7 เรื่องน่าตกใจจากโศกนาฏกรรมเรือไททานิก

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com  พี่พิซซ่า คิดว่าน้องๆ คงได้ยินเรื่องราวของเรือ Titanic มาบ้างแล้ว น่าจะเคยชมภาพยนตร์กันมาแล้วด้วย แต่วันนี้พี่มีข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมครั้งนั้นค่ะ ถือเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตทั้งหมดในวันนั้นด้วย





1. คืนนั้นอากาศดีมาก


     เวลาพูดถึงเรือล่ม คนส่วนมากก็ต้องคิดถึงสภาพอากาศที่เลวร้าย ยิ่งเป็นเรือใหญ่ที่สุดของยุคนั้นด้วย ทะเลน่าจะมีคลื่นสูงหรือพายุพัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงถึงทำให้เรือจมได้ แต่ถ้าใครชมภาพยนตร์แล้วก็จะเห็นว่าเหตุการณ์ในวันนั้นไม่มีสภาพอากาศแปรปรวนเลย ลมสงบ ทะเลเรียบเป็นกระจก ไม่มีคลื่นเลย ทั้งที่ดูเหมือนเป็นสภาพอากาศที่น่าจะเหมาะแก่การเดินเรือ แต่จริงๆ ความเงียบสงบนี้อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไททานิกชนภูเขาน้ำแข็งก็เป็นได้

     นักอุตุนิยมวิทยา Edward Lawrence ตีพิมพ์ผลงานวิจัยไว้ว่า ถ้าในคืนนั้นมีคลื่นลมซักนิด ก็จะพัดแพลงตอนชนิดหนึ่งไปชนภูเขาน้ำแข็งได้ ซึ่งแพลงตอนนี้จะเรืองแสงหากไปชนกับอะไรเข้า และคงจะทำให้มองเห็นภูเขาน้ำแข็งได้ล่วงหน้านานกว่านี้ ไม่ใช่เห็นทันเพียงแค่ 1 นาทีก่อนจะชน



2. ภาพลวงตา


     ในคืนเกิดเหตุนั้น กัปตันเรือลำอื่นๆ แจ้งเรื่องการมองเห็นภาพลวงตาเข้ามามากมาย เพราะคืนนั้นมีชั้นอากาศอุณหภูมิต่ำพัดอยู่ใต้ชั้นอากาศอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดการหักเหของแสงที่สามารถเล่นตลกกับการมองเห็นของคน จนทำให้เห็นภาพลวงตาบิดเบือนไปจากความจริง ซึ่งอาจทำให้มองไม่เห็นภูเขาน้ำแข็งจนสายเกินไป นอกจากนี้อาจส่งผลให้กัปตันเรือ Californian เข้าใจผิดว่าสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ไททานิกจุดนั้น เป็นพลุไฟเฉลิมฉลองทั่วไป จึงไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือไททานิกตั้งแต่แรก

     นักประวัติศาสตร์ Tim Maltin เป็นผู้ค้นพบเรื่องภาพลวงตาในคืนนั้นโดยสืบค้นจากข้อมูลการแจ้งเรื่องภาพลวงตาของเรือหลายลำในคืนเดียวกันนั้นเอง การค้นพบของเขาเกิดขึ้นในปี 2012



3. เกิดไฟไหม้ภายในเรือตั้งแต่ออกเดินทาง


     การสืบสวนของอังกฤษรายงานว่าเกิดเพลิงไหม้ในห้องเก็บถ่านหินตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง และไฟยังคงไหม้อยู่ตลอดจนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรม จากคำให้การของ J. Dilley หนึ่งในคนคุมเตาที่รอดชีวิตมา เขาบอกว่าพวกคนคุมเตาตกลงกันว่ารอให้ผู้โดยสารลงที่นิวยอร์คให้หมดก่อน แล้วค่อยเรียกเรือดับเพลิงให้มาดับไฟในห้องเก็บถ่านหินนี้ แต่เมื่อเรือชนภูเขาน้ำแข็งและน้ำทะเลไหลทะลักเข้ามาและดับไฟนี้

     แม้ไฟจะไหม้อยู่ในขณะเดินทาง และห้องเก็บถ่านหินก็ออกแบบมาให้กันไฟไม่ให้ลุกลามได้ แต่ผู้จัดการของ White Star Line บอกว่ามันทำให้เกิดความเสี่ยงได้เช่นกัน เพราะ J.P.Morgan เจ้าของเรือไททานิกสั่งให้เดินเรือเต็มกำลังเพื่อให้ถึงนิวยอร์คเร็วๆ และจะได้ดับไฟเร็วขึ้น และการแล่นเรือด้วยความเร็วเต็มที่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หลบภูเขาน้ำแข็งไม่ทัน และเกิดความเสียหายรุนแรงขึ้นหลังพุ่งชน



4. นิยายพยากรณ์ของ William Thomas Stead


     William T. Stead เป็นนักข่าวและนักเขียนชื่อดังคนหนึ่งในยุคนั้น ในปี 1886 เขาตีพิมพ์บทความเรื่องหนึ่ง เล่าถึงเรือไปรษณีย์ที่ชนกับเรืออีกลำจนล่ม แต่เรือช่วยชีวิตกลับไม่เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพราะระเบียบการเดินเรือในยุคนั้นยังไม่มีข้อกำหนดให้ต้องมีเรือช่วยชีวิตเพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร และเขาคิดว่าควรต้องชี้เรื่องนี้ให้ทางการเห็น

     ต่อมาในปี 1892 เขาก็เขียนนิยายอีกเรื่องในธีมเรื่องเดิม โดยเปลี่ยนเป็นเรือชื่อ Majestic ของบริษัท White Star Line ที่กำลังข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกพร้อมนักท่องเที่ยวเต็มลำจากนั้นก็ช่วยชีวิตผู้โดยสารจากเรืออีกลำที่ชนภูเขาน้ำแข็ง

     20 ปีหลังจากตีพิมพ์เรื่องนั้น วิลเลี่ยมก็โดยสารเรือไททานิก และเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้น ทั้งนี้วิลเลี่ยมเชื่อมาโดยตลอดว่าตัวเองต้องเสียชีวิตจากการจมน้ำหรือถูกแขวนคอ



5. กัปตันเคยสอบตกวิชาการเดินเรือ


     หลายคนคงคุ้นกับภาพของกัปตัน Edward John Smith ภาพนี้ เขาดูเป็นกัปตันที่กล้าหาญ ไม่หนีเอาตัวรอดแต่จมไปพร้อมกับเรือ แถมก่อนจมหายไปหลายคนยังบอกว่าเห็นเขาช่วยชีวิตเด็กไว้ได้ด้วย แต่จริงๆ แล้วกัปตันก็เป็นหนึ่งในความประมาทที่ทำให้เรือเจอกับหายนะ กัปตันไม่สนใจคำเตือนเรื่องภูเขาน้ำแข็งที่ได้รับมามากมาย แถมยังไม่ขับเรือด้วยความเร็วที่เหมาะสม (แม้อาจจะเพราะคำสั่งของเจ้าของเรือที่ให้ขับเร็วเกิน) แถมกัปตันยังปล่อยเรือช่วยชีวิตออกไปทั้งที่ยังให้คนนั่งได้อีกตั้งครึ่งนึง BBC ตีพิมพ์ว่าเรือช่วยชีวิตลำแรกที่ถูกปล่อยออกไปมีคนนั่งเพียง 27 คน ทั้งที่สามารถนั่งได้ถึง 65 คน นอกจากนี้กัปตันยังออกคำสั่ง "สละเรือ" ได้ช้าเกินไป จนผู้โดยสารหลายคนไม่มีแม้แต่โอกาสจะเตรียมตัวหนี

     ในปี 2012 Telegraph รายงานว่ากัปตันเอ็ดเวิร์ดสอบตกวิชาการเดินเรือในครั้งแรก แต่ก็สอบซ่อมจนผ่านในที่สุด แม้จะผ่านจนได้ แต่หลายคนก็มองว่านี่อาจเป็นลางไม่ดี



6. มีผู้โดยสารชาวญี่ปุ่นเพียงคนเดียวบนเรือ

 

     Masabumi Hosono คือคนญี่ปุ่นเพียงคนเดียวบนเรือไททานิก มาซาบุมิมาศึกษาเรื่องระบบขนส่งทางรางในยุโรปก่อนที่จะโดยสารเรือไททานิกเพื่อเริ่มต้นการเดินทางกลับบ้าน เมื่อเรือเริ่มจมเขาก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือสำเร็จ และพร้อมรับการตายเพราะต้องให้เด็กและผู้หญิงขึ้นเรือช่วยชีวิตก่อน แต่จู่ๆ ลูกเรือก็บอกว่ามีที่ว่าง 2 ที่บนเรือ มาซาบุมิเห็นผู้ชายคนหนึ่งกระโดดลงไปก่อน เขาจึงตามลงไป

     แต่เมื่อกลับไปถึงญี่ปุ่น ทุกคนตราหน้าเขาว่าเป็นคนขี้ขลาดที่แย่งที่จากเด็กและผู้หญิงจนรอดชีวิต แทนที่จะยอมตายแบบแมนๆ เขาถูกขับไล่ออกจากชุมชน และถูกไล่ออกจากงานราชการ แถมตอนนั้นยังมีข่าวเกี่ยวกับชายเอเชียคนหนึ่งในเรือช่วยชีวิตหมายเลข 13 ที่เห็นแก่ตัวมากๆ เมื่อทุกคนเห็นข่าวนี้ก็สรุปทันทีว่าเป็นมาซาบุมิแหงๆ

     จนกระทั่งในปี 1997 จดหมายที่มาซาบุมิเขียนถึงภรรยาถูกค้นพบพร้อมข้ามของส่วนตัวอื่นๆ ของเขา ในนั้นระบุว่าเขาได้ขึ้นเรือช่วยชีวิตหมายเลข 10 นั่นแปลว่ามาซาบุมิไม่ใช่คนในข่าว



7. สร้อยคอในตำนานไททานิก


     ใครที่ได้ชมภาพยนตร์คงจำเรื่องสร้อยคอ "หัวใจแห่งมหาสมุทร" หรือ "Heart of the Ocean" กันได้ที่เป็นสร้อยคอเลอค่าของโรส แม้แจ๊คกับโรสจะเป็นตัวละครสมมติที่ทำให้เรื่องมีสีสันมากขึ้น แต่ในเหตุการณ์จริงก็มีเรื่องคล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นค่ะ โดยเป็นเรื่องราวความรักระหว่าง Henry Morley เจ้าของร้านขนมวัย 40 ปีกับ Kate Florence Philips ผู้ช่วยสาววัย 19 ปี เฮนรี่ได้ให้สร้อยคอแซฟไฟร์แสนสวยเส้นหนึ่งแก่เคท

     การเดินทางครั้งนี้เป็นการวางแผนของทั้งคู่ที่จะหนีไปเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกันในแคลิฟอร์เนีย หลังเรือชนภูเขาน้ำแข็ง เคทได้ขึ้นเรือช่วยชีวิตลำสุดท้าย แต่เฮนรี่จมไปกับเรือ หลังจากนั้น 9 เดือน เคทก็ให้กำเนิดลูกสาวชื่อเอลเลน เรื่องราวของเธอเป็นที่รู้จักเมื่อเธอไปติดต่อสำนักข่าวที่รวมรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นั้นไว้เพื่อขอดูภาพพ่อของเธอ เอลเลนวัย 76 ปีในตอนนั้นจึงเล่าเรื่องพ่อกับแม่ของเธอให้สำนักข่าวฟัง พร้อมทั้งบอกด้วยว่าเธอยังเก็บสร้อยคอของแม่ และกุญแจห้องพักของพ่อแม่บนเรือไว้อยู่ด้วย



แต่ละเรื่องน่าทึ่งมากๆ เลย ส่วนตอนนี้พี่พิซซ่าขอตัวไปชมภาพยนตร์อีกซักรอบดีกว่า


 


 


ข้อมูล
listverse.com, www.bbc.com, www.smithsonianmag.com
en.wikipedia.org, www.theguardian.com
www.independent.co.uk, www.telegraph.co.uk
blogs.scientificamerican.com, www.worcesternews.co.uk
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

poppoka Member 8 เม.ย. 58 18:30 น. 4

เคทได้ขึ้นเรือลำสุดท้ายแต่เฮนรี่จมไปกับเรือ เศร้าอ่ะคือทั้งคู่วางแผนจะใช้ชีวิตด้วยกันแต่อีกคนจากไปซะก่อนคงเศร้าน่าดู แต่เคทก็เลี้ยงดูเอลเลนลูกสาวของเธอกับเฮนรี่ เคทเข้มแข็งจริงๆที่เลี้ยงลูกมาคนเดียว

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
★ มิส. มั่วตั้ววววว Member 23 เม.ย. 58 14:29 น. 17

เคยอ่านเจอเเวบๆในหนังสือว่ามีคนเอาซากมัมมี่ที่ต้องคำสาป ขึ้นไปบนเรือไททานิคด้วยรึเปล่า -w- ;;

2
กำลังโหลด
Kwann 26 ธ.ค. 58 00:59 น. 32
ขอแย้งเรื่องเรือชูชีพไม่เพียงพอค่ะ .. เพราะว่าเราเคยดูสารคดีฝรั่ง ที่มีการทำการพิสูทธิ์ข้อเท็จจริงของเรือไททานิคว่าทำไมเรือถึงจม จากสาเหตุต่างๆ เช่นเรือถูกออกแบบไม่ดีพอหรือเปล่า? หรือเพร่ะเรือชูชีพไท่เพียงพอจริงเหรือเปล่า? .. ผลการพิสูทธิออกมาว่า เรือไททานิคเป็นเรือช่วยชีวิต เพราะมีเรือชูชีพที่"มากพอจำนวนคน"ด้วยซ้ำ แต่ที่มีคนเสียชีวตเป็นเพร่ะว่า ลงเรือไม่ทัน ซึ่งก็เป็นสาเหตุหลักๆของอุบัติเหตุเรือล่มเพราะไม่มีเวลาเตรียมตัว .. ส่วนเรืองโครงสร้างเรือไม่มีแระสิทธิภาพนั้นก็ไม่จริง เพร่ะไททานิคมีโครงสร้างถึงสองชั้น แต่ที่กาบซ้ายเรือทะลุเป็นเพราะว่า ไม่ทีสิ่งก่อสร้างอะไรสามารถทนต่อแรงชนมหาศาลจากภูเขาน้ำเเข็งได้ ... ส่วนที่ได้รับฉายาว่าเรือช่วยชีวิตนั้น เป็นเพร่ะว่า เรือไททานิคเป็น"เรือลำเดียว"ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถลอยตัวตั้งตรงได้ถึง 2ชั่วโมง ซึ่งหากเป็นเรือลำอื่นๆหรือแม้แต่เรือในยุคปัจจุบันก็ยากมากที่จะสามารถล่มทั้งๆที่ตั้งตรงได้อย่างไททานิค ซึ่งทำให้สามารถช่วยผู้โดยสารออกไปได้มากกว่าเรืออื่นๆ ค่ะ .. #อันนี้เราดูจากสารคดีของฝรั่งจริงๆเพราะว่าในหนังก็เป็นหนังอ่านะหลายคนที่ดูก็อาจจะคิดว่าเป็นตามนั้นจริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยอยากจะนำเสนอข้อมูลต่างให้รับรู้กันค่ะขอบคุณค่ะ
2
แฟนพันธุ์แท้ 28 ม.ค. 59 16:08 น. 32-1
สารคดีอันนั้นผมก็ดูนะ เรื่องจำนวนเรือชูชีพไม่พอเป็นเรื่องที่ถูกแล้วครับ ไททานิกมีเรือบด 20 ลำ โดย 14 ลำเป็นเรือไว้จุคนสละเรือโดยเฉพาะ 2 ลำเป็นเรือเร็วใช้ยามฉุกเฉินเร่งรีบ 4 ลำเป็นเรือผ้าใบ จุคนรวมกันได้ 1178 คน แต่คนบนเรือมีกว่า 2200 คนบนเรือ ส่วนคำกล่าวว่าไททานิกเป็นเรือช่วยชีวิตเป็นเพียงคำเปรียบเทียบเหมือนฉายาเรือ "เรือไม่มีวันจม" "พระเจ้าก็จมลงไม่ได้" "เรือแห่งความฝัน" หรือ "พระราชวังลอยน้ำ" เพราะยุคนั้นการสละเรือคือการ วิทยุเรียกเรือลำใกล้เคียงมา แล้วให้ผู้โดยสารทยอยลงเรือบด เทียวไปเทียวมาเพื่อส่งผู้โดยสารยังเรือที่มาช่วย (ดังนั้นจึงคิดว่าไม่จำต้องมีที่นั่งในเรือบดครบทุกคนไงครับ) เนื่องจากเชื่อว่าไททานิกไม่มีวันจม คนจึงพากันคิดว่าไททานิกสามารถเป็นเรือที่ไปช่วยลำเรืออื่นๆ เขาน่ะครับ ภายหลังการอับปาง ได้มีการคำนวณจำนวนเรือบดที่เพียงพอ สำหรับไททานิกนั้น จำต้องมีเรือบดถึง 64 ลำ (ไททานิกจุคนได้มากสุดกว่า 3500 คน) ถ้าไปค้นรูปถ่ายเรือ Olympic ลำพี่สาวในปี 1911-1912 ก็มีเรือชูชีพ 20 ลำเท่ากับไททานิก หลังจากนั้น 1 ปี ดาดฟ้าโอลิมปิก ก็เต็มเอี๊ยดไปด้วยเรือบดตลอดแนว เช่นเดียวกับเรือเดินสมุทรทุกลำ ทั้ง ลูซิตาเนีย มัวรีตาเนีย ควีนแมรี่ เรือทุกลำล้วนถูกออกแบบให้มีเรือบดพอกับความจุคนบนเรือสูงสุดตามข้อกำหนดของ SOLAS ทั้งนั้นครับ รวมทั้งให้มีการซักซ้อมอพยพลงเรือบดทุกครั้งที่มีการออกเดินทาง เพราะไททานิกยกเลิกการซ้กซ้อมครับ เวลาเกิดเหตุการณ์จริงจึงควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เพิ่มเติมนะครับยังมีเรืออีกลำคือ Britannic ใช้แปลนเดียวกับไททานิกเลยครับ แถมมีการดัดแปลงภายในให้ปลอดภัยกว่า เรือลำนี้ก็อับปางลงเช่นกัน แล้วก็จมลงในลักษณะตะแคงจมในภายในเวลา 50 นาทีเศษเท่านั้น การที่เรือจมลงลักษณะที่ตั้งตรงได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความเสียหายของท้องเรือที่ได้รับด้วยครับ ถ้าไททานิกโดยทุ่นระเบิดหรือตอปิโดเช่นเดียวกับบริแทนนิกหรือลูซิตาเนียก็ต้องตะแคงจมเช่นเดียวกัน ถ้าพูดถึงความแข็งแรงของเรือยอมรับว่าเรือแข็งแรงจริงครับ ในช่วงสงครามโลกครั้งแรก เรือโอลิมปิก ลำพี่สาวไททานิกสามารถหลบตอร์ปิโดจู่โจมแล้วพุ่งแฉลบจมเรือดำน้ำศัตรูได้ เป็นอะไรที่สุดยอดมาก
0
กำลังโหลด

34 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
poppoka Member 8 เม.ย. 58 18:30 น. 4

เคทได้ขึ้นเรือลำสุดท้ายแต่เฮนรี่จมไปกับเรือ เศร้าอ่ะคือทั้งคู่วางแผนจะใช้ชีวิตด้วยกันแต่อีกคนจากไปซะก่อนคงเศร้าน่าดู แต่เคทก็เลี้ยงดูเอลเลนลูกสาวของเธอกับเฮนรี่ เคทเข้มแข็งจริงๆที่เลี้ยงลูกมาคนเดียว

0
กำลังโหลด
นวัชกร ทับชา 8 เม.ย. 58 19:48 น. 5
แม้ว่ากัปตันสมิธจะสอบตก แต่ในเหตุการณ์นั้น กัปตันสมิธไม่อยู่ มีแต่ลูกเรือที่ห้องบังคับ ยามที่เสากระโดงเรือได้ลั่นระฆัง เตือนว่า พบภูเขานำ้แข็งอยู่ตรงหน้า ลูกเรือจึงสั่งการให้เลี้ยวเต็มตัว แต่มันก็สายไปแล้วเพราะหางเสืออันนิด เมื่อเทียบกับขนาดของเรือแล้ว ทำให้เลี้ยวเรือได้ช้า
0
กำลังโหลด
ในแง่หนึ่ง 9 เม.ย. 58 18:06 น. 6
ข้อหกในความเป็นจริงนะคะ จะมีซะกี่คนที่ไม่กลัวตายค่ะ แบบเรื่อเหลืออยู่สองที่นั่ง คุณให้คนอื่นนั่งหรอ คุณไม่กลัวตัวเองตายหรอ ณ เวลานั้นคง้องเห็นแก่ตัวจริงๆแล้วล่ะค่ะ เขาเป็นคนญี่ปุ่นคนเดียวด้วย เขาคงอยากอยู่กับครอบครัวเขาอยู่ มีไม่กี่คนหรอกค่ะที่จะเสียสละ..
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
theerapat 15 เม.ย. 58 09:38 น. 12
เเจ็ค กับ โรส ไม่มีตัวตนจริงครับ นี้เป็นเรื่องจริง เเจ็คกะโรสเป็นตัวละครที่สร้างมาเองครับเยี่ยม
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
★ มิส. มั่วตั้ววววว Member 23 เม.ย. 58 14:29 น. 17

เคยอ่านเจอเเวบๆในหนังสือว่ามีคนเอาซากมัมมี่ที่ต้องคำสาป ขึ้นไปบนเรือไททานิคด้วยรึเปล่า -w- ;;

2
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด