 10 ของโลกอีกด้วย !!! (พูดแล้วขนลุก)
|
|
แน่นอนว่าหลังจากเอเชียนเกมส์ 2010 โค้ชเชก็เป็นที่รู้จักไปทั่ว เริ่มมีแฟนคลับและคนคอยติดตามผลงานว่า ในโอลิมปิก
2012 โค้ชคนนี้จะพาทีมเทควันโด้ไทยไปคว้าเหรียญกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน??
แต่ในที่สุดแล้ว ถึงจะไม่เป็นไปตามความคาดหมาย
โค้ชเชก็ไม่ทำให้คนไทยเสียใจค่ะ เพราะปั้นให้ "เล็ก-ชนาธิป" ได้เหรียญทองแดงกลับมาจนได้
ซึ่งตอนนี้ทีมเทควันโด้ไทยรวมถึงโค้ชเชก็ดังมากๆ เดินสายออกสื่อแทบทุกวันกันเลยทีเดียว (เห็นหน้าในข่าวทุกเช้าเลย 555)
|
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมกีฬาประทับใจในตัวโค้ชกีฬาคนนี้ก็คือ ... ทุกครั้งที่นักกีฬาลงแข่ง โค้ชเชจะคอยดูอยู่ที่ข้างสนามตลอด
โดยเฉพาะท่าทางการลุ้นและสายตาที่มองนักกีฬาของโค้ชเชนั้น สามารถสื่อได้ชัดเจนมากว่า โค้ชเชเอาใจช่วยมากกกกกก
หากนักกีฬาชนะ โค้ชเชก็จะดีใจกว่า และหากนักกีฬาแพ้ โค้ชเชก็จะเจ็บกว่า ... และในการแข่งเทควันโด้นั้น จะสามารถใช้ใบประท้วงได้
ซึ่งในแต่ละนัดใหญ่ๆ โค้ชเชก็ใช้ใบประท้วงตลอดเพื่อเรียกแต้มให้นักกีฬาค่ะ (ไม่ยอมถูกเอาเปรียบง่ายๆ!)
ยิ่งทำให้คนดูประทับใจในการพยายามต่อสู้แทนนักกีฬาของโค้ชเชค่ะ
ในเมื่อเป็นโค้ชเทควันโด้ที่ทั้งเก่งและมีชื่อเสียงขนาดนี้ แน่นอนว่ามีชาติอื่นติดต่อเพื่อซื้อตัวและยื่นข้อเสนอว่าจะให้เงินเดือนเยอะกว่า
แต่โค้ชเชก็ปฏิเสธและเลือกที่จะเทรนให้ทีมไทยต่อไป โดยโค้ชเชบอกว่า "ไม่อยากสู้กับนักกีฬาไทย ไม่อยากสู้กับ
ลูกชายและลูกสาว" นั่นก็เพราะว่าโค้ชเชอยู่กับทีมไทยมาครบ 10 ปีพอดีค่ะ ย่อมมีความรักและผูกพันกันมากอยู่แล้ว
และคำถามยอดฮิตที่หลายๆ คนคงแอบสงสัยคือ "เวลาที่ทีมไทยต้องแข่งกับทีมเกาหลี โค้ชเชรู้สึกยังไงบ้าง เพราะเกาหลีคือ
บ้านเกิด?" ซึ่งโค้ชเชก็ให้คำตอบว่า...กีฬาเทควันโด้มีถิ่นกำเนิดในเกาหลี ดังนั้นนักกีฬาเกาหลีจึงเก่งเทควันโด้มากที่สุดใน
โลก หากอยากชนะและได้เหรียญทอง นั่นหมายถึงเราต้องเอาชนะคนที่เก่งที่สุดในโลกซึ่งก็คือคนเกาหลีให้ได้
สำหรับชีวิตปัจจุบันของโค้ชเชนั้นแต่งงานและมีครอบครัวแล้ว และตอนนี้กำลังเรียนปริญญาเอกด้านจิตวิทยากีฬาอยู่ที่
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วยค่ะ ส่วนเรื่องการขอเปลี่ยนสัญชาติเป็นชาติไทยให้โค้ชเชที่หลายๆ คนคงติดตามข่าวอยู่
ก็ต้องลุ้นกันต่อไปนะคะ เพราะตามกฏแล้ว ชาวต่างชาติที่จะขอสัญชาติไทยได้ ต้องอยู่เมืองไทยมาแล้ว 10 ปี ซึ่งโค้ชเชก็อยู่มาครบ
10 ปีพอดีเด๊ะเลย!!
นักกีฬาทุกคนบอกว่า เวลาซ้อมโค้ชเชจะจริงจังมาก ไม่มีการเล่นเ็ด็ดขาด แต่พอซ้อมเสร็จ โค้ชเชจะดูแลเอาใจใส่เหมือนเป็นพ่อคนหนึ่ง ทำให้นักกีฬารักและเคารพในตัวโค้ชมาก
ปิดท้ายด้วยข้อคิดดีๆ จากโค้ชเช ... ในการแข่งกีฬาเอเชียนเกมส์ 2010 นัดหนึ่ง ที่นักกีฬาไทยมีแต้มตามหลังคู่แข่งและใกล้หมดเวลาแล้ว
โค้ชเชได้บอกนักกีฬาว่า "ตราบใดที่ยังไม่หมดเวลาแข่ง เราต้องบอกตัวเองว่าเราทำได้" และในที่สุด นัดนั้น
ไทยก็คว้าเหรียญทองมาครองจนได้ค่ะ! ตื้นตันมากๆ
36 ความคิดเห็น
"ตราบใดที่ยังไม่หมดเวลาแข่ง เราต้องบอกตัวเองว่าเราทำได้"
เอาไปใช้ได้กับการแข่งทุกประเภทจริงๆค่ะ
รักโค้ช ชเว ..ม๊วฟ .ม๊วฟ ^0^
ปลื้มโค้ชเชมาก