สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com เมื่อพูดถึงชุดประจำชาติ หลายคนคงเคยเห็นผ่านๆ ตากันมาบ้างว่าแต่ละประเทศมีชุดประจำชาติแบบไหน มีลักษณะและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันยังไง วันนี้ พี่นิทาน ไปสรรหาเลือกชุดประจำชาติเก๋ๆ แปลกๆ มาใน้องๆ ได้ดูกัน บางอันอาจเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว แต่ลองมาอ่านที่มาที่ไปของชุดนั้นๆ กันดูค่ะ
1. ชุดประจำชาติกรีนแลนด์
Photo credit : www.greenland.com
-ที่มาที่ไป
ในสมัยก่อนนั้นชาวอินูอิทหรือชาวพื้นเมืองของกรีนแลนด์จะใส่ชุดที่ทำมาจากหนังสัตว์หรือขนสัตว์เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในร่างกายให้ทนกับสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ ชุดจึงต้องมีความหนาและทนทานโดยส่วนประกอบของชุดทั้งชายและหญิงนั้นจะคล้ายๆ กัน คือมีหนังสัตว์ขนาดใหญ่ไว้คลุมตัว (คล้ายๆ ผ้าคลุมตัว), กางเกงหนาๆ และรองเท้าบูท
การเลือกหนังสัตว์แต่ละชนิดมาใช้นั้นก็มีการเลือกที่แตกต่างกันคือชุดของผู้ชายอาจจะใช้สัตว์ชนิดนึง ชุดของผู้หญิงจะเป็นสัตว์อีกชนิดนึง ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดก็มีขนาดตัวและขนที่แตกต่างกัน
ปัจจุบันชุดหนังสัตว์ที่เล่ามาข้างต้นนั้นถูกเก็บสะสมโดยพิพิธภัณฑ์หลายๆ แห่งในกรีนแลนด์ด้วยค่ะ
Photo credit : http://greenlandtoday.com/
-จากชุดชาวบ้านธรรมดาๆ มาเป็นชุดประจำชาติ
-ชุดประจำชาติสุดเก๋
ชุดประจำชาติกรีนแลนด์ไม่มีชื่อเรียกโดยเฉพาะ แต่มีเอกลักษณ์มากด้วยสีสันที่สดใสสะดุดตาตั้งแต่ลูกปัดจนลงมาถึงรองเท้าบูท ปัจจุบันเป็นชุดที่ยังนิยมใส่กันตามงานสำคัญต่างๆ หรือเทศกาลสำคัญของประเทศ เช่น คริสต์มาส อีสเตอร์ วันชาติกรีนแลนด์ งานแต่งงาน และในงานวันเกิดทั่วไป สำหรับเด็กๆ ก็จะใส่กันในวันเข้าเรียนวันแรกในช่วงหน้าร้อน และโรงเรียนก็จะให้เด็กๆ เหล่านี้ใส่ชุดประจำชาติกันในวันสำคัญต่างๆ เช่นเดียวกันกับผู้ใหญ่
คงจะเป็นภาพที่น่ารักและสวยงามไม่น้อยเวลาเห็นเด็กตัวเล็กๆ ใส่ชุดสวยๆ สีสันสดใสแบบนี้วิ่งเล่นทั่วโรงเรียน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ (ถ้ามีโอกาสได้ไป) ก็สามารถเห็นชาวกรีนแลนด์ใส่ชุดประจำชาติได้ตามที่ท่องเที่ยวต่างๆ คล้ายๆ บ้านเราเวลาเห็นพนักงานบางที่ใส่ชุดไทยไหว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวค่ะ
2. ซาราฟราน (Sarafran) ชุดพื้นเมืองรัสเซีย
Photo credit : www.pomorland.travel
พูดถึงคำว่า 'ซาราฟราน' อาจไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก แต่ถ้าหากพูดถึงประเทศรัสเซียหรือชุดประจำชาติรัสเซีย เชื่อว่าหลายคนอาจเคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้างว่าเป็นรูปร่างลักษณะยังไง หรือถ้าจำไม่ได้.. ลองดูภาพอาจจะคุ้นๆ อยู่บ้างใช่มั้ยคะ คำว่าซาราฟรานนี้มาจากภาษาเปอร์เซีย ฟังดูแขกๆ หน่อย แต่ชุดเป็นของรัสเซียที่มาจากยุโรปในช่วงทศวรรษที่ 13 มีลักษณะเป็นชุดยาวลงมาเหมือนผ้าคลุมยาวๆ เป็นชุดเดรสคล้ายๆ ชุดเอี๊ยม ซึ่งปัจจุบันมีแต่ชุดแบบผู้หญิงเท่านั้น(ส่วนผู้ชายนั้นเคยใส่กันแค่สมัยก่อน)
-ที่มาที่ไป
ในสมัยก่อนซาราฟรานจะเป็นชุดที่ชาวไร่ชาวนาในแถบเหนือของรัสเซียจะนิยมใส่กันมาก โดยใช้สวมใส่กันทั่วๆ ไป เช่น ใส่ไปทำงาน ลักษณะจะเรียบๆ เป็นผ้าผืนเดียวไม่มีลวดลายมากนัก แต่หากมีงานเทศกาลสำคัญต่างๆ จะมีลวดลายและสีสันขึ้นมาหน่อย แต่สีที่นิยมและเห็นได้บ่อยที่สุดคือสีฟ้าและแดง สีแดงมักจะใช้ใส่ในงานแต่งงานกัน ซาราฟรานอาจใส่กับหมวกทรงสูงที่มีลวดลาย ที่เรียกว่า คาโคชนิกส์ (kokoshniks) ในช่วงศตวรรษที่ 20 เมื่อปีเตอร์มหาราช (จักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย) ทรงเปลี่ยนแปลงสังคมและวัฒนธรรมของรัสเซียให้ทันสมัยขึ้น และบังคับให้ประชาชนสวมเสื้อผ้าแบบใหม่ที่ดูโมเดิร์น หญิงสาวชนชั้นกลางและชั้นสูงจึงเลิกใส่พวกชุดพื้นเมืองกัน
-ปัจจุบัน
Photo credit : www.claytonladuerotary.org
ปัจจุบันยังคงเห็นสาวรัสเซียใส่ชุดซาราฟรานได้ตามการแสดงต่างๆ เช่นการแสดงเพลงพื้นบ้านของรัสเซียหรือเต้นพื้นบ้านในเทศกาลต่างๆ และถ้าใครอยากใส่ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านของฝากที่ประเทศรัสเซียค่ะ
3. อ่าวหญ๋าย ชุดประจำชาติเวียดนาม
Photo credit : www.history.com
-ประวัติของชุดอ่าวหญ๋าย
สันนิษฐานว่าในช่วงศตวรรษที่ 16 เวียดนามได้รับอิทธิพลและวัฒนธรรมมาจากจีนค่อนข้างมาก ภายหลังกษัตริย์เหงวียนฟุกเงวียน (King Nguyễn Phúc Khoát) อยากรักษาวัฒนธรรมเวียดนามไว้ให้คงอยู่และไม่ถูกกลืนกินไปกับวัฒนธรรมจีน จึงพยายามคิดค้นและดัดแปลงให้อ่าวหญ๋ายมาเป็นชุดประจำชาติ จึงเป็นชุดที่ชาวเวียดนามทั้งชายและหญิงใส่กันจนมาถึงปี ค.ศ. 1947
เมื่อเวียดนามได้รับเอกราชและรัฐบาลได้รณรงค์ให้เลิกใส่ชุดอ่าวหญ๋ายเนื่องจากการตัดชุดอ่าวหญ๋ายเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง และสวมใส่ไม่สะดวกสบาย จึงทำให้อ่าวหญ๋ายไม่เป็นที่ฮิตอีกต่อไป (ในภาคเหนือซะส่วนใหญ่)
-สัญลักษณ์ของประเทศ
Photo credit : hanoitourist-travel.com/
ชาวเวียดนามจะใส่อ่าวหญ๋ายในหลายๆ เทศกาลและนอกเหนือจากเทศกาล คือไม่ได้ใส่แค่เฉพาะวันสำคัญๆ เท่านั้น แต่พวกเขายังใส่ไปทำงาน ใส่ไปเรียน หรือจะใส่ไปเที่ยว ไปงานแต่งงาน โดยบางครั้งจะใส่กับหมวกของอ่าวหญ๋ายด้วย อ่าวหญ๋ายมีหลายสีและแต่ละสีก็จะแตกต่างกันไปตามโอกาส เช่นเด็กนักเรียนมักจะใส่เป็นสีขาว ซึ่งหมายถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ส่วนสีพาสเทลต่างๆ จะนิยมใส่กันมากในหมู่สาวๆ ที่โตขึ้นมาหน่อย (อายุประมาณ 20 ต้นๆ) และจะนิยมใส่อ่าวหญ๋ายกับกางเกงสีขาวไม่ก็สีดำเท่านั้น
นอกจากจะใส่เพื่อความสวยงามแล้ว ด้วยรูปทรงของอ่าวหญ๋ายนั้นทำให้ผู้ที่สวมใส่ดูเป็นหญิงสาวที่สง่าและสวยงาม ออกแบบมาให้เข้ากับผู้สวมใส่เท่านั้น เวลาจะตัดชุดอ่าวหญ๋ายจึงต้องให้ช่างตัดชุดวัดขนาดและรูปร่างของเราอย่างละเอียดเพื่อชุดที่สวยงามที่เหมาะกับผู้ใส่ที่สุด แต่ถ้าหากใครที่ไปเที่ยวเวียดนามแล้วไม่มีเวลาพอจะตัดชุด สามารถหาซื้อชุดอ่าวหญ๋ายได้ตามร้านขายของฝากทั่วไปจ้า
4. โก กับ กีร่า ชุดประจำชาติภูฏาน
เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ไว้อย่างดี ภูฏานมีชุดประจำชาติที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติเช่นเดียวกับชุดของประเทศอื่นๆ โดยชุดประจำชาตินี้จะแบ่งเป็น 2 แบบ ชายกับหญิง คือ โก กับ กีร่า
-โก (Gho)
เป็นชุดประจำชาติภูฏานของผู้ชาย โดยกำเนิดมาจากธิเบต นำเข้ามาในภูฏานในช่วงศตวรรษที่ 17 มีลักษณะเป็นชุดคลุมยาวประมาณหัวเข่าและมีผ้าคาดเอว บางครั้งถ้ามีงานเทศกาลหรืองานพิเศษต่างๆจะใส่ 'กับเน' (Kabne) เป็นผ้ายาวคลุมไหล่เพื่อประดับตกแต่งที่ทำด้วยผ้าไหม ความยาวจะประมาณ 35 x 118 เซนติเมตร เวลาใส่จะพาดที่ไหล่ข้างซ้ายคล้องลงมาแถวสะโพกด้านขวา โดยสีของกับเนนั้นจะแตกต่างกับไปตามชนชั้น เช่น สีเหลืองจะเป็นของกษัตริย์และสมาชิกในราชวงศ์ พระสังฆราช สีส้มสำหรับรัฐมนตรี สีขาวสำหรับประชาชนทั่วไป
รัฐบาลภูฏาณกำหนดให้ชายทุกคนในประเทศใส่ชุดโกไปเรียน ทำงาน หรือตามสถานที่ราชการต่างๆ และเวลาไปงานสำคัญต่างๆ โกจะเป็นชุดทางการที่ดูเรียบร้อยและเหมาะสม
-กีร่า (Kira)
ชุดประจำชาติของผู้หญิง ทำด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย มีลักษณะเป็นผ้ายาวถึงข้อเท้า เวลานุ่งจะใช้การพันและมีวิธีการที่ค่อนข้างซับซ้อน และใช้หมุดหรือเข็มกลัดกลัดไว้ตรงช่วงไหล่ มักใส่กับเสื้อแขนยาวที่เรียกว่า วอนจู (Wonju) ที่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย หลังจากนั้นจะสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวหรือที่เรียกว่า เทอโก (Toego) และเช่นเดียวกับโกชุดของผู้ชาย กีร่าจะนิยมใส่กับผ้าพาดบ่าที่เรียกว่า ราชู (Rachu) แต่จะไม่มีสีเฉพาะแบ่งแยกเหมือนกับเนของผู้ชาย
อาจฟังดูแปลกสำหรับนักท่องเที่ยวเวลาไปเที่ยวประเทศภูฏานที่ยังคงเห็นพวกเค้าใส่ชุดประจำชาติไปไหนมาไหนและอาจฟังดูเข้มงวดไปนิดกับการถูกบังคับให้ใส่ชุดประจำชาติ (ก็ยุคสมัยนี้แล้วนี่นา) แต่สิ่งที่น่าประทับใจก็คือคนภูฏานไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย แถมยังภูมิใจมากที่จะรักษาวัฒนธรรมนี้เอาไว้ให้คงอยู่ต่อๆ ไป อีกด้วย
5. ส่าหรี
พูดถึงส่าหรีก็ต้องนึกถึงอินเดีย แน่นอนว่าส่าหรีคือเครื่องแต่งกายของผู้หญิงอินเดีย โดยมีลักษณะเป็นผ้าผืนยาวทั้งตัว ความยาวประมาณ 4 - 9 เมตรพันรอบๆ ตัวในรูปแบบที่แตกต่างกันไป แต่ที่นิยมที่สุดคือการใส่ส่าหรีแบบพาดไหล่แล้วลงมาพันเอวและใส่กับปะติโค้ดหรือกระโปรงด้านใน และมีเสื้อรัดรูปตัวสั้นเปลือยหลังใส่ไว้ด้านใน สำหรับงานพิเศษจะนิยมตกแต่งให้สวยงามและมีสีสันสดใสยิ่งขึ้นด้วยลายปักหรือลูกปัดสวยๆ และนิยมใส่ส่าหรีสีแดงในงานแต่งงาน
-ส่าหรีที่แตกต่างกัน
วิธีการใส่ส่าหรีนั้นมีเยอะมาก มีประมาณ 80 กว่าแบบ และแตกต่างกันไป แต่อย่างที่บอกข้างต้นคือวิธีที่ฮิตที่สุดก็คือใส่แบบพาดไหล่ลงมาพันที่เอว การใส่ส่าหรี่ในแบบอื่นๆ นั้นต้องเลือกใช้ผ้าส่าหรีที่มีความยาวและรูปแบบแตกต่างกันไป
-ส่าหรีกับเครื่องแบบการทำงาน
และเนื่องจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างรุนแรง (ทั้งร้อนและหนาว) ในอินเดีย และแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ส่าหรีจึงจำเป็นต้องมีความเหมาะสมและสะดวกสบายสำหรับสวมใส่ ไม่ใช่แค่ทำให้เย็นสบายในหน้าร้อนหรืออบอุ่นเวลาหน้าหนาวเท่านั้น แต่จะต้องใส่แล้วสบาย เคลื่อนไหวสะดวกเวลาทำกิจกรรมต่างๆ หรือทำงาน ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ส่าหรีกลายมาเป็นเครื่องแบบสำหรับแอร์โฮสเตสของสายการบินอินเดียด้วย แต่ส่าหรีของแอร์ฯ นั้นจะมีการสวมใส่ที่แตกต่างกันไปเพื่อความสะดวกสบายของการทำงาน
นอกจากแอร์โฮสเตสแล้ว ยังมีชุดส่าหรีของพนักงานโรงแรมตามโรงแรมหรูๆ 5 ดาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ซึ่งก็มีการออกแบบมาอย่างสวยงามและแตกต่างจากส่าหรีทั่วไป และที่น่าประทับใจที่สุดคือแม้กระทั่งนักการเมืองหญิงในประเทศก็ยังต้องใส่ส่าหรี ซึ่งถือว่าเป็นธรรมเนียมและมารยาทอย่างหนึ่งด้วย
หลังจากชมกันไป 5 ชุดแล้ว เห็นแล้วอยากใส่ทุกชุดเลยล่ะค่ะ และแน่นอนว่าชุดประจำชาติไทยก็ดูดีไม่แพ้ของใครแน่นอน! จะเห็นได้ว่าแต่ละชุดของแต่ละประเทศนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการออกแบบและดีไซน์มาให้เข้ากับสภาพอากาศและแวดล้อมของประเทศนั้นๆ และถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศเหล่านี้ น้องๆ อย่าลืมหาโอกาสไปใส่ชุดเก๋ๆ ของเค้าดู แล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดใน Dek-D.com ด้วยนะคะ ^^
2 ความคิดเห็น
ชุดประจำชาติเเต่ละตัว ทั้งสวยงามทั้งยังมีเอกลักณษ์อยู่ในตัวอีกกเเน่ะ
#เท่าที่ดูมา ชุดที่สวมใส่ทุกตัว มีสีผ้าหลากหลายยมากเลยย ดูเเล้วววอยากใส่มั่งงจังง
ชุดพื้นเมืองชาวสลาฟนี่แจ่มจริงแบบโปแลนด์ รัสเซีย เบลารุส บัลแกเรีย ดูเป็นโทนเดียว ๆ กันแต่ก็สวยดี