1. ตำนวนร่วมผีสองชาติ
จากภาพยนตร์เรื่อง Freedom Deal: The Story of Lucky (Cambodia 2013)
ตำนานร่วมผีสองชาติในที่นี้ไม่ใช่ผีลูกครึ่งอะไรนะคะ แต่เป็นความเชื่อเรื่องผีที่มีลักษณะเหมือนๆ กัน คือมีหัวกับไส้ลอยไปมา อย่างกระสือของไทย และ Ap ของกัมพูชา ตำนานทั้งสองชาติเล่าออกมาในลักษณะเดียวกันว่า มีคนเดินออกจากบ้านตอนกลางคืน ขณะที่เดินที่เดินๆ อยู่นั้นก็เห็นลูกไฟแวบๆ สีแดงในอากาศ ด้วยความสงสัยก็เดินเข้าไปดูแล้วก็พบกับ ศีรษะของผู้หญิงหน้าตาสะสวย แต่มีเครื่องใน เอ้ย อวัยวะภายในห้อยจากคอ เห็นหัวใจเต้นตุ๊บๆ ชัดเจน ไม่มีลำตัว ลอยอยู่ในอากาศ คนผู้นั้นได้แต่ร้องลั่น...แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ตำนานของสองชาติเริ่มต้นในลักษณะคล้ายคลึงกันเลยค่ะ แต่การเล่าก็แตกต่างกันไปอย่างทีเราพบเห็นในละครนั่นเอง
2. ตำนานผีดูดเลือดมลายู
ภาพจากภาพยนตร์ เรื่อง Pontianak Harum Sundal Malam 2 (มาเลเซีย 2005)
Pontianak เป็นตำนานผีพื้นบ้านของมาเลเซียและอินโดนีเซีย เป็นวิญญาณของหญิงที่ตายในขณะคลอดลูกหรือกำลังตั้งครรภ์ เมื่อตายแล้ววิญญาณที่ไม่สงบก็จะขึ้นจากหลุมมาสิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยเวลากลางวัน และออกล่าเหยื่อในเวลากลางคืน เล่ากันว่าเป็นหญิงสาวสวย ผิวซีด ผมยาว ใส่ชุดสีขาว และเชื่อกันว่าถ้าเด็กทารกเริ่มร้องไห้เสียงสูง และมีกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาด้วย นั่นแหละ Pontianak กำลังมาแล้ว และถ้าเด็กร้องเสียงต่ำและเบาลงแปลว่า Pontianak เข้ามาใกล้ๆ แล้ว แต่ถ้าร้องเสียงดังขึ้นแปลว่า Pontianak อยู่ไกล หรือหากได้ยิ่งเสียงหมาตะเบ็งเห่าก็หมายถึงผีสาว Pontianak เริ่มหิวเลือด (รายละเอียดชัดเจนมากที่เดียวนะเนี่ย)
ผีสาวสวยผิวซีดนี้ไม่ได้แค่มีตำนานหลอนหมาเห่าธรรมดา เพราะตำนานหนึ่งเล่าว่าผีสาวชอบดื่มเลือดเด็กแรกเกิด หรือไม่ก็ฆ่าแม่ที่กำลังท้องเพื่อกินเด็กในครรภ์ แต่อีกตำนานก็ว่าชอบฆ่าเหยื่อด้วยการใช้เล็บยาวๆ ของตนคว้านไปที่ท้องของเหยื่อและดึงอวัยวะภายในออกมา แต่หากเหยื่อเป็นผู้ชายจะตัดอวัยะเพศออกก่อน ค่อยลงมือกินอวัยวะภายใน
รายละเอียดของผีสาวคงจะมีรายละอียดแตกต่างกันบ้างระหว่างสองชาติ แต่จุดเริ่มเรื่องก็คล้ายคลึงกัน และเป็นต้นแบบของผีดูดเลือดหรือผีโหดต่างๆ ในภาพยนตร์ของทั้งสองชาติค่ะ
3. สิงหปุระ ตำนานสร้างชาติแห่งสิงคโปร์
Image: History of Singapore presented by Sentosa (youtube)
เรื่องนี้ไม่ได้มาแนวสยองขวัญแต่อย่างใด แต่มาในลักษณะตำนานความเชื่อเรื่องการเกิดชาติสิงคโปร์ ในศตวรรษที่ 13 มีเจ้าชายอาณาจักรศรีวิชัย ชื่อแสง นิลา อุตามา (Sang Nila Utama) แห่งปาเล็มบัง (Palembang) เจ้าชายและพรรคพวกพากันออกมาล่าสัตว์ในป่า แล้วเจอกับกวางนิมิต ก็วิ่งไล่ตามจับกวางไป กวางนำทางไปจนเจ้าชายมองเห็นเกาะหนึ่งอยู่ไกลๆ มีแสงขาวสว่างสวยงาม
เจ้าชายกับพรรคพวกจึงพากันขนข้าวของออกเรือเพื่อตามหาเกาะนั้น และก็พบกับเกาะที่ชื่อเทมาเส็ก เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสวยงาม เจ้าชายได้ตัดสิ้นใจที่จะมาขึ้นเกาะ แต่ระหว่างแล่นเรือเข้าเกาะนั้น จู่ๆ ก็เจอกับพายุทะเลคลั่งที่ไม่คาดหมาย เรือโคงเคลงอย่างหนักหน่วง อาจเป็นเทพารักษ์แห่งท้องทะเลต้องการปกป้องเกาะไว้ ด้วยความที่เรือโคงเคลงมากเจ้าชายก็สั่งให้โยนข้าวของหนักๆ ลงจากเรือ เผื่อจะได้ทรงตัวเรือไว้ได้ แต่เรือก็ยิ่งโคลงเคลงหนักขึ้น คลื่นทะเลยิ่งแรงเข้าไปใหญ่ จนกระทั่งพรรคพวกผู้จงรักของเจ้าชายก็แนะนำให้โยนมงกุฎไปสิ เพราะเชื่อว่าเจ้าชายเป็นลูกหลานของราชาแห่งมหาสมุทร เจ้าชายจึงถอดมงกุฎตัวเองโยนลงทะเลไป ราวกับปาฏิหารย์พายุก็สงบลง และเอาเรือเทียบเกาะได้สำเร็จ
พอมาถึงเกาะ เจ้าชายก็เห็นสัตว์รูปร่างประหลาดที่ไม่เคยพบมาก่อน (มีอธิบายไว้บางที่ว่าเป็นสัตว์มีขนสีดำ คอสีขาว ลำตัวสีแดง) เมื่อถามใครๆ ว่าเจ้าสัตว์รูปร่างร่างอัศจรรย์นี้คือตัวอะไรก็ไม่มีใครตอบได้ แต่ก็มีผู้หนึ่งกล่าวว่าเคยได้ยินว่ามีสัตว์รูปร่างแบบนี้มีชื่อเรียกว่า "สิงหะ" เจ้าชายจึงดำริคิดเปลี่ยนชื่อเกาะจากเทมาเส็กเป็น "สิงหปุระ" และอยู่ปกครองเมืองถึง 48 ปีจนกระทั้งสิ้น
ถ้าสนใจตำนานของเจ้าชายนิลาอุตามา สามารถไปที่ Fort Canning Hill สถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นวังและที่ฝังพระศพของเจ้าชายนิลาอุตามา สิงหะปุระ ก็คือที่มาของคำว่าสิงคโปร์ในปัจจุบันนี่เองค่ะ
4. ตำนานบรรพบุรุษหนึ่งเดียวของชาวเวียดนาม
Image: asianfolktales.unescoapceiu.org
ตำนานเล่ากันว่า กษัตริย์หุ่ง (หุ่งเวือง) เป็นลูกหลานสืบสกุลจากเจ้าแม่เอิวเกอ (Au Co) เจ้าแม่เอิวเกอเป็นนางฟ้าแห่งขุนเขาผู้เลอโฉม ที่มามาเจอกับพญามังกรหลากลองกวน (Lac Long Quan) ทั้งสองแต่งงานกัน และนางฟ้ามีประสูติกาลเป็นไข่ร้อยฟอง แล้วกลายเป็นลูกร้อยคน 50 คนลงทะเลตามบิดาพญามังกรไปทางทะเลใต้ และอีก 50 คนตามมารดาเข้าป่าไปทางเขตภูเขาภาคเหนือ
ลูกชายคนโตของแม่นางฟ้าได้เป็นหุ่งเวือง ครองอาณาจักรวันลาง (จังหวัดฟู้เถาะในปัจจุบัน) กษัตริย์หุ่งเป็นผู้รวบรวมกลุ่มคน สอนทำนา ทำงานต่างๆ และปกครองดูแลผู้คนให้กลายเป็นกลุ่มชนที่มีวัฒนธรรม ชาวเวียดนามเชื่อว่ากษัตริย์หุ่งเป็นบรรพบุรุษ เป็นลูกหลานพญามังกร และต่างยึดมั่นในขนบ "ตงบ่าว" ที่หมายถึงการที่ออกมาจากไข่ร้อยฟองเดียวกัน คือทุกคนมีรากเหง้าเดียวกัน ทุกคนจะช่วยเหลือกัน สามัคคีกัน กตัญญูระลึกถึงบุณคุณคนและสรรพสิ่งรอบตัว ตามคติประจำใจคนเวียดนามที่ว่า "ดื่มน้ำต้องนึกถึงแหล่งที่มาของน้ำ" "กินผลต้องนึกถึงผู้ปลูก" ทุกๆ ปีในวันที่ 10 เดือน 3 ตามจันทรคติ เวียดนามจะมีพิธีบวงสรวงบรรพกษัตริย์หุ่งเป็นวันบูชาบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นพิธีวัฒนธรรมที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกวัฒนธรรมมนุษยชาติจากยูเนสโกด้วยค่ะ
5. ความเชื่อเรื่องที่มาของกระเทียมในฟิลิปปินส์
Image: Sergio Russo (xcbiker), flickr.com
เรื่องมันมีอยู่ว่า ครอบครัวของสาวน้อยผู้มีโฉมงามครอบครัวหนึ่ง ได้หมั้นสาวน้อยไว้กับชายหนุ่มผู้ร่ำรวยที่สุดตระกูลหนึ่งในฟิลิปปินส์ แต่ด้วยความงามของสาวน้อยที่เป็นร่ำลือไปทั่วนั้นกลับทำให้พ่อหนุ่มคู่หมั้นถูกฆ่าตายจากชายหนุ่มผู้คลั่งรักในความงามของหญิงสาวอีกคนที่ไม่อยากให้ใครได้เธอไป ฉันใดฉันนั้น ฆ่ามาฆ่ากลับ คนใช้ผู้ภักดีของหนุ่มคู่หมั้นก็กลับไปแก้แค้นฆ่าชายคนนั้นตอบ
เมื่อข่าวการตายของแฟนหนุ่มได้แพร่กระจายออกไปและสาวน้อยได้รับรู้ เธอก็ทนไม่ได้วิ่งขึ้นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ร้องไห้และวิงวอนต่อเทพเจ้าบาฮารา Bathala (เทพเจ้าผู้สร้างโลกตามความเชื่อชาวตากาล็อก) เธอขอร้องให้ลงโทษเธอ เพราะความงามบนใบหน้าของเธอเป็นสาเหตุให้คนตาย ดังนั้นโปรดนำเธอไปสู่แดนพระเจ้าเคียงคู่กับคู่หมั้นเถิด เมื่อเทพเจ้าบาฮารารับฟังก็รู้สึกถึงความเสียสละจึงให้ฟ้าผ่าตามประสงค์ของนาง แม้จะแสนเจ็บปวดมาก แต่แม่ของสาวน้อยก็ทำได้แต่ฝังร่างของลูกสาวไว้ ณ ที่ที่เธอจากไป
แม่ร้องไห้ต่อหน้าหลุมศพของเธอจนน้ำตาไหลรดลงดินทุกวัน ต่อมาแม่ก็สังเกตเห็นต้นหญ้าเล็กๆ ขึ้นมาตรงหลุมศพของสาวน้อย แม่จึงนึกว่าเป็นพวกวัชพืชเลยจับถอนออกมา แล้วก็พบว่าเมล็ดพันธุ์ของต้นพืชนั้นๆ รูปร่างประหลาดคล้ายฟันของลูกสาว ความสงสัยมีไม่นาน จู่ๆ ฟ้าก็เปิดให้ได้ยินเสียงจากสวรรค์ "นั่นคือฟันของลูกสาวเจ้า" แม่ตอบขอบคุณเทพเจ้าบาฮาราที่ได้มอบบางสิ่งไว้เพื่อระลึกถึงลูกสาว แม่ของสาวน้อยลงมือปลูกเมล็ดพืชดังกล่าวบนที่ดินทั้งหมดของเธอและแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านด้วย เพื่อเก็บความทรงจำต่างๆ ของลูกสาวคนงามผู้มีชะตาแสนโศกไว้ แน่นอนเมล็ดพืชที่ว่านั้นก็คือ กระเทียม นั่นเอง
6. เรื่องเล่าพื้นบ้านบรูไนกับภูหินเพลงกล่อมของแม่ (เศร้ามาก)
Image: asianfolktales.unescoapceiu.org
กาลครั้งหนึ่งมีแม่ม่ายชื่อ Dang Ambon (ขอเรียกว่า แม่ดัง นะคะ) อยู่กับลูกชายชื่อ Manis (มานิส) แค่สองคนที่ Kampong Ayer แม่ดังรักลูกชายมาก และมักกล่อมด้วยเพลงเพื่อมานิสคนเดียวมีเนื้อร้องว่า
Manis, Manis,
My sweet natured boy!
Manis, Manis,
Devoted and kind,
Manis, Manis,
Truly a mother’s pride!
ทั้งสองก็อยู่มาตามอัตภาพพอมีพอกิน จนกระทั่งมานิสโตขึ้น เขารู้สึกอยากท่องโลกกว้าง และอยากรวยขึ้น ด้วยความที่แม่ดังรู้ความปรารถนาของลูกชาย แม้แม่ดังจะเศร้าแต่ก็ยอมให้มานิสจากไป ผ่านไปนานมานิสไม่เคยส่งข่าวใดๆ มาหา แต่เพื่อคลายความเหงาแม่ดังก็มุ่งมั่นช่วยเหลือคนยากคนจนอย่างตั้งใจ แม่ดังมีอะไรก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่คนยากไปหมด จนกระทั่งตัวเองก็จนลง จนลง กลายเป็นหญิงแก่ยากจน แต่ไม่ว่าจะยากดีมีจนแค่ไหน สิ่งที่แม่ดังไม่เคยเปลี่ยนไป คือ ยังคงคิดถึงลูกและร้องเพลงกล่อมเพื่อมานิสเพลงนั้นทุกวัน
วันหนึ่งมีเรือสินค้าขนาดใหญ่มาเทียบท่าที่ Kampong Ayer และเจ้าของเรือสินค้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ มานิส กัปตันเรือผู้ร่ำรวยที่เปลี่ยนชื่อเป็น Nakhoda Manis ด้วยความตื้นเต้นดีใจแม่ดังรีบพายเรือไปหามานิสที่เรื่องใหญ่ของเขา ตลอดเวลาที่พายเรือมากก็ร้องเพลงกล่อมมานิสในใจมาตลอดทาง นักโฮดามานิส ภูมิใจในความร่ำรวยของตัวเขามากๆ เท่าที่ก็อับอายในตัวแม่ดังผู้ยากจนมากๆ เช่นกัน เขาปฏิเสธว่าหญิงยากจนคนนี้ไม่ใช่แม่ของเขา แม่ดังใจสลายและสาปแช่งความร่ำรวยที่ทำให้ลูกชายของเขาจากไป
แม่ดังไม่ร้องเพลงกล่อมเพื่อมานิสอีกแล้ว เพลงกล่อมหายไป แต่มีสายฟ้าฟาดลงมาแทน เกิดอาเพศพายุคลั่งและฟ้าผ่าลูกใหญ่ลงมา แสงวาบแสบตาไปทั่ว จนกระทั่งพายุสงบ ก็พบว่าเรือใหญ่ของลูกชายหายไป และที่ตรงนั้นกลายเป็นภูหินขนาดใหญ่กลางทะเล เขาหินลูกนั้นเป็นที่รู้จักในชื่อ Jong Batu ซึ่งภูหินกลางทะเล Jong Batu นี้มีจริงอยู่ในบรูไนค่ะ สามารถค้นหาดูภาพจริงได้เลย
ในบทความนี้อาจจะมีแค่ 6 เรื่อง และเรื่องที่เล่ากันอาจมีข้อแตกต่างในรายละเอียดบ้าง แต่เชื่อได้เลยว่าประเทศในอาเซียนยังมีเรื่องลึกลับสไตล์ชาวเอเชียเราอีกมากที่น่าสนใจ อย่างเรื่องแม่นาคพระโขนงของไทยเรา นี่ก็เป็นตำนานผีที่โลกรู้จักนะคะ โปรดติดตามเรื่องน่าสนใจต่างๆ ในบทความหน้าจ้า หรือถ้าน้องๆ ชาว Dek-D มีเรื่องเล่าความเชื่อจากเพื่อนบ้านสมาชิกเรา หรือเรื่องอื่นๆ ก็ได้นะคะ สามารถส่งเรื่องมาให้พี่เกียรตินำเสนอได้เลยจ้า
แหล่งที่มา, ภาพประกอบ:
- choosephilippines.com/do/history-and-culture/838/garlic-legend/
- goasean.com/stories/7-incredible-myths-legends-horrors-southeast-asia
- vovworld.vn/th-TH/สารคด/ประเพณเซนไหวบรรพกษตรยหงของเวยดไดรบการรบรองเปนมรดกโลก/123725.vov
- vovworld.vn/th-TH/วเคราะหสถานการณ/พธบวงสรวงบรรพกษตรยหง-เอกลกษณวฒนธรรมททำนบำรงจตใจของคนเวยดนาม/330375.vov
- youtube.com/watch?v=Cwavb0WD1NM
- asianfolktales.unescoapceiu.org/folktales/read/singapore_1.htm
- http://asianfolktales.unescoapceiu.org/folktales/read/vietnam_2.htm
- mythical-and-paranormal-blog.blogspot.com/2012/05/pontianak-vampire-of-malaysian-folklore.html
- https://www.flickr.com/photos/xcbiker/458751179/
- https://www.youtube.com/watch?v=oVuM3Z5MfwI
- freedomdealmovie.com/
3 ความคิดเห็น
เราหลอนตรงผีสาวPotianakเนี่ยแหละวิธีกินโหดเกิ๊นนนนเสียวท้องเลย
เรื่องสุดท้าย อยากตบมานิสมาก ทำแบบนี้กับแม่ของตัวเองได้ไง
อ่านแล้วนึกถึงตำนานหมู่เกาะเภตราของจังหวัดตรัง ประเทศไทยเรานี่แหละ
ที่สามีภรรยาคู่หนึ่งมีลูกชายแล้วลูกชายไปเป็นลูกชายบุญธรรมของนายเรือสำเภา
ตอนหลังเป็นนายเรือสำเภาต่อจากพ่อบุญธรรม
พอลูกกลับมาก็อับอายที่มีพ่อแม่เป็นคนจน
พ่อแม่เสียใจเลยแช่งให้เรือสำเภาจมและกลายเป็นเกาะที่มีลักษณะเหมือนกับเรือ
ที่ต่อมากลายเป็น "หมู่เกาะเภตรา" ส่วนข้าวของในเรือก็กลายเป็นเกาะเหมือนกัน