สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ใครที่มองหาที่เรียนต่อในต่างประเทศอาจจะกำลังเจอปัญหาเรื่องค่าสมัครเรียนที่แพงเอามากๆ วันนี้ พี่พิซซ่า มีลิสต์มหาวิทยาลัยที่ค่าสมัครเข้าเรียนแพงที่สุดในอเมริกามาฝากค่ะ บอกเลยว่ามีแต่มหาวิทยาลัยในฝันทั้งนั้น
การสมัครเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ทางสถานศึกษาจะเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครหรือไม่ก็ได้ บางแห่งก็เก็บ บางแห่งก็ไม่เก็บ บางแห่งเก็บไม่เท่ากันในแต่ละหลักสูตรที่สมัคร และบางแห่งก็เก็บค่าธรรมเนียมการสมัครไม่เท่ากันระหว่างเด็กอเมริกันและเด็กต่างชาติ ดังนั้นต้องตรวจสอบกับเว็บไซต์มหาวิทยาลัยที่สนใจเองนะคะว่าเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครเท่าไหร่
จากผลสำรวจของสื่ออเมริกันชื่อดังอย่าง U.S. News พบว่าค่าเฉลี่ยของค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในปี 2015 อยู่ที่ $41 หรือประมาณ 1,670 บาท ส่วนค่าธรรมเนียมที่เจอได้มากที่สุดคือ $50 หรือประมาณ 1,790 บาทค่ะ แต่รายชื่อมหาวิทยาลัยต่อไปนี้ที่จะนำมาให้ดูคือมหาวิทยาลัยที่เก็บค่าธรรมเนียมการสมัครสูงที่สุดในอเมริกา มาดูกันว่ามหาวิทยาลัยในฝันของน้องๆ เก็บที่กี่บาท
$75
มหาวิทยาลัยที่เก็บค่าธรรมเนียม $75 หรือประมาณ 2,687 บาท ถือว่าเป็นระดับราคาที่แพงเป็นอันดับ 4 ในตารางค่ะ จำนวนมหาวิทยาลัยที่เก็บในอัตรานี้มีมากกว่า 30 มหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาเลย แต่พี่จะเลือกมาให้ดูแค่ 10 ที่ที่ดังมากๆ ละกันค่ะ
Brown University | California Institute of Technology (CalTech) |
Carnegie Mellon University | Cornell University |
Harvard University | Massachusetts Institute of Technology (MIT) |
Northwestern University | University of Chicago |
University of Pennsylvania | Washington University in St. Louis |
มหาวิทยาลัยในไอวีลีกคิดราคานี้เยอะอยู่เหมือนกันทั้งบราวน์ คอร์เนลล์ ฮาร์วาร์ด และเพนน์ซิลเวเนีย นอกจากนี้ 2 สถาบันด้านเทคโนโลยีชื่อดังของประเทศอย่าง MIT และ CalTech ก็คิดราคานี้เช่นกัน $75 จึงเป็นราคายอดฮิตของมหาวิทยาลัยชื่อดัง
$80
แพงขึ้นมาอีก 5 ดอลลาร์กับราคา 2,865 บาท มีมหาวิทยาลัยที่คิดค่าธรรมเนียมเท่านี้เพียง 6 แห่งค่ะ ได้แก่
Boston University | Dartmouth College |
University of North Carolina—Chapel Hill | University of Southern California |
Villanova University | Yale University |
ราคานี้มี 2 มหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวีลีกค่ะ นั่นคือวิทยาลัยดาร์ธมัธและเยล ส่วนมหาวิทยาลัยที่น่าจะไม่คุ้นชื่อที่สุดในกลุ่มนี้ก็คงเป็น Villanova University แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยระดับท้องถิ่นในรัฐเพนน์ซิลเวเนีย แต่วิลลาโนวาก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยท้องถิ่นที่ดีที่สุดในภาคเหนือ ดังนั้นก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ
$85
สำหรับราคาค่าสมัครเข้าเรียนต่อ $85 หรือประมาณ 3,050 บาท มีมหาวิทยาลัยชื่อดังเพียง 2 แห่งที่คิดเท่านี้ค่ะ นั่นคือ Columbia University ที่เป็นอีกหนึ่งสมาชิกของกลุ่มไอวีลีกและ Duke University มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการและกีฬาแห่งหนึ่งของประเทศ
$90
และมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกาที่เก็บค่าธรรมเนียมการสมัครแพงที่สุดก็คือ Stanford University ในรัฐแคลิฟอร์เนียค่ะ ค่าธรรมเนียมของปริญญาตรีว่าแพงแล้วเพราะอยู่ที่ 3,230 บาท แต่ของปริญญาโทแพงกว่าเยอะค่ะ เพราะบางหลักสูตรแพงถึง $275 หรือประมาณ 9,870 บาท เห็นแล้วก็ขอปาดเหงื่อเลย
การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการสมัคร
เห็นค่าสมัครก็อยากจะถอดใจแล้ว อยากจะสมัครหลายที่ แต่สมัครทีนึงก็เสียครั้งละสามพันแน่ะ ฉะนั้นบางมหาวิทยาลัยก็มีทางออกในเรื่องนี้ให้ค่ะ นั่นคือการยกเว้นค่าสมัครเข้าเรียนให้กับนักศึกษาที่ทางครอบครัวจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ ถ้าเสียค่าสมัครเท่านี้ แต่สิ่งที่น้องต้องรู้ก่อนก็คือ
1. ไม่ใช่ทุกมหาวิทยาลัยที่มีการยกเว้นค่าสมัคร
2. บางมหาวิทยาลัยไม่ยกเว้นค่าสมัคร แต่ให้ส่วนลดค่าสมัครแทน
3. บางมหาวิทยาลัยยกเว้นค่าสมัครให้แค่เด็กในประเทศเท่านั้น ต่างชาติอด
4. บางมหาวิทยาลัยที่ยกเว้นค่าสมัครให้เด็กต่างชาติต้องการเอกสารหลักฐานและหนังสือรับรองมากมายจนค่าดำเนินการเรื่องทั้งหมดนี้แพงพอๆ กับค่าสมัครเรียน
5. เกณฑ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมการสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยแตกต่างกัน วิธีการขอยกเว้นก็แตกต่างกัน ให้ตรวจสอบจากหัวข้อ Fee Waivers ของเว็บไซต์แต่ละมหาวิทยาลัยเองค่ะ
แต่มหาวิทยาลัยที่พี่พิซซ่าคิดว่าใจดีในเรื่องนี้ก็คือ Harvard และ Yale ค่ะ ของฮาร์วาร์ดน้องๆ สามารถเขียนเรียงความอธิบายมาเองได้เลยว่าทำไมจึงควรได้รับการยกเว้นนี้ หรือจะขอแบบฟอร์มจากฝ่ายรับสมัครนักศึกษามาให้อาจารย์ที่โรงเรียนกรอกข้อมูลและยืนยันว่าน้องต้องได้รับการยกเว้นนี้จริงๆ ก็ได้ ส่วนของเยลก็คล้ายๆ กันคือให้ขอแบบฟอร์มจากทางมหาวิทยาลัยเอาไปให้อาจารย์หรือนายอำเภอรับรองให้ โดยที่ไม่ต้องส่งหลักฐานทางการเงินของผู้ปกครองหรือหลักฐานด้านการเงินอื่นๆ ประกอบค่ะ ตัวอย่างเกณฑ์การเป็นผู้ได้รับการยกเว้นค่าสมัครของเยลคือ
ครอบครัวขนาด 1-2 คน ต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $65,000 (2,332,000 บาท)
ครอบครัวขนาด 3 คน ต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $70,000 (2,511,000 บาท)
ครอบครัวขนาด 4 คน ต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $75,000 (2,690,000 บาท)
ครอบครัวขนาด 5 คน ต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $80,000 (2,870,000 บาท)
ครอบครัวขนาด 6 คนขึ้นไป ต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $85,000 (3,049,000 บาท)
แม้ว่าเกณฑ์นี้จะคำนวณจากค่าครองชีพในอเมริกาแต่เยลยืนยันว่านักศึกษาจากประเทศอื่นก็ให้ใช้เกณฑ์เดียวกันนี้ได้เลยค่ะ
ถ้าใครมองว่าของฮาร์วาร์ดกับเยลก็ถือว่ายากอยู่ดีเพราะต้องเอาเอกสารไปให้คนอื่นรับรองให้ แต่ของบางที่ต้องใช้ทั้งหนังสือรับรองจากทางราชการ รวมทั้งหนังสือรับรองเงินเดือนผู้ปกครองและหลักฐานการเสียภาษี เสร็จแล้วต้องเอาแต่ละอย่างไปแปลอีก ยุ่งยากแถมต้องใช้เงินพอๆ กับค่าสมัครเลย
**ใครตาดีจะสังเกตเห็นว่าชื่อมหาวิทยาลัยไอวีลีกหายไป 1 แห่งจากลิสต์ค่าสมัครสุดแพงนี้นั่นคือ Princeton University ค่ะ พรินซ์ตันคิดค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีเพียง $65 หรือประมาณ 2,330 บาท ทำให้ไม่มีรายชื่อติดโผมาด้วย
หากน้องๆ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าสมัครหรือการยกเว้นค่าสมัคร สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของแต่ละมหาวิทยาลัยที่เราสนใจเลยค่ะ หรือจะส่งอีเมลสอบถามไปทางฝ่ายรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยก็ได้ เจ้าหน้าที่เต็มใจตอบข้อสงสัยให้เราอยู่แล้ว
*ข้อมูล ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2558
2 ความคิดเห็น
อุ๊ย ขอบคุณมากค่ะ แล้วถ้าเราอยู่มหาลัยที่ไทยอยู่แล้ว แล้วอยากไปต่อโดยขอทุนไปมหาลัยพวกนี้ ต้องทำยังไงบ้างหรอคะ
University of California ทุกแคมปัส สำหรับ international student $80 ค่ะ
เคยสมัครไป 2 ที่แทบล้มละลาย 55