ทุกวันนี้ต้องบอกว่าใครเรียนสายเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์หรือวิศวฯ คอมพิวเตอร์นี่ได้เปรียบนะคะ เพราะตลาดแรงงานตอนนี้ต้องการคนจบสาขานี้มาก และเทคโนโลยีกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตของหลายๆ คนไปแล้ว
        ดังนั้นถ้าใครสนใจอยากเรียนต่อด้านนี้ และอยากรู้ว่ามีมหาวิทยาลัยไหนบ้างที่เป็นระดับท็อปของโลก ก็ต้องอ่านบทความนี้เลยค่า
 

        สถาบันนี้อาจจะไม่คุ้นหูสำหรับคนไทยเท่าไร เพราะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจในวงการอุตสาหกรรมชื่อ แอนดรู คาร์เนกี ซึ่งมีความตั้งใจว่าอยากให้สถาบันนี้เป็นสถาบันที่เปิดสอนทุกสิ่งอันเกี่ยวกับเทคโนโลยี ทุกศาสตร์ ทุกวงการใดก็ตามที่ต้องใช้ ที่นี่มีสอนหมด แต่สาขาที่ขึ้นชื่อคงจะเป็นเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลสำหรับใช้งานต่างๆ
 

        วิทยาลัยนี้เป็นศูนย์กลางการวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพ มีศูนย์วิจัยไฮโซซ่อนอยู่ในสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เน้นด้านชีวเวชศาสตร์ (Biomedical) และวิศวกรรมไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์เป็นหลัก โดยนักศึกษาที่นี่นอกจากจะได้หาความรู้แล้วยังได้ปฏิบัติงานจริงในศูนย์วิจัยของวิทยาลัยเองเลยด้วย
 

Daderot via wikipedia.org
 

        พูดถึงเจ้าแห่งนวัตกรรมและความสร้างสรรค์คงต้องยกให้คนญี่ปุ่นเลยค่ะ และสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีต่างๆ ก็คือมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอย่าง "โทได" หรือมหาวิทยาลัยโตเกียวนั่นเอง ศิษย์เก่าของที่นี่ก็เป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการรางวัลโนเบล นายกรัฐมนตรี หรือประธานบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างฮิตาชิ, ทามิย่า, และ Square Enix
        นอกจากนี้มหาวิทยาลัยโตเกียวยังสนับสนุนให้มีนักศึกษาต่างชาติไปเรียนที่นั่นเยอะๆ เพราะตอนนี้อัตรานักศึกษาต่างชาติต่ำมาก ทำให้ผลการประเมินมหาวิทยาลัยระดับโลกอาจไม่ดีเท่าที่ควร (ไปช่วยเขาสมัครเรียนหน่อยเร็ว)
 

6. มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอส แองเจลิส หรือ UCLA (สหรัฐอเมริกา)

Huangcjz via wikipedia.org
 

        ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของอังกฤษ ก่อตั้งมาร่วม 800 ปี พูดถึงมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อสถาบันนี้ ถึงแม้จะเป็นที่รู้จักในสาขาวิชาอื่นมากกว่า แต่เคมบริดจ์เป็นแหล่งรวมศิษย์เก่าแถวหน้าของวงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และฟิสิกส์ เช่น เซอร์ไอแซค นิวตัน, ชาร์ลส์ ดาร์วิน, และสตีเฟน ฮอว์คิง ทั้งยังมีศิษย์เก่าที่ได้รับรางวัลโนเบลกว่า 90 คน ถือว่าเป็นสถาบันที่ผลิตนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลมากที่สุดในโลก
 

stanford.edu
 

        ข้ามมหาสมุทรมาที่ประเทศแห่งความหลากหลายกันบ้าง สแตนฟอร์ดนั้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยระดับแถวหน้าของอเมริกาอยู่แล้ว แต่สำหรับสาขาวิชาด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์นั้น ที่นี่ติดอันดับต้นๆ ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าใครเพื่อนเลยค่ะ ศิษย์เก่าก็มักเป็นคนดังในวงการ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทฮิวเล็ต แพ็กการ์ด หรือซุนดาร์ พิชัย CEO คนใหม่ของ Google ซึ่งเป็นชาวอินเดียและจบจากสแตนฟอร์ด เข้ามาทำงานเป็นรองประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ได้แค่ปีเดียวก็เลื่อนตำแหน่งเป็น CEO เลย
        นอกจากนี้มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดยังมีส่วนช่วยในการทำให้ซิลิคอน วัลเลย์ ดงบริษัทไอทีชั้นนำของโลกได้พัฒนาขึ้นจนทุกวันนี้ แถมพนักงานส่วนใหญ่ของบริษัทไอทีอย่าง Facebook, Google, Apple ก็มาจากสแตนฟอร์ดนี่แหละ (ไม่รู้เพราะอยู่ใกล้กันหรือไง)
 

globaltrademag.com
 

        ถ้าพูดถึงสถาบันเกี่ยวกับเทคโนโลยีแล้วไม่มีที่นี่ไม่ได้เลย เพราะที่นี่คือสถาบันอันดับต้นๆ ของอเมริกาที่เน้นการสอนการสอนด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีมาก เปิดสอนมาแล้วกว่า 150 ปี มีศิษย์เก่าได้โนเบลไปแล้วกว่า 70 คน ที่นี่รวมหัวกะทิด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เอาไว้จำนวนมาก และค่อนข้าง...มีวีรกรรมล้ำเลิศ ใครอยากเรียนอะไรหนักๆ แต่อยู่ในสภาพแวดล้อมชิวๆ ก็เก็บที่นี่เป็นหนึ่งในตัวเลือกนะคะ พี่น้องเคยเขียนบทความถึง MIT แล้ว หาอ่านได้ตามนี้เลย
 

แนะนำ MIT สถาบันชั้นนำในฝัน(ระดับโลก)ของเด็กวิทย์-คณิต
รวมความเกรียน+ฮาของเด็ก MIT(สถาบันดังในอเมริกา) ที่นี่ไม่ได้มีแต่เด็กเนิร์ด!
 

picpicx.com
 

        ขอข้ามมาที่ทวีปยุโรปอีกครั้ง กับสถาบันเทคโนโลยีที่เก่าแก่ในสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่งดงาม (และค่าครองชีพแพงมาก) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสถาบันเทคโนโลยี ดังนั้นถ้าอยากจะเรียนด้านนี้ก็มาถูกทางแล้ว จำนวนนักเรียนของที่นี่ก็แค่ราว 18,000 คน เป็นนักศึกษาต่างชาติถึง 30% เลยทีเดียว นอกจากนี้ศิษย์เก่าของที่นี่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล อัลเบิร์ต ไอสไตน์ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์เมื่อปี 1921 นั่นเอง
 

perraultarchitecture.com
 

        ไม่ไกลกันมากนักก็เป็นสถาบันเก่าแก่ด้านเทคโนโลยีอีกแห่งของสวิตเซอร์แลนด์ ชื่ออ่านยากนิดนึง แต่ติด 1 ใน 15 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก และ 1 ใน 6 ของยุโรปด้วย ที่นี่ก่อตั้งโดยรัฐบาลของสวิตเซอร์แลนด์เองเลย ทำให้ได้รับงบสนับสนุนด้านเครื่องไม้เครื่องมือเต็มที่ มีห้องแล็บให้นักศึกษาได้ทำการทดลองแบบ "เป็นส่วนตัว" กว่า 250 ห้อง และมีอาคารทรงล้ำยุคที่เรียกว่า "parc scientifique" (พาร์ก ไซเอนติฟีก) อีกด้วย มาเรียนที่นี่รับรองว่าจะรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอนาคตเลย
 

        มีใครเป็นศิษย์ปัจจุบัน กำลังจะเป็น หรืออยากจะเป็น มาแชร์ประสบการณ์ ความคิดเห็น ความรู้สึกได้ที่ใต้บทความนี้เลยค่า >_<