ชีวิต ณ บุรีรัมย์ ของ "เจีย" เด็กแลกเปลี่ยนจากอเมริกา

     
       สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และประสบการณ์เด็กนอกเช่นเคย ตอนนู้นพี่เคยนำประสบการณ์ของครอบครัวเด็กไทยครอบครัวหนึ่งที่รับเป็นโฮสท์แฟมิลี่ให้กับเด็กเยอรมันมาลงให้อ่าน ปรากฏว่ากลายเป็นเรื่องที่ฮอตมาก หลายคนอ่านแล้วซึ้งน้ำหูน้ำตาไหลสุดๆ (ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกที่นี่) วันนี้ก็มีอีกประสบการณ์ของครอบครัวเด็กไทยที่รับเป็นโฮสท์แฟมิลี่มาฝากอีกครั้งค่ะ เรื่องนี้น่ารักมากๆๆๆ เหมือนกัน รับรองว่าซึ้งแน่นอน




Nirvana หรือ เจีย จากอเมริกา


      สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทุกคน ชื่อ "ฝ้าย" นะคะ เรื่องที่นำมาเล่าวันนี้คือประสบการณ์การเป็นโฮสท์แฟมิลี่ให้เด็กแลกเปลี่ยนจากอเมริกาค่ะ ตอนนี้ฝ้ายกำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นม.6 โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม จ.บุรีรัมย์ แต่ฝ้ายเป็นโฮสท์แฟมิลี่เมื่อปีที่แล้ว ก็คือปี 2556 ตอนนั้นฝ้ายอยู่ม.5
   
      โดยส่วนตัวฝ้ายมีความฝันอยากจะเป็นโฮสท์แฟมิลี่มาตั้งนานแล้ว กว่าจะได้สมัครก็ลุ้นอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะครอบครัวก็ฐานะปานกลาง เป็นครอบครัวข้าราชการ พ่อฝ้ายนี่จะยังไงก็ได้ แต่แม่เป็นคนดูแลเรื่องทุกอย่างในบ้านก็ว่าได้ ตอนแรกที่ขอเขาก็ยังไม่ให้เป็นนะ เพราะเขากลัวเด็กที่จะมาอยู่บ้านเราจะลำบาก กลัวเขาจะเปลี่ยนโฮสท์ คิดไปนานาตามประสาคนเป็นแม่ พอช่วงใกล้ส่งใบสมัคร ก็เริ่มตั้งสติ รวบรวมข้อมูลคุยกับแม่ อธิบายให้แม่ฟังว่าการเป็นโฮสท์แฟมิลี่นั้นเป็นอย่างไร ดีอย่างไร พอแม่พูดว่าได้เท่านั้นแหละ ก็รีบไปเอาใบสมัครมาให้แม่เซ็นชื่อเลย
     
      หลังจากนั้นก็เอาไปส่งอาจารย์ AFS ของโรงเรียน แล้วอาจารย์ก็ส่งไปให้อาจารย์ AFS ของศูนย์ อ่อ ขอบอกนิดนึงนะคะว่าควรส่งใบสมัครก่อนเดือนมีนาคมของปีนั้นๆ เพราะเขาจะมีการเลือกคู่ครอบครัวให้กับเด็กช่วงเดือนมีนา-เมษา ถ้าส่งหลังจากช่วงนั้นก็จะได้ปีถัดไปค่ะ 

     
      มาถึงเรื่องเด็ก AFS บ้างนะคะ ฝ้ายได้รับจดหมายจากทาง AFS ว่าเราได้ใครตอนช่วงต้นมิถุนายน ตอนนั้นจำได้ว่ากลับถึงบ้านประมาณ 2 ทุ่ม เจอจดหมายจาก AFS โคตรดีใจและตื่นเต้นมากเลย วินาทีแรกที่เห็นหน้าเขาก็คิดไปนานาจิตตัง จากนั้นก็ค้นหาชื่อเขาใน Facebook จากนั้นก็แชทไปหาคุยกันจนตี 2 อ้อ ลืมบอกไป เขาชื่อ Nirvana Thakur อยู่นิวยอร์ก แต่ไม่ใช่คนอเมริกานะ เขาเป็นคนเนปาล โดยฝ้ายจะเป็นโฮสท์แฟมิลี่ให้เค้าเป็นเวลา 6 สัปดาห์ค่ะ
 
    ตอนที่คุยกัน เขาไม่ค่อยคุยเท่าไร เราก็คิดว่า เอาล่ะ สงสัยจะได้คนเงียบๆ น่าจะปรับตัวยากแน่ๆ เลย แต่พอเอาจริงมันตรงข้ามทุกอย่างจากที่เราคิดไว้เลย วันแรกที่เจอกันจำได้เลยวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2556 ฝ้ายกับพ่อไปรับเขาที่โรงแรมมารวยการ์เด้นท์ กรุงเทพฯ ตอนนั้นที่ล็อบบี้โรงแรมเด็กแลกเปลี่ยนเยอะมากกก ตาลายไปหมด แล้วเจออาจารย์ประจำศูนย์พอดี อาจารย์เห็นเขาพอดีเลย จำได้เลยว่าอ.พูดว่า Nirvana, this's your host sister.

     ตอนนั้นฝ้ายก็แบบตื่นเต้น นี่ Nirvana หรอเนี่ย ดูดี ดูเฟรนด์ลี่กว่าในจดหมายมากกกก แล้วนางก็โผเข้ากอดเรา เราก็ยังงงๆ อยู่ 555 จากนั้นเราก็เดินทางกลับบุรีรัมย์ จริงๆ บ้านเราไม่มีการเวลคัมอะไรเท่าไร พอมานึกก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน

      แล้วที่นี้ชื่อ Nirvana ค่อนข้างเรียกยากนะ (ออกเสียงกึ่งๆ เนอกับนี) บ้านเราเลยตั้งชื่อให้ใหม่ Nirvana เลยได้ชื่อเล่นภาษาไทยที่เป็นภาษาเขมรว่า "เจีย" แปลว่า "ดี" ในภาษาเขมร ชื่อจริงว่า "ณดา" เจียได้เรียนกับห้องเรา อาจเป็นเพราะรุ่นเดียวกันมั้ง แต่เราเรียกเจียว่าพี่ เพราะเจียอายุมากกว่าเรา ถึงแม้จะห่างกันไม่มาก แต่เรารู้สึกเคารพ นับถือเจีย
 
      ตอนแรกที่บ้านจัดห้องให้เจียนอนคนเดียว แต่ด้วยความที่ว่าตอนอยู่นู่น เจียนอนกับน้องตลอด ฝ้ายก็เลยได้นอนกับเจีย ตอนแรกเราจะมีหมอนข้างกั้น แต่พอผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ หมอนข้างนี่ลงหลุมไปเลย เรานอนกอดกันทุกคืน เพราะเจียเองเป็นคนติดกอด ทำให้ตั้งแต่นั้นมาจนทุกวันนี้ฝ้ายคิดถึงกอดนั้นมากกกกกT_T มีคืนหนึ่งที่เรานอนคุยกันนานมากจนแม่ต้องโทรศัพท์มาบอกให้นอน เราคุยในเรื่องที่เราต่างไม่เคยพูด เจียพูดเรื่องในใจของเจีย ฝ้ายก็พูดเรื่องในใจของฝ้าย เราทั้งสองคนร้องไห้ออกมา เพราะฝ้ายไม่เคยมีใครมารับฟังเรื่องที่อ่อนไหวแบบนี้มาก่อน 
   
      มีเรื่องที่ฝ้ายประทับใจที่สุด ฝ้ายบอกว่าเป็นเลส แล้วฝ้ายถามเจียว่าเจียไม่กลัวหรอ? เจียถามว่าทำไมต้องกลัว ฝ้ายก็บอกว่าเพราะคนอื่นนเขากลัวว่าฝ้ายจะชอบเค้าไง เจียบอกว่าไม่หรอก เพราะฝ้ายเป็นน้องสาวเจียนี่ ตอนนั้นรู้สึกฟินจนจะร้องไห้ 555:') อย่างที่บอกในตอนแรกเราคิดว่าเจียจะเป็นที่เงียบๆ อยู่ยาก กินยาก ไม่เฮฮา แนวดุๆ แต่..มันตรงกันข้ามหมดทุกอย่างเลย ห้องเราส่วนใหญ่พูดอังกฤษกันไม่ได้ แต่ทุกคนคุยกับเจียรู้เรื่อง 555 อาจเป็นเพราะด้วยความที่ว่าเจียตอนที่เจียย้ายมาอยู่อเมริกาใหม่ๆ เจียเจอปัญหาในด้านการสื่อสาร ทำให้เจียเข้าใจพวกเรา เจียพยายามที่จะสื่อสารด้วยภาษาง่ายๆ อย่างเช่น I'm not hungry.เจียก็จะพูดเป็น Jia no hungry เพื่อนๆ ก็อ๋อกัน

      เจียเป็นเด็กแนว Study hard Play hard เรียนเป็นเรียนเล่นเป็นเล่น เวลาอยู่ในคาบคณิต ก็มีออกไปแสดงวิธีทำหน้ากระดาน ทำให้เราเห็นสไตล์แบบอเมริกาและไทย เวลาอยู่ในชั้นเรียนอังกฤษ ครูก็จะให้เจียช่วยอ่านบทความ สำเนียงเจียดีมาก ไม่มีสำเนียงแขกติดมา สอนพูดอะไรก็พูด เจียพูดเขมรสำเนียงได้เป๊ะมาก เจียพูดไทยบ่อยมาก ถึงแม้จะพูดได้ไม่เยอะ อย่างเวลาอยู่บ้าน ก็มีพูดเขมรกับยายด้วย 555 เพราะยายส่วนใหญ่พูดเขมร 

     
      มีหลายครั้งที่ฝ้ายไม่เข้าใจว่าเจียพูดอะไร ก็มีรู้สึกเฟลบ้าง มันสมควรไหมล่ะ แบบเจียพูดว่า pan(กระทะ)แต่ฝ้ายเข้าใจว่าเจียต้องการไม้ม็อบ เพราะนางทำท่าชักๆ 5555 แล้วเจียก็จะชอบแก้ไขแกรมม่าร์สำเนียงภาษาอังกฤษให้อยู่เสมอ ตอนแรกไม่ค่อยชินนะที่มีคนมาติงตรงนี้ รู้สึกแปลกๆ นิดนึง แต่ตอนหลังนี่รู้สึกโชคดีมากๆ เลย แล้วมีช่วงสอบกลางภาค ฝ้ายจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างขี้เกียจ เจียก็แบบเงียบใส่ ไม่สนใจถ้าเราไม่อ่านหนังสือ 555
     
      แล้วเราเกลียดมากเวลาที่ครูประกาศคะแนน นางรู้เลขที่เรา รู้ชื่อจริงเรา นางก็จะรู้ว่าเราได้เท่าไร ซึ่งตอนนั้นเราได้โคตรแย่ในคณิตฯ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ 5555 เจียก็ดุเรา ก็เธอไม่ยอมอ่านหนังสืออะไรอย่างนี้ ไอ่เราจะอ้างอะไรก็ไม่ได้เพราะเจียอยู่กับเราตลอด 555 ตอนที่เจียอยู่บ้านเรา ทำให้เราติดนิสัยดีๆ จากเจียมามาก อย่างช่วงแรกๆ นี่มีลุกไปวิ่งตอนเช้าด้วย เพราะเจียชอบวิ่ง แต่ฝ้ายขี้เกียจมากก็วิ่งได้อยู่สักพักแหละ 555 ถ้าวันไหนไม่เลิกค่ำ เราก็จะไปตีแบดกันที่โรงเรียนใกล้บ้าน เด็กแถวนั้นก็จะชอบมาคุยกับเจีย
 
    แล้วเจียจะกลัวแมลงสาบกับแมงมุมมากกกกก วันนั้นมีแมลงสาบในห้องนอน นางบอกจะไม่เข้าไปนอน จะนอนข้างนอกถ้าไม่เห็นแมลงสาบออกจากห้อง จนคืนนั้นเราต้องทำสารพัดวิธีหาแมลงสาบ แล้วเอายาฆ่าให้มันตายต่อหน้าต่อตาเจียT^T บ้านเราอ่ะในห้องน้ำมันมีแมงมุม นางกรี๊ดจนยายตื่น 555..ต้องให้ฝ้ายเอาแมงมุมออกให้ไม่งั้นไม่อาบ จนทุกวันนี้ถึงเจียไม่อยู่ ฝ้ายก็ยังติดนิสัย ไม่ให้บ้านมีหยักไย่ แมงมุม เพราะรู้ว่าเจียกลัวมาก

     จริงแล้วบ้านฝ้ายจัดได้ว่าตั้งอยู่ในอำเภอที่ค่อนข้างไกลจากเมือง  1 ทุ่มนี่ก็เหมือนหมู่บ้านร้างละ แต่ฝ้ายเรียนอยู่อีกอำเภอซึ่งค่อนข้างเจริญกว่ามาก ส่วนใหญ่ชีวิตจะอยู่ที่โรงเรียนเลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ตอนช่วงนั้นฝ้ายเรียนพิเศษเลิกดึก เจียก็ไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนอยู่ 2 ชั่วโมงนั่นแหละ
   
      บ้านเราไม่ค่อยได้เที่ยวมากนะ เพราะพ่อเองไม่ได้อยู่บ้าน กลับบ้านวันเว้นวัน แม่ก็เรียนป.โทเสาร์-อาทิตย์ ก็มีบางอาทิตย์ที่พ่อกลับ เราก็จะไปเมืองไปห้างบ้าง ไปเที่ยวใกล้บ้านบ้าง บางอาทิตย์ที่เป็นช่วงวันหยุดยาว เราก็จะขึ้นกรุงเทพฯเพราะตอนนั้นพี่เรียนอยู่กรุงเทพฯ ก็เลยได้ถือโอกาสเที่ยวเลย ฝ้ายประทับใจในความเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของเจียอยู่เรื่องหนึ่งคือ เจียไม่ติดพวกโซเชียลออนไลน์ เขาไม่ค่อยถือมือถือติดตัวเท่าไร ส่วนใหญ่เจียจะเล่นไอแพดฝ้าย แต่ก็เล่นเป็นเวลา เวลาที่ว่างจริงๆ เขาจะคุยกับเพื่อนๆ เน้นการคอนเนคชั่นกับคนรอบข้าง

      มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นั่งอยู่ด้วยกันกับเพื่อนๆ เจียจะสั่งให้เอามือถือลงแล้วคุยกัน ตอนที่เจียอยู่ ฝ้ายแทบไม่ได้เปิดเฟซบุคเลยทั้งที่ความจริงเป็นคนเล่นเฟซหนัก แต่เพราะมีคนอยู่ด้วยเลยได้ทำกิจกรรมอย่างอื่น จริงๆ ถึงฝ้ายจะตัวติดกับฝ้ายตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่ติดฝ้ายมาก เวลาฝ้ายไม่อยู่ แล้วให้อยู่กับเพื่อน เขาก็ไม่มีปัญหา เจียเข้ากันได้ดีทั้งเพื่อนผู้ชายและเพื่อนผู้หญิง ทุกๆ คนในห้องรักเจียมาก ช่วงก่อนกลับทางโรงเรียนก็ให้เจียขึ้นเวทีมาอำลาเพื่อนๆ กว่าเจียจะขึ้นมาได้นี่ใช้เวลาทำใจมาก เจียร้องไห้มาก ตอนขึ้นพูดไปก็ร้องไห้ไป 

 
     วันที่ 17 สิงหาคม เป็นวันสุดท้ายของเจียกับเพื่อนๆ พวกเราก็จัด Farewell Partyให้เจีย ฝ้ายแอบเห็นตอนเรารอแม่มารับแล้วเจียคุยกับเพื่อน นางมีแอบน้ำตาซึมด้วย และบ้านเราก็ได้ไปส่งเจียที่สนามบิน วันนั้นฝ้ายไม่ร้องไห้ต่อหน้าเจีย เพราะฝ้ายไม่อยากให้พี่เห็นน้ำตา แต่พอระหว่างทางกลับบ้านนี่นั่งซึมตลอดทาง กินข้าวก็ไม่ลง ยิ่งพอถึงบ้าน โอ้ย ทรมาน ยิ่งตอนคืนแรกๆ นี่เดินเข้าห้องนอนแล้วน้ำตาไหลเลย ช่วงแรกๆ นี่ไม่เป็นอันทำอะไรเลย ฝ้ายร้องไห้นานมาก มากจริงๆ ฝ้ายโทรหาเจียทุกคืนวันอาทิตย์อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน บางทีก็คุยกับพ่อ แม่ น้า น้อง เจียบ้าง รู้สึกดีมากๆๆ

       หลังจากนั้นมาก็ไม่ค่อยได้โทรเพราะเริ่มไม่ว่าง ตารางชีวิตเริ่มปรับเปลี่ยน  ก็อาศัยวันไหนที่เรานอนดึก(เกือบเช้า)ทักแชทเขาไป เพราะเวลาเราต่างกันชนิดตรงกันข้ามเลย สไกป์กันบ้างนิดหน่อย เพราะเจียเป็นเหมือนอะไรที่เราตามหา เจียทำให้ฝ้ายได้เป็นตัวเองมากขึ้น เจียบอกเสมอว่าอยากใส่อะไรก็ใส่ไป ไม่ต้องไปสนใจอะไร เราไม่ได้ใส่อะไรโป๊สักหน่อย เจียเป็นแรงบันดาลใจให้ฝ้ายในหลายๆ อย่าง เป็นพี่สาวที่ดีที่สุด ฝ้ายฝันอยากที่จะมีพี่สาวที่ดีสักคนที่เข้าใจเรา ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นน้องสาวเขานะ และเจียทำให้ฝ้ายรู้สึกอย่างนั้น เราคุยกันทุกเรื่อง ฝ้ายบอกเจียในเรื่องที่ฝ้ายไม่เคยบอกใครเลย
      เจียไม่ใช่คนภายนอกดูดี แต่จิตใจเจียสวย ลึกซึ้งมาก เจียอาจจะไม่น่ารักเหมือนเด็กแลกเปลี่ยนคนไหนๆ แต่ฝ้ายรักเจียมากที่สุด เจียทำให้ฝ้ายเป็นคนที่เลิกตัดสินคนจากภายนอก ทำให้ฝ้ายรักใครสักคนด้วยข้างในไม่ใช่จากรูปลักษณ์ ถึงแม้มันเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ฝ้ายรู้สึกรักเจียมากก วันแรกที่เจอเหมือนเป็นวันที่ได้เจอพี่สาว สำหรับฝ้าย เจียไม่ใช่แค่นักเรียนแลกเปลี่ยน แต่เจียเป็นพี่สาวคนหนึ่งที่ฝ้ายเคารพ นับถือมากที่สุด เวลาที่ฝ้ายจะทำอะไร ฝ้ายจะนึกถึงเจียแล้วฝ้ายจะรู้สึกฮึดสู้ พี่เจียคงดีใจที่เห็นเราทำได้ 

      ตอนนี้เจียกำลังขึ้นปี 1 ฝ้ายอยู่ม.6 ฝ้ายก็บอกกับตัวเองว่าต้องใจอ่านหนังสือจะได้สอบเข้ามหาลัยให้ได้เหมือนเจีย เจียเองอยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ แนวๆ ช่วยเหลือผู้หญิง เจียบอกว่าอยากมาทำงานที่ประเทศไทย ตอนนี้เจียได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียน ฝ้ายก็บอกกับตัวเองว่าฝ้ายต้องทำให้ได้สิ เหมือนเจียเป็นจุดหมายอย่างหนึ่ง ฝ้ายบอกกับตัวเองว่าถ้าฝ้ายเรียนสูงๆ มีหน้าที่การงานดี ฝ้ายก็ได้ไปหาเจีย ถึงแม้ตอนนี้เวลาจะผ่านมาเป็น 1 ปีแล้ว แต่ฝ้ายก็ยังคิดถึงเจียเสมอ บางทีก็ยังรู้สึกเหมือนเจียอยู่ตรงนี้ บางทีก็จะคิดว่าถ้าเจียอยู่ก็คงดี แต่พอมาม.6 นี้ฝ้ายไม่ได้เป็นโฮสท์และฝ้ายก็ยังคิดถึงเจียอยู่ ยังไม่อยากให้มีใครมาแทนที่เจีย และก็คิดว่าคงมีเจียเป็นพี่สาวคนเดียวแหละ  แต่จริงๆ บ้านไหนที่ยังไม่ค่อยแน่ใจจะลองรับแบบระยะสั้นแบบ 6 สัปดาห์ดูก่อนก็ได้นะคะ 

     

      ตอนนี้รู้สึกรัก AFS มากกก ถึงแม้ว่าฝ้ายจะไม่ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แต่ฝ้ายก็รู้สึกดีใจและขอบคุณอาจาร์ย์ AFS ที่จับคู่เจียกับครอบครัวฝ้าย ขอบคุณAFS ที่ทำให้ฝ้ายได้รู้จักพี่สาวที่ดีมากกกที่สุดอย่างเจีย ♥♥ ..รู้สึกพิมพ์ยาวไปหน่อย แต่เหมือนเป็นการได้ระบายความคิดถึงที่มีมาตลอด เพราะไม่เคยพูดหรือพิมพ์สิ่งที่อยู่ในใจได้ยาวอย่างนี้มาก่อนเลย ถ้าใครสนใจที่จะเป็นโฮสท์แฟมิลี่ ปรึกษา สอบถามฝ้ายได้นะคะ ยินดีเสมอค่ะ Line: phanthikaจุดที..
       


       
มีใครอ่านแล้วรู้สึกหลงรักน้องเจียมั้ยคะเนี่ย พี่เป้ อ่านแล้วประทับใจกับหลายๆ สิ่งที่เจียสอนฝ้ายมากๆ รู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องแท้ๆ กันเลยทีเดียว ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันเพื่อนๆ แบบนี้บ้าง ก็ส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เดี๋ยวนำมาลงให้แน่นอนจ้า



พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Namob_SONE Member 26 ส.ค. 57 17:23 น. 2

ดีนะที่ไม่ได้อยู่ร.ร.ประจำจังหวัด แบบแทบจะไม่เปิดโอกาสให้คนฐานะปานกลางเลย ส่วนใหญ่ก็ฐานะรวยแล้วก็คนเดิมๆอ่ะ จากที่สังเกตดูอ่ะนะ เสียใจ

1
Oransj977 Member 26 ส.ค. 57 18:40 น. 2-1
ไม่นะคะ AFSเป็นอะไรที่เปิดโอกาสมาก เขาไม่ได้ดูที่ฐานะนะ บ้านเราไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยเลย จากที่เรารู้จักครอบครัวฐานะปานกลางก็มีเยอะนะคะ อีกอย่างเราเป็นโฮสต์ครั้งแรกด้วย อยากเป็นก็ติดต่อไปเลย ตัวเองอาจจะรู้จักแต่กับคนที่เป็นหลายปีรึปล่าว โรงเรียนที่เราเรียนเป็นโรงเรียนประจำอำเภอค่า
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด