สวัสดีค่ะชาว Work & Travel และน้องๆ ชาว Dek-D.com ทุกคน หลังจากให้ข้อมูลเกี่ยวกับการไปเวิร์กและข้อมูลของแต่ละรัฐมานานแล้ว วันนี้มาดูเรื่อง "การไล่ออก" กันดีกว่าค่ะ ไม่ได้จะขู่ให้กลัวนะคะ เพียงแต่มีหลายคนถามเข้ามาว่าภาษาไม่ดี กลัวทำอะไรผิดกฎแล้วโดนไล่ออกจะทำไงดี ก็เลยจะพามาดูสาเหตุในการไล่ออกที่เด็กไทยเจอบ่อยค่ะ
5 สาเหตุหลักที่ทำให้เด็กไทยโดนไล่ออก
โดยทั่วไปแล้วที่อเมริกาจะยึดกฎ 3 ครั้งออกค่ะ นั่นคือหากทำผิดกฎครั้งแรกจะโดนว่ากล่าวตักเตือน ครั้งที่สองอาจจะโดนหักเงิน พักงาน หรือลดชั่วโมงงาน ส่วนครั้งสุดท้ายที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบคือคุณไม่ได้ไปต่อค่ะ ต้องลากกระเป๋าออกไปเลย แต่ถ้าเป็นความผิดร้ายแรงอย่างทำอนาจารในที่สาธารณะ กระทำชำเราผู้อื่น จุดไฟเผาหอพัก จำหน่ายยาเสพติด หรือค้ามนุษย์ ความผิดระดับนี้ไม่มีแก้ตัวนะคะ นายจ้างจะแจ้งตำรวจให้มาจัดการเองเลย ซึ่งพวกเราก็ไม่มีใครไปทำอะไรแย่ๆ แบบนี้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ส่วนมากจะเป็นเรื่อง "ความต่างทางวัฒนธรรม" ต่างหากที่ทำให้โดนไล่ออก ฉะนั้นลองไปดูสาเหตุที่เด็กไทยโดนไล่ออกบ่อยที่สุดกันค่ะ
1. เข้างานสาย หายตัวบ่อย ลาไม่แจ้ง
บ้านเราจะค่อนข้าง "หยวนๆ" กับเรื่องนี้ ถ้าเหตุผลพอคุยกันได้ก็โอเคไป แต่ที่โน่นจะมองว่าเหตุผลอะไรก็ช่าง สายก็คือสาย จะมาบอกว่าเหตุสุดวิสัยรถเมล์ชนแท็กซี่เลยต้องลงไปรอคันใหม่อีกนานจนสายเลย นายจ้างก็จะตอบว่าเสียใจด้วยนะที่เจอเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าเธอออกมาเร็วกว่านี้ก็ไม่ต้องขึ้นคันนี้ที่จะไปเกิดอุบัติเหตุ ยิ่งถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ไปไม่ทันแน่ต้องหาทางแจ้งนายจ้างให้ได้ทันทีเลยว่าวันนี้สายแน่ ห้ามสายแบบเซอร์ไพรซ์ค่ะ
นอกจากนี้ยังรวมถึงเวลาไปพักแล้วกลับมาทำงานต่อด้วยนะคะ อย่ากินเพลินจนตอกบัตรเข้าสายเด็ดขาดค่ะ พวกอู้ไปแอบเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ครั้งละนานๆ เป็นประจำนี่ก็โดนเด้งมาเยอะค่ะ บางทีถึงกับให้ตอกบัตรเวลาเข้าห้องน้ำด้วย OoO ส่วนถ้าจะลาต้องลาล่วงหน้าค่ะ ลากิจลาพักผ่อนควรบอกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ล่วงหน้า
ส่วนลาป่วยอันนี้จะยากหน่อยค่ะ เพราะตอนก่อนนอนเราจะรู้สึกว่าไปไหวน่า นอนหลับเดี๋ยวก็หาย เสียดายเงินแย่ถ้าไม่ไปทำงาน แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นเรากลับป่วยหนักจริงๆ แบบที่อยู่ไทยมาไม่เคยเป็นมาก่อนเลยซักครั้ง พอโทรลานายจ้าง 1 ชั่วโมงก่อนเวลางานก็อาจโดนสวดกลับมาเป็นชุดว่าแล้วทำไมไม่โทรบอกตั้งกะเมื่อคืน ซึ่งเราก็จะตอบในใจว่า "แล้วจะรู้มั้ยล่ะว่าจะป่วยหนักขนาดนี้ ไม่ใช่หมอนะ" พี่ก็เคยเป็นค่ะ 555 ตอนนั้นก็เถียงในใจว่า "ถ้ารู้ก่อนมันก็ไม่ใช่ลาป่วยป่ะ ยังกะลาไปเที่ยวให้นัดล่วงหน้าเนี่ย" แต่เขาจะมองว่าก็ทำไมไม่ประเมินตัวเองมาให้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนล่ะ ฉะนั้นถ้ารู้สึกว่าป่วยแม้เพียง 50% ของสมัยอยู่ไทยก็ให้ตีว่าควรลาป่วยไปเลยค่ะ เพราะทั้งสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ อากาศ อาหารการกิน และอื่นๆ อีกมากมายมันไม่เหมือนตอนเราอยู่บ้านที่จะเรียนไปไอไปก็ได้ คนที่ไม่เคยป่วยอาจจะไปเป็นหนักเลยก็ได้เช่นกัน
2. ทำงานผิดพลาดซ้ำซาก
ข้อนี้ส่วนมากเด็กเวิร์กจะได้สิทธิพิเศษเป็นกฎ 5 ครั้งออกแทน เพราะเขายังมีเหตุผลพอจะมองว่า เรามีทั้งปัญหาทางภาษา วัฒนธรรม และยังเป็นนักเรียนอยู่ ก็เลยเพิ่มจาก 3 เป็น 5 ครั้งให้ค่ะ
ส่วนมากเด็กเวิร์กอยู่บ้านจะไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก แต่ต้องไปเป็นแรงงานเต็มตัวที่โน่น มันก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนใช่มั้ยคะ พี่นอนหงายไถลตัวเข้าใต้เตียงเพื่อเช็ดหยากไย่ในนั้น ครั้งแรกในชีวิตก็ตอนไปเวิร์กนี่แหละค่ะ (เพราะเตียงที่บ้านพี่ไม่มีใต้เตียง 555) ครั้งแรกๆ ก็โดนบ่นว่าปัดผิดทางโน่นนี่ แต่พอเขาบอกแล้วจากนั้นก็ไม่เคยทำผิดอีกเลย คือเราเรียนรู้กันได้ เขาก็จะไม่อะไรมากค่ะ
แต่ถ้าทำผิดเรื่องเดิมๆ ทั้งที่สอนแล้วหลายรอบ แบบนี้จะโดนเด้งเยอะค่ะ เช่น เขาบอกว่าพับเสื้อในร้านขายของต้องพับให้เรียงกันเป็นรูป แต่เราดันไม่ตั้งใจทำ ดื้อดึงจะพับเหมือนชุดนอนที่บ้านอยู่นั่นแหละ บางทีอาจจะโดนไล่ออกตั้งแต่ก่อนครบ 5 ครั้งก็ได้ ฉะนั้นต้องเปิดใจกว้างๆ พยายามเรียนรู้ อย่าไปท้าทายอะไรเยอะ ถึงแม้วิธีพับของเราจะเรียบร้อยกว่าเยอะแต่ถ้าเขาไม่อนุมัติก็ช่างเขาเถอะค่ะ
3. ขโมยของโดยไม่ได้ตั้งใจ
ที่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็เพราะเราก็คนดีๆ กันทั้งนั้น ไม่มีใครกะว่าไปอเมริกาเพื่อตั้งหน้าตั้งตาปล้นอยู่แล้ว แต่ตามร้านอาหารหรือที่ทำงานแบบมีโรงอาหารพนักงาน ส่วนมากจะมีกฎว่า "ห้ามพนักงานนำอาหารออกนอกพื้นที่เด็ดขาด" นั่นคือถ้าจะทานในบริเวณนี้อ่ะได้ แต่ห้ามเอากลับไปกินต่อที่บ้านเด็ดขาด ซึ่งเราจะมองว่า ยังไงเค้าก็ทิ้งอยู่แล้ว จะปล่อยให้เสียของทำไม เราเอากลับไปกินให้ก็ประหยัดตั้งเยอะ คิดว่าเราจะเอาไปหลอกขายต่อหรอ
ใช่เลยค่ะ เพราะเด็กอเมริกันหลายคนชอบจิ๊กอาหารในร้านที่ดูสวยๆ แพงๆ ไปขายต่อในราคาน่ารักๆ เนื่องจากพวกเขาต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือ นายจ้างส่วนมากก็เลยตั้งกฎนี้ตามๆ กันมา เพื่อกันการเอาไปขายต่อ แล้วเงินเข้ากระเป๋าพนักงาน ทั้งที่เป็นวัตถุดิบของบริษัท ทำโดยเชฟมือหนึ่งของร้าน และอีกอย่างคืออาหารแต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เมื่อนำไปขายคนก็จะรู้ทันทีว่าเป็นของที่ไหน แล้วระหว่างมาทานที่ร้านเสียเงิน $30 กับมีคนเอาไปเดินขายในเมืองอันละ $10 ถ้าเราเป็นลูกค้าเราก็คงไม่ไปที่ร้านอีกใช่มั้ยคะ ผลระยะยาวก็คือ ที่ร้านมีลูกค้าน้อยลง การจ้างงานก็ลดลง ปีหน้าเขาก็จะไม่ต่อสัญญา Work & Travel กับไทยอีก เผลอๆ ไม่ต้องรอปีหน้าก็ได้ น้องอาจจะได้กลับบ้านก่อนกำหนดเลยก็ได้ค่ะ ฉะนั้นเขาเลยต้องกันไว้ก่อนเลย
พี่เคยไปทำงานในรีสอร์ทที่โปรโมทว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่เห็นตอนดึกๆ ของกินที่เหลือโยนทิ้งหมด เลยไปถามเขาเลยว่ามันรักษาสิ่งแวดล้อมยังไง กินทิ้งกินขว้างเนี่ย ให้พวกเราเอากลับไปกินเวลาหิวตอนดึกๆ ยังดีซะกว่า แล้วนายจ้างก็เลยเล่าให้ฟังมาแบบนี้ค่ะ (พี่ก็ฟังไปกินไป)
4. ไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
หลายครั้งปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากตัวน้องด้วยซ้ำ แต่เป็นเด็กไทยใสซื่อทุกทีเลยที่โดนไล่ออก ข้อนี้จะยากกว่าทุกข้อเลยค่ะ เพราะเวลาเจ้าถิ่นไม่ชอบหน้าเราทั้งที่เราไม่เคยทำอะไรให้เลย เจ้าถิ่นก็จะไปใส่ร้ายป้ายสีให้นายจ้างฟัง หรืออาจจะจัดฉากใส่ไฟเราต่อหน้าเลยก็มีคนเจอมาแล้วค่ะ ซึ่งถามว่าเราทำอะไรได้มั้ย ก็ทำไม่ได้นะ เราอุตส่าห์อยู่เงียบๆ เฉยๆ แล้ว พวกนั้นนั่นแหละมารังควานไม่เลิก
ปัญหานี้ให้ใจเย็น และท่องเอาไว้ว่าเราเป็นนางเอกละครไทย จะโดนโขกสับ จัดฉากใส่ความอะไรยังไงก็เป็นนางเอกละครไทยสมัยเก่าไว้ค่ะ (ไม่เอาแบบสมัยใหม่ที่ตบคืนนะ) แล้วพิจารณาให้ดีว่า จะเดินเกมต่อยังไง ซึ่งถ้าใจร้อนหรือมีแต่อารมณ์โมโหอยากเอาคืน เราก็จะยิ่งดูร้ายไปตามที่โดนเม้า (และพระเอกบื้อก็มาเห็นตอนเราตบคืนทุกที) ฉะนั้นไม่เอาค่ะ เราต้องมีสติและคำนวณผลดีผลเสียให้รอบคอบ ดูความเป็นไปได้หลายๆ ทางก่อนลงมือทำอะไร ภายนอกเราเป็นนางเอกสมัยก่อนก็จริง แต่เราต้องคิดอะไรเหนือกว่าแบบนางเอกยุคใหม่ไว้ด้วยค่ะ
เพื่อประโยชน์ของรุ่นน้องที่จะไปกับโครงการนี้อีก หลังวันสุดท้ายของการทำงานค่อยเขียนรายงานเรื่องที่โดนรังแกค่ะ แต่อย่าเม้าใส่ไฟนะ อาจจะให้เพื่อนๆ ช่วยเขียนหลายๆ คน หรือจะเขียนในแบบประเมินของลูกค้าก็ได้ค่ะ (แน่ใจนะว่านางเอก 555)
เลือกคนที่จะแจ้งปัญหาด้วยให้ถูกคนเสมอค่ะ นั่นคือคนที่มีอำนาจสามารถแก้ไขอะไรให้ได้ มีปัญหากับเพื่อนร่วมห้องก็ควรบอกหัวหน้าที่ดูแลเรื่องการจัดห้องพัก มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานบางคนก็ควรบอกหัวหน้าที่จัดตารางงานให้จัดตารางเราไม่ให้ชนกับคนนั้น หรือถ้ามีปัญหากับตัวงานก็ควรบอกหัวหน้าที่สามารถย้ายแผนกให้เราได้ค่ะ
อย่าไฝว้แบบทุ่มสุดตัว เพราะมีโอกาสน้อยมากที่เราจะได้ความเป็นธรรมค่ะ เขามักจะเลือกคนของเขาก่อนเสมอ และบอกเราว่า "ปล่อยๆ ไปเถอะ ช่างมัน" ฉะนั้นอย่าเอามาคิดมากจนปวดหัวนอนไม่หลับ เพราะนี่เป็นแค่งานชั่วคราวช่วงปิดเทอม ไม่ใช่งานประจำในฝันที่เราเฝ้ารอมาทั้งชีวิต
5. ปัญหาส่วนตัว
บางคนอาจจะมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงจนไม่สามารถทำงานได้ ไม่ใช่ว่านายจ้างจะใจดำไม่สงสารนะคะ แต่ในทางธุรกิจมันก็ไม่ใช่ค่ะ แถมเราไม่ใช่พนักงานประจำที่ทำมา 20 ปีจงรักภักดีถวายชีวิตด้วย
บางคนอาจจะติดมือถือมากเกินไปจนแอบเล่นในเวลางาน อันนี้คนรู้จักพี่ก็โดนเตือนหลายครั้งมาก ดีที่ไม่ถึงกับโดนไล่ออก
คนที่ความอดทนต่ำก็ไม่สามารถทำงานบริการและใช้แรงงานพวกนี้ได้ เพราะนอกจากจะวีนใส่นายจ้างและเพื่อนร่วมงานแล้ว ยังวีนใส่ลูกค้าด้วย เพราะน้องจะเจอลูกค้างี่เง่าได้เยอะมาก แต่ก็ต้องคุมอารมณ์ให้ดี อย่าคิดแค่ว่าด่าแล้วก็จากกัน มันกับเราไม่เจอกันอีกแล้ว เพราะผลเสียจะเกิดกับองค์กรค่ะ จะโกรธเกลียดนายจ้างหรือคนบางคนในองค์กรยังไง ก็อย่าลืมนึกถึงพนักงานที่ดีๆ คนอื่นที่ไม่รู้อะไรด้วยนะคะ แล้วไหนจะครอบครัวที่เขาต้องหาเลี้ยงอีก (ยังเป็นนางเอกอยู่)
เช่นเคยค่ะ พี่จะย้ำเสมอว่า Work & Travel ไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวหรือโหดร้ายทะลุโลก นี่เป็นแค่การรวมเรื่องแย่ๆ มาให้ดู เพื่อที่น้องๆ จะได้เตรียมฟิตร่างกายและใจไปพบว่า "พี่เว่อร์เกิน มาแล้วสนุกออก มีแต่คนดีๆ" เดี๋ยวคราวหน้าพี่จะเอาเหตุผลแปลกๆ ที่เคยมีคนโดนไล่ออกมาแล้วมาให้ดูนะคะ เป็นอะไรที่ฮามากๆ ไว้คลายเครียดท้ายปีค่ะ
ภาพประกอบ
www.abrs.com
conservalinked.com
www.repmanblog.com
www.huffingtonpost.com
24 ความคิดเห็น
ขอบคุณนะค่ะ มีประโยชน์มากค่ะ
อยากไป work มั่ง แต่เพิ่งรู้ฝรั่งนี่ก็ดูละครไทยเหมือนกันนะเนี่ย เดี๋ยว ๆ จะโดนเจ้าแม่เอาคืน โฮะ ๆ ๆ ๆ (ขำ ๆ จ้า 5 5 5 +) คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากจริง ๆ
อย่าว่าแต่โครงการนี้เลย ที่ไหนๆ ก็มีทั้งนั้น
ขอบคุณกระทู้มากค่ะ
ถ้าไปทำคงเจอคดี"ขโมยของโดยไม่ได้ตั้งใจ"แน่เลย แง่ว แง่ว
มีประโยชน์ดีครับ ใช้ได้กับทั้ง WorkAndTravel และการทำงานจริงครับ
อยากไปๆๆๆๆๆๆ
งานอะไรก็มีเรื่องวุ่นๆทั้งนั้นแหละ กับไทยด้วยกันก็ใช่ย่อย ปล่อยวางอย่าไปคิดอะไรมากนัก หางานที่เหมาะกับเราจริงๆ หายากหน่อยก็ต้องหา เพราะอดทนๆๆโดนโขกสับไปจนตายน่ะไม่ไหวหรอก
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ชอบบทความนี้มาก อายุ 18 เมื่อไหร่ จะไปทันที!
และจะเป็นพนักงานที่ดี ไม่ทำผิดกฏ
ขอบคุณมากค่ะ
ชอบบทความนี้มาก อายุ 18 เมื่อไหร่ จะไปทันที!
และจะเป็นพนักงานที่ดี ไม่ทำผิดกฏ
โอ้ว มุมมองที่จะไป work เริ่มเปลี่ยนเลย ขอบคุณนะแจ๊ะที่แชร์ประสบการณ์ รู้สึกไม่กล้าไปแล้ว
บทความนี้มีประโยชน์เลยเวลาไปงานพิเศษไม่ว่าทั้งในทั้งนอก
ก็เอาไปใช้ประโยชน์ได้
คำเดียว คือเราต้อง "อดทน" ใช่ไม๊ !!