สำหรับคอลัมน์ใหม่แกะกล่องอย่าง Q&A(broad) อยากเรียนนอกจะบอกให้
  เป็นคอลัมน์ที่รวบรวมคำถามเจ๋งๆ โดนๆ เกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อนอกที่มีคนถามกัน
 บ่อย ทั้งทางเว็บบอร์ดเรียนนอกหรือจะเขียนอีเมล์ส่งมาถามที่ pay@dek-d.com 
 และคำถามประจำสัปดาห์นี้ก็คือ .... !

Question # 2 : บรรยากาศการรับปริญญาในเมืองนอกเป็นยังไงบ้าง?       เหมือนหรือต่างจากงานรับปริญญาที่ไทยหรือเปล่านะ?

Thailand : Mahidol University, USA : Texas Tech University, England : University of Oxford

เปิดเทอมประมาณมีนาคม เริ่มทยอยรับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป บางมหาวิทยาลัยรับเร็ว บางมหาวิทยาลัยก็รับช้า รอเกือบปี

บางมหาวิทยาลัยสอบไฟนอลวันนี้ มะรืนก็รับเลย โดยต้องแจ้งกับอาจารย์ว่าจะรับปริญญา อาจารย์จะเร่งตรวจข้อสอบให้ ถ้าผ่านหมดไม่ติดอะไร ก็เตรียมรับปริญญาได้เลย

บางที่รับกลางปี บางที่รับกลางปี บางที่ก็จัด 2 ครั้งต่อปี คือแยกกันระหว่างปริญญาตรีและโท

ซ้อมอย่างต่ำ 2 รอบค่อยรับจริง บางมหาวิทยาลัยซ้อม 3-4 รอบก็มี

ไม่มีการซ้อมอะไรทั้งสิ้น สมมติรับตอน 1 ทุ่ม ประมาณ 5 โมงเย็นค่อยไปลงชื่อว่าจะนั่งตรงไหนและจัดแถว

ไม่มีการซ้อมเหมือนกัน แค่ลงทะเบียนในเว็บไซต์มหาวิทยาลัยว่าจะเข้าร่วมรับปริญญา จากนั้นจะได้ตั๋วออนไลน์ไปแลกชุดครุย พอรับปริญญาเสร็จแล้วต้องคืนเลยทันที

ร้อยละ 99 ของคนที่เรียนจบจะมารับปริญญา เดี๋ยวไม่มีรูปใส่ชุดครุยถ่ายกับครอบครัวและเพื่อนๆ บางคนไปเรียนนอกแล้วก็บินกลับมาเพื่อรับปริญญากันเลยทีเดียว

ที่นั่นไม่ค่อยให้ความสำคัญ ใครจะมาก็มา ไม่มาก็ได้ ส่วนมากก็ไม่ค่อยมากัน

ที่อังกฤษถือว่าให้ความสำคัญกับงานรับปริญญาพอควร ส่วนมากจะมารับปริญญากันเยอะ

มีรุ่นน้องมาบูม จัดซุ้มให้รุ่นพี่ บรรยากาศสนุกสนานและคึกคักมากถึงมากที่สุด มีของขายเต็มทั้งในและหน้ามหาวิทยาลัย

บรรยากาศเรียบๆ ไม่มีอะไร ปกติ ไม่มีของขายในมหาวิทยาลัย อย่างมากก็มีขายดอกไม้ช่อเล็กๆ ในหอประชุม

ถ้ารับปริญญาในช่วงหน้าร้อน อาจจะมีดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกทิวลิป ที่มหาลัยปลูกไว้ เหมือนมีสวนดอกไม้ขนาดย่อมๆ พอให้ได้ถ่ายรูป แต่ถ้ารับในหน้าหนาว อาจมีแค่ต้นสนประดับไฟให้ถ่ายรูปด้วย

ถ่ายรูปตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทุกมุมของคณะและมหาวิทยาลัย ครีเอทท่าฮาๆ เจ๋งๆ กันสุดฤทธิ์ จ้างช่างภาพหมดไปหลายพันถึงหลักหมื่น

ถ่ายรูปกันเองพอเป็นพิธี ไม่ค่อยมีใครถ่ายอะไรมากมาย ถ้าเดินถ่ายรอบมหา'ลัยแบบที่ไทย คนอื่นอาจมองว่าแปลกได้ ถ่ายเฉพาะจุดสำคัญๆ เท่านั้น

ส่วนมากถ่ายรูปกันที่หน้าหอประชุมเท่านั้น ไม่มีใครตระเวนถ่ายทั่วมหาวิทยาลัย

บางมหาวิทยาลัยรับกับพระบรมวงศานุวงศ์ บางมหาวิทยาลัยรับจากอธิการบดี อยู่ในพิธีการต้องเงียบ เนี้ยบทุกฝีก้าว ยิ่งเวลาขึ้นไปรับยิ่งต้องสำรวม ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ใช้เวลานานประมาณ 4-5 ชั่วโมงต่อรอบ ญาติพี่น้องต้องรอด้านนอก สัญญาณมือถือล่ม(555)

พิธีการจะให้ความสำคัญตรงที่ จะเชิญบุคคลสำคัญมาพูดเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เชิญมา 4-5 คน บัณฑิตจะตั้งใจฟังมาก จากนั้นจะเป็นพิธีรับปริญญา โดยรับจากอธิการบดีของมหาวิทยาลัย และก่อนลงจากเวทีจะมีอาจารย์จากคณะต่างๆ มายืนแสดงความยินดีกับเรา เราต้องไล่จับมือทุกคน อาจารย์จะอวยพร ยิ่งตอนเวลาขึ้นไปรับใบปริญญา เพื่อนๆ และครอบครัวของคนที่รับสามารถแหกปากร้อง กรี๊ด ส่งเสียงแสดงความยินดีอะไรก็ได้ บางคนรับปริญญาเสร็จ จับมือกับอธิการบดีแล้วกรี๊ดก็มี อีกอย่างคือปริญญาบัตรที่ได้ไม่ใช่ตัวจริง ต้องนำลงไปแลกตัวจริงอีกที

ค่อนข้างมีกลิ่นอายของพิธีการ ที่ดูศักดิ์สิทธิ์นิดๆ (แต่ไม่เท่าที่ไทย) บัณฑิตนั่งฝั่งซ้าย ญาติๆ นั่งฝั่งขวา ให้อารมณ์แบบโบสถ์คริสต์ มีเปียโนมาเล่น เริ่มพิธีจากการอัญเชิญตราประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งทุกคนต้องยืนขึ้น แล้วผู้ช่วยรองอธิการบดีและคณาจารย์จะเดินเรียงแถวกันขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งบนเวที จากนั้นผู้ช่วยรองอธิการบดีจะกล่าวแสดงความยินดี หลังจากกล่าวเสร็จ บัณฑิตก็ขึ้นไปรับปริญญาทีละคน พอถึงคิวใคร ญาติๆ ก็จะส่งเสียงกรี๊ด สนุกสนาน ยิ่งใครเป็นหัวโจกประจำรุ่นก็จะได้รับเสียงกรี๊ดนานหน่อย (เต้นบีบอยยังได้) ซึ่งปริญญาบัตรที่ได้มาเป็นปริญญาบัตรตัวจริงพร้อมทรานสคริปต์ ส่วนรอบรับปริญญานี่ก็แล้วแต่คณะ (หรือ School) ว่า School ไหนจะได้รับช่วงไหน มีตั้งแต่รอบ 9.00 ถึง 17.00 ใช้เวลาแต่ละรอบประมาณ 1 ชั่วโมง

เนี้ยบสุดๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้หญิงแต่งหน้ากันแบบจัดเต็ม ผู้ชายก็ต้องเนี้ยบและดูดีที่สุด

การแต่งตัวภายใต้ gown(เสื้อดำๆ ที่คลุม) จะใส่อะไรก็ได้ ใส่ขาสั้นก็ได้ ใส่รองเท้าแตะยังได้ บางคนเอาเพชรเอาไฟมาประดับบนหมวกที่ใส่ยังได้

ทุกคนต้องแต่งตัวเรียบร้อยมากกกกกกกก สวมชุดครุยทับด้านนอก