แม้เหตุการณ์จะเกิดตั้งแต่ปี 2010 แต่ที่เรื่องเพิ่งถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งในตอนนี้ก็เพราะรุ่นน้องในโรงเรียนของเธอเพิ่งเขียนเล่าที่มาที่ไปของเธอและสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุอันเศร้าสลดนี้ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลองมาย้อนดูกันว่าเพราะเหตุใด Jennifer Pan หญิงสาวที่ดูสมบูรณ์แบบจากแคนาดารายนี้ถึงได้อยากฆ่าพ่อแม่ของเธอ
เหตุเกิดเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน
คืนวันที่ 8 พฤศจิกายน 2010 พ่อของเจนนิเฟอร์ขึ้นนอนและแม่ของเธอนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น เจนนิเฟอร์ลงมาบอกราตรีสวัสดิ์แม่และขึ้นนอน ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชาย 3 คนบุกเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน ชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อหน้าแม่ของเธอ คนหนึ่งขึ้นไปไล่พ่อของเจนนิเฟอร์ให้ลงมาที่ห้องนั่งเล่น ส่วนอีกคนขึ้นไปมัดมือเจนนิเฟอร์ ก่อนจะขโมยเงินสดที่ซ่อนไว้ในห้องลงมา
คนร้าย 2 คนลากพ่อแม่ของเจนนิเฟอร์ลงมาที่ห้องใต้ดินและเอาผ้าห่มคลุมศีรษะทั้งคู่เอาไว้ พวกนั้นยิงพ่อของเธอ 2 นัด นัดหนึ่งเข้าที่ไหล่อีกนัดเข้าที่หน้า จากนั้นก็ยิงแม่เธอที่ศีรษะ 3 ครั้ง แม่ของเธอเสียชีวิตในทันที จากนั้นคนร้ายก็วิ่งหนีออกไปทางประตูหน้าบ้าน
เจนนิเฟอร์ที่ตอนนั้นถูกจับมัดมือไพล่หลังไว้สามารถหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร 911 ได้ในที่สุด เจนนิเฟอร์พูดว่า "ช่วยด้วย ได้โปรด ฉันต้องการความช่วยเหลือ ฉันไม่รู้ว่าพ่อแม่อยู่ที่ไหน รีบมาเร็วๆ ด้วย" แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อพ่อของเธอครางขึ้นมา เขายังมีสติอยู่และคลานขึ้นบันไดมาถึงชั้นหนึ่งได้ เจนนิเฟอร์ตะโกนลงไปว่าเธอโทรแจ้งตำรวจแล้ว พ่อของเธอรีบวิ่งออกไปนอกบ้านทั้งที่เลือดโชก เพื่อนข้างบ้านที่กำลังจะออกไปทำงานเห็นเข้าพอดีจึงโทรแจ้งตำรวจ ในที่สุดพ่อของเธอก็ได้รับการรักษา
และนั่นก็คือสิ่งที่เจนนิเฟอร์ให้ปากคำกับตำรวจในครั้งแรก...
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2010
พ่อของเจนนิเฟอร์ฟื้นจากอาการโคม่า กระดูกหลายชิ้นบนใบหน้าหัก กระสุนถากหลอดเลือดสมองคาโรติดไป และชิ้นส่วนกระสุนยังฝังอยู่ในหน้าโดยผ่าตัดออกมาไม่ได้ แต่เขากลับจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งสิ่งที่เขาจำได้รวมไปถึงตอนที่เขาเห็นลูกสาวคุยกับคนร้ายอย่างสนิทสนมและมือของเธอไม่ได้ถูกมัดเลย ตอนนั้นตำรวจกำลังสงสัยอยู่พอดีว่าทำไมคนร้ายที่บุกมาปล้นไม่ยอมขโมยรถไปด้วย และทำไมจึงไม่ทำร้ายเหยื่อให้ครบทั้ง 3 คน ตำรวจจึงเฝ้าติดตามเจนนิเฟอร์ก่อนจะเรียกตัวเธอเข้ามาสอบสวนในที่สุด
หลังการสืบสวนสอบสวนและการขึ้นศาลอีกหลายครั้ง เจนนิเฟอร์, คนร้ายทั้ง 3 และอดีตแฟนหนุ่มของเธอที่ร่วมวางแผนและแนะนำให้เธอรู้จักกับพวกคนร้ายก็ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 2 รอบ ในข้อหาเจตนาฆ่า พยายามฆ่า และวางแผนฆ่า
เพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายคนของเจนนิเฟอร์บอกว่าเธอเป็นคนนิสัยดี เรียนเก่งและเข้าได้กับทุกคน หลายคนจึงแปลกใจตอนที่รู้ว่าเจนนิเฟอร์ถูกจับ ทีนี้เราลองมาย้อนดูกันว่าอะไรเป็นตัวจุดชนวนให้เจนนิเฟอร์ทำแบบนั้น จากบทความเรื่อง Jennifer Pan’s Revenge: the inside story of a golden child, the killers she hired, and the parents she wanted dead โดย Karen K. Ho ที่เผยแพร่ใน Toronto Life
ชีวิตในวัยเด็ก
พ่อกับแม่ของเจนนิเฟอร์อพยพมาจากเวียดนามหลังประเทศมีปัญหาด้านการเมือง ทั้งคู่มาพบรักกันที่โทรอนโตก่อนจะลงหลักปักฐานกันที่สการ์โบโร หลังจากนั้นก็มีลูก 2 คนคือเจนนิเฟอร์ (เกิดปี 1986) และเฟลิกซ์ (เกิดปี 1989) พวกเขาทำงานหนักที่โรงงานรถยนต์จนในที่สุดก็มีเงินเก็บพอซื้อบ้านหลังใหญ่พร้อมรถอีก 2 คันคือเบนซ์และเล็กซัส
พวกเขาคาดหวังในตัวลูกๆ ทั้ง 2 คนไว้สูง มีกฎระเบียบที่เคร่งครัด จะทำอะไรต้องขออนุญาตก่อน เจนนิเฟอร์ต้องเรียนเปียโนตั้งแต่ 4 ขวบ พอเข้าโรงเรียนประถมก็ต้องเล่นไอซ์สเก็ตลีลา บางคืนเธอต้องซ้อมสเก็ตถึงสี่ทุ่มก่อนจะกลับมาทำการบ้านและเข้านอนตอนเที่ยงคืน เจนนิเฟอร์รู้สึกกดดันมากจนเริ่มกรีดข้อมือตัวเอง
เจนนิเฟอร์สูง 170 เซนติเมตรซึ่งถือว่าสูงกว่าเด็กเอเชียคนอื่นๆ มาก หน้าตาน่ารักธรรมดา ไม่แต่งหน้า ไม่ทำผมและใส่แว่นธรรมดาๆ แต่เธอก็เข้าสังคมเก่ง คุยได้กับทุกคน และมักจะหัวเราะเฮฮาอยู่เสมอ ซึ่งคาเรนผู้เขียนเรื่องนี้เพิ่งค้นพบในภายหลังว่า ความอารมณ์ดีและดูมั่นใจในตัวเองของเจนนิเฟอร์นั้นเป็นเพียงสิ่งอำพรางความรู้สึกไม่เพียงพอ ความไม่มั่นใจในตัวเอง และความอับอาย
พ่อของเธอเข้มงวดมากส่วนแม่ก็ขัดพ่อไม่ได้ พวกเขาไปรับส่งเจนนิเฟอร์ถึงโรงเรียน ไปเฝ้าเวลาเธอทำกิจกรรม ห้ามเธอไปเที่ยวหรือปาร์ตี้ และห้ามมีแฟนจนกว่าจะจบมหาวิทยาลัย ถ้าวันไหนต้องไปนอนค้างบ้านเพื่อน พ่อแม่ก็จะขับรถไปส่งเธอตอนดึกๆ และมารับตั้งแต่เช้ามืด เพื่อนของเจนนิเฟอร์บอกว่าพ่อแม่เธอเผด็จการมาก
เริ่มต้นโกหกพ่อแม่
เจนนิเฟอร์เป็นนักเรียนระดับท็อปมาตลอดในโรงเรียนประถม แต่พอจะขึ้นเกรด 9 เธอก็ได้คะแนนประมาณ 70% ในแทบทุกวิชายกเว้นวิชาดนตรี เธอจึงสร้างใบเกรดปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกพ่อแม่ว่าเธอได้ A ทุกวิชาเหมือนเดิม โดยใช้แค่ใบเกรดปีก่อนๆ กาว กรรไกร และเครื่องถ่ายเอกสาร เธอบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอกเพราะมหาวิทยาลัยไม่ดูเกรดสมัยเกรด 9 และ 10 อยู่แล้วตอนแอดมิชชั่น
เจนนิเฟอร์เจอกับแดเนียล หว่อง ตอนอยู่เกรด 11 เพราะอยู่วงดนตรีโรงเรียนเหมือนกัน เขาเป็นรุ่นพี่เธอปีนึง แต่ทั้งคู่เริ่มคบกันหลังวงดนตรีของโรงเรียนเดินทางไปยุโรป หลังจากที่เจนนิเฟอร์หายใจไม่ออกเพราะควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบกันในฮอลล์ แล้วแดเนียลมาช่วยเธอเอาไว้ ทั้งคู่จึงคบหากัน
พ่อแม่ของเจนนิเฟอร์ยังเชื่อว่าลูกสาวเป็นนักเรียนเกรด A อยู่ ทั้งที่จริงๆ ตอนนั้นเธอได้ B เป็นส่วนใหญ่ เจนนิเฟอร์จึงทำใบเกรดปลอมต่อไปเรื่อยๆ เธอได้รับข้อเสนอจาก Ryerson University ให้เข้าเรียนต่อได้ทันทีที่จบมัธยมปลาย แต่เธอดันสอบตกวิชาแคลคูลัสในปีสุดท้าย เธอจึงเรียนไม่จบม.ปลายและมหาวิทยาลัยก็ยกเลิกข้อเสนอนั้น
เจนนิเฟอร์โกหกพ่อแม่ว่าเธอจะเข้าเรียนที่ Ryerson เทอมหน้า และจะเรียนวิทยาศาสตร์ที่นั่น 2 ปีก่อนย้ายไปเรียนเภสัชฯ ที่ University of Toronto ในปีที่ 3 อย่างที่พ่อเธอหวังไว้ พ่อดีใจมากและซื้อแล็ปท็อปให้เธอ เจนนิเฟอร์ซื้อหนังสือเรียนและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ มาเตรียมไว้ เธอแกล้งทำเหมือนไปปฐมนิเทศมา และยังทำเอกสารปลอมว่าเธอได้เงินกู้และได้ทุน 3,000 เหรียญสำหรับมาเป็นค่าเทอมแล้ว
การโกหกที่ยังดำเนินต่อไป
เมื่อถึงช่วงเปิดเทอม เธอก็จะขนตำราเรียนต่างๆ และนั่งรถเข้าเมือง ทำเหมือนว่าไปเรียนแต่จริงๆ แล้วเธอไปห้องสมุดเพื่อเปิดเว็บไซต์ดูเนื้อหาวิทยาศาสตร์และจดลงหนังสือเรียน ว่างๆ เธอก็ไปหาแดเนียลที่ York University ที่เขาเรียนอยู่ เธอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ครูสอนเปียโน และไปทำงานที่ร้านพิซซ่าร้านเดียวกับที่แดเนียลทำงานพิเศษอยู่ นอกจากจะโกหกพ่อแม่แล้ว เจนนิเฟอร์ยังโกหกเพื่อนๆ ด้วยว่าพ่อเธอจ้างนักสืบมาสะกดรอยตามเธอ
หลังเจนนิเฟอร์ทำเป็นเรียนที่ Ryerson ได้ 2 ปี พ่อของเธอก็ถามถึงแผนการย้ายไปเรียนเภสัชฯ เธอก็บอกว่าทางมหาวิทยาลัยตอบรับเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว และเธอขอย้ายไปนอนกับเพื่อนที่ชื่อโทแพซสัปดาห์ละ 3 วัน แม่เห็นว่าเธอเดินทางไกลและลำบากจึงกล่อมให้พ่ออนุญาต แต่อันที่จริงเจนนิเฟอร์ไปนอนบ้านแดเนียล เธอโกหกพ่อแม่แดเนียลว่าพ่อแม่เธออนุญาตแล้ว
ผ่านไปอีก 2 ปีก็ได้เวลาเรียนจบจาก University of Toronto เจนนิเฟอร์และแดเนียลจ้างคนทำทรานสคริปต์ปลอมให้ได้ A ทุกวิชา ส่วนเรื่องพิธีจบการศึกษานั้น เธอบอกพ่อแม่ว่ามหาวิทยาลัยอนุญาตให้พาแขกไปได้คนเดียว และเธอไม่อยากให้คนใดคนหนึ่งเสียใจเลยให้เพื่อนไปแทน
เจนนิเฟอร์และเฟลิกซ์ขณะทำพิธีศพให้แม่ ตอนนั้นตำรวจกำลังสงสัยเจนนิเฟอร์อยู่ (SING TAO DAILY Photo Via Yorkregion)
เมื่อถูกพ่อจับได้
เจนนิเฟอร์บอกพ่อแม่ว่าเธอเป็นอาสาสมัครห้องแล็บให้โครงการ SickKids ซึ่งต้องเข้ากะตอนกลางคืน เธอจึงขออนุญาตไปค้างบ้านโทแพซมากขึ้น แต่พ่อรู้สึกเอะใจว่าทำไมเจนนิเฟอร์ถึงไม่มีชุดยูนิฟอร์มของโครงการและไม่มีบัตรประจำตัว วันรุ่งขึ้นเขาจึงขับไปส่งเธอถึงโรงพยาบาลและให้แม่เธอตามเข้าไป เจนนิเฟอร์จึงต้องซ่อนตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งวันเพื่อไม่ให้แม่จับได้ วันถัดมาพ่อของเธอก็โทรไปถามโทแพซ โทแพซที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยมาก่อนก็ตอบไปตามจริงว่า เจนนิเฟอร์ไม่ได้มานอนบ้านเธอ
พ่อจะไล่เธอออกจากบ้าน แต่แม่ขอร้องไว้ เธอจึงถูกกักบริเวณในบ้าน เธอจะใช้มือถือและคอมพิวเตอร์ได้ต่อเมื่อพ่อแม่อยู่ด้วย พ่อห้ามเธอเจอแดเนียลอีก และสั่งให้เธอลาออกจากทุกงานยกเว้นงานสอนเปียโน แถมพ่อยังตรวจเลขไมล์บนหน้าปัดรถตลอดด้วย
ในที่สุดเธอก็กลับไปเรียนแคลคูลัสเพื่อให้จบม.ปลาย และเธอก็ใช้เวลาว่างระหว่างการสอนเปียโนเพื่อไปอยู่กับแดเนียล เมื่อพ่อแม่จับได้ว่าเธอแอบออกไปหาแดเนียลตอนกลางคืน ก็สั่งให้เธอสมัครเรียนต่อและตัดขาดกับแดเนียลซะ
เจนนิเฟอร์รักแดเนียลหัวปักหัวปำ แต่แดเนียลเริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาแปลกขึ้นเรื่อยๆ เจนนิเฟอร์อายุ 24 แล้วแต่ยังต้องแอบมาหาผู้ชาย กลัวพ่อแม่แต่ก็ไม่กล้าที่จะย้ายออกจากบ้านจริงๆ จังๆ และเธอก็ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตซะที เขาจึงขอเลิกต่อมาเขาไปคบกับผู้หญิงชื่อคริสตีน เจนนิเฟอร์จึงสร้างเรื่องบอกแดเนียลว่าเธอโดนรุมโทรม และมีคนเอากระสุนปืนใส่ซองจดหมายมาให้เธอ เธอคิดว่าต้องเป็นคริสตีนแน่ๆ ที่ไม่อยากให้เธอยุ่งกับแดเนียล
วางแผนทำร้ายบุพการีของตนเอง
ในฤดูใบไม้ผลิปี 2010 เจนนิเฟอร์เจอเพื่อนสมัยประถมชื่อแอนดรูว์ เธอเล่าให้เขาฟังเรื่องพ่อของเธอ แอนดรูว์จึงเล่าว่าเขาเองก็เคยอยากฆ่าพ่อตัวเองเหมือนกัน ได้ฟังดังนั้นเจนนิเฟอร์ก็วาดภาพว่าชีวิตจะดีแค่ไหนถ้าไม่มีพ่อ แอนดรูว์จึงแนะนำให้เจนนิเฟอร์รู้จักกับดันแคน ทั้ง 3 วางแผนจะฆ่าพ่อของเจนนิเฟอร์ในลานจอดรถบริษัท เจนนิเฟอร์ให้เงินดันแคนไป 1,500 เหรียญและตกลงกันว่าจะนัดแนะวันเวลาภายหลัง แต่ดันแคนก็เชิดเงินหายไปเลย (ในศาล ดันแคนให้การว่าเขาปฏิเสธที่จะฆ่าพ่อของเธอ)
ตอนนี้เจนนิเฟอร์กับแดเนียลกลับมาติดต่อกันอีกแล้ว พวกเขาวางแผนจะจ้างคนมาฆ่าพ่อแม่เธอ เจนนิเฟอร์จะได้มรดกประมาณ 5 แสนเหรียญและบ้าน พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แดเนียลซื้อไอโฟนและซิมอีกอันมาให้เจนนิเฟอร์ใช้สำหรับติดต่อวางแผน และยังแนะนำให้เธอรู้จักกับเลนฟอร์ด ครอว์ฟอร์ด ซึ่งคิดค่าจ้างหนึ่งหมื่นเหรียญ
เย็นวันที่ 2 พฤศจิกายน เลนฟอร์ดก็ส่งข้อความมาถามว่าจะให้ลงมือเมื่อไหร่ เจนนิเฟอร์ตอบกลับไปว่าคืนนี้ไม่ได้ จากนั้นก็มีการถามกันประมาณนี้ทุกวัน จนถึงคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน เจนนิเฟอร์ก็บอกเลนฟอร์ดให้ลงมือในคืนนั้น และนี่ก็คือที่มาของเรื่องราวทั้งหมดของ เจนนิเฟอร์ แพน...
ถ้าเรื่องนี้เป็นหนังก็ต้องขอบอกว่าน่าติดตามมาก ผู้ชมคงต้องลุ้นระทึกอยู่หลายครั้ง แต่นี่เป็นเรื่องจริงแถมยังเป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากในสังคมชาวเอเชีย-อเมริกันหรือเอเชีย-แคนาดา ที่พ่อแม่เป็นผู้อพยพเข้าประเทศและมักกดดันลูกๆ โดยคาดหวังว่าลูกๆ จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของตัวเอง แม้แต่คาเรนผู้เขียนเรื่องนี้ยังบอกว่าครอบครัวเธอก็เป็นคล้ายๆ กัน อันที่จริงหลังจากเรื่องนี้เป็นที่รู้จัก ก็มีชาวเอเชียในทวีปอเมริกามากมายออกมาเล่าเรื่องราวของตนซึ่งส่วนมากก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน (แต่ไม่มีใครเล่าว่าวางแผนฆ่าพ่อแม่ตัวเอง)
เจนนิเฟอร์อาจจะมีอาการทางประสาท หรืออาจจะเป็นคนจิตใจชั่วร้ายก็ได้ แต่ก็หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่ ว่าการบังคับและกดดันลูกมากเกินไปผลมักออกมาไม่ดี และก็ให้เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับลูกๆ ด้วยว่า เมื่อเราทำผิดพลาดและพ่อแม่ให้โอกาสครั้งที่สองกับเราแล้ว เราก็ควรจะเลือกทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่กลับไปทำผิดซ้ำอีก
100 ความคิดเห็น
สุดยอดอะ คิดได้ไง เก่งในเรื่องร้ายๆใช่มั้ย 55
รู้สึกสงสารพี่เขามากกว่าจะเกลียดนะคะ
เข้าใจดีเลยค่ะ เวลาถูกพ่อแม่คาดหวังมากๆมันรู้สึกยังไง
พูดไม่ถูกอะ จะว่าพ่อแม่ผิดก็ไม่ใช่ จะว่าลูกผิดก็ไม่รู้อะ
แต่คิดว่าเค้าน่าจะป่วยนะ
คุณเธอช่างน่ากลัว เสียนี่กระไร
ความคาดหวัง
เราคิดว่าก็ผิดกันทั้งคู่นะคะ พ่อก็กดดันลูกมากเกินไป แต่ลูกก็น่าจะไปคุยให้เป็นเรื่องเป็นราวแล้วก็คิดให้ดีกว่านี้
เราทึ่งเรื่องการปลอมใบเกรดกับเข้ามหา'ลัยมากค่ะ ร้ายกาจ...
เราว่าผิดทั้งคู่เช่นกันค่ะ กดดันมากไปแบบนั้นเราก็ไม่ชอบ แต่ยังดีนะคะที่เธอยังหางานทำน่ะ
เอเชียมันเลี้ยงลูกแบบกดดันทั้งภูมิภาครึไง
นางคงเก็บกดมากอ่ะนะ ปลดปล่อยออกมาที..โหดร้าย
จริงๆ เจนนิเฟอร์เป็นคนที่น่าสงสารมากกว่าจะมาเกลียด คือเราคิดว่า เธอเป็นคนที่น่าจะมามีชีวิตที่ดีมากกว่านี้น่ะ เข้าใจแล้วว่าคนเราถูกกดดันจะเป็นอย่างนี้
นางน่าจะเก็บกดมากไปจนทำให้จิตตัวเองไม่ปกติ...เชื่อว่าถ้าเป็นเด็กธรรมดาจะสามารถหาทางออกได้ดีกว่านี้แน่ แต่ก็ดูเกินไปนะกับแดเนียลอ่ะแถมยังร่วมมือกันทำผิดอีก ฝ่ายชายทำไมไม่ห้ามนางบ้าง
ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ล่ะค่ะ เลี้ยงลูกมากดดันเกินไป เป็นเราก็คงไม่ชอบอ่ะเนอะ
พอโกหกได้ครั้งหนึ่ง ก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ ร้ายแรงขึ้นจนรุนแรงถึงชีวิต
เราคิดว่ายังไงก็
ผิดทั้งคู่ (พ่อแม่ 60-ลูก40)
ถ้า เขาพอมีจิตใจดีมากกว่านี้ คงไม่คิดจะฆ่าพ่อเเม่ตัวเองหรอก เกลียดพ่อเเม่จนคิดฆ่า เเบบนี้ไม่มีอีกเเล้ว
คิดว่าน่าจะเป็นเพราะไม่สามารถทนแรงกดดันได้อีกรวมถึงได้รับแรงกระตุ้นจากคนรอบข้างทำให้เลือกที่จะทำแบบนั้น
หลายๆคนก็อาจจะมีความคิดแบบนั้นแต่ก็สามารถละวางลงได้ทำให้มีอารมณ์เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
ดังนั้น หากเธอละลงบ้างก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้
เมื่อก่อนเราก็โดนกดดันแบบนี้เลยยย จนทนไม่ไหว ดื้อสิคะ วันนั้นนี่ทะเลาะกะแม่หนักมาก พูดออกมาหมดเลยว่ามันกดดันบลาๆๆ ดีที่พ่อแม่เข้าใจ ตอนนี้เลยเริ่มปล่อยๆเราแล้ว5555
ใครเจอผปค.กดดันก็อย่าท้อนะคะ พูดกับท่านค่ะ คุยกันไปเลย สู้ๆนะคะ