สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ระหว่างที่กำลังอ่านเรื่องของประเทศต่างๆ ไปเรื่อยๆ พี่นิทาน ก็ไปเจอกับเรื่องน่าสนใจจากประเทศซาอุดิอาระเบียที่เราอาจยังไม่ค่อยรู้กันค่ะ นั่นคือ 9 เรื่องต้องห้ามในประเทศที่ไม่คิดว่าจะมีจริงๆ บางเรื่องก็ทำเอาประหลาดใจไม่น้อย ไหนมาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง
1. ห้ามผู้หญิงกับผู้ชายคุยกันในที่สาธารณะ
เป็นกฎหมายที่ค่อนข้างเด็ดขาดและกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับชาวซาอุดิอาระเบียเลยค่ะ คือตามที่สาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ห้าง ธนาคาร และอื่นๆ ผู้ชายกับผู้หญิงจะต้องแยกกัน นอกจากจะมาเป็นครอบครัวหรือเป็นสามีภรรยากัน แต่ละที่จะต้องมีแถวแยก ชาย-หญิง เพื่อที่จะไม่ให้ทั้งชายและหญิงจีบกันหรือแสดงออกกันในที่สาธารณะค่ะ
2. ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 45 ปี ห้ามเที่ยวคนเดียว
เป็นอีกกฎหนึ่งที่ผู้หญิงชาวซาอุดิอาระเบียจะต้องมีผู้ชายคอยปกป้องหรือดูแล หรือเรียกว่า 'Male guardians' ซึ่งอาจเป็นคุณพ่อ พี่ชาย น้องชาย หรือสามีก็ได้ ผู้หญิงทุกคนจะถูกห้ามไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวหรือแม้กระทั่งทำกิจกรรมบางอย่างหากไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ชายที่คุ้มครอง ชายที่คุ้มครองหญิงชาวซาอุฯ จะมีสิทธิ์ในการตัดสินทุกๆ อย่างของผู้หญิง ยกตัวอย่างดังนี้...
-การแต่งงาน/หย่า
-อายุต่ำกว่า 45 ปี และอยากไปเที่ยวคนเดียว
-การศึกษา เช่น การจะเข้าเรียนในระดับชั้นต่างๆ
-การทำงาน สมัครงาน
-เปิดบัญชีธนาคาร
-การผ่าตัดต่างๆ
3. ห้ามศาสนาอื่น
บุคคลที่มีศาสนาอื่นนอกเหนือจากอิสลามจะถูกห้ามไม่ให้แสดงออกในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการเคารพหรือการพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าองค์อื่นๆ หรือศาสนาอื่นกับชาวมุสลิม และในประเทศซาอุดิอาระเบียจะไม่มีสถานศาสนาอื่นๆ นอกเหนือจากศาสนาอิสลาม ใครที่นับถือศาสนาคริสต์ พุทธ หรืออื่นๆ ก็อย่าเผลอพกไม้กางเขน สร้อยพระ หรือหนังสือบทสวดมนต์ไปนะคะ (ถ้าได้ไปประเทศนี้) และนอกเหนือจากนั้น ชาวมุสลิมในประเทศซาอุดิอาระเบียจะไม่อนุญาตให้เปลี่ยนศาสนา หากทำเช่นนั้นจะได้รับโทษถึงชีวิตค่ะ
4. ห้ามถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ ดังนี้
การถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลของซาอุดิอาระเบียเป็นสิ่งต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงานรัฐต่างๆ สนามบิน อาคารหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เกี่ยวกับทางทหารล้วนแต่ถูกห้ามทั้งนั้น เพราะหากมีคนเห็นว่าเรากำลังถ่ายอยู่อาจถูกจับในข้อหาผู้ต้องสงสัยในการก่อการร้ายก็เป็นได้ นอกจากนั้น ห้ามถ่ายรูปผู้คนโดยตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง (หากเป็นผู้ชายอาจต้องขอก่อน) ไม่แน่ใจว่าถ้าเซลฟี่นี่ได้รึเปล่า ถ้าไม่ติดสถานที่ที่เสี่ยงๆ ก็คงได้ แต่ทางที่ดี อย่าถ่ายอะไรเลยน่าจะดีกว่า
5. ห้ามผู้หญิงขับรถ
ความจริงไม่ได้มีกฎหมายตายตัวว่าห้ามผู้หญิงขับรถ แต่ด้วยความเชื่อบางอย่างที่มีมานานจึงทำให้ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องอันตรายและผิดศีลธรรม และคนส่วนมากเชื่อว่าหากผู้หญิงได้ขับรถแล้วอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเธอได้รับอิสระมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันในเมืองอื่นๆ ที่อยู่ห่างออกไปก็มีผู้หญิงบางคนขับรถ แต่เป็นการขับรถในฟาร์มที่ต้องใช้ขนส่งของหรือสัตว์ต่างๆ และเป็นพื้นที่ที่คนไม่เยอะเท่าเมืองหลวงจึงมีการอนุโลมกันได้ แต่ก็ไม่ได้มีมากนัก
6. ห้ามเล่นดนตรีตามที่สาธารณะ
เวลาเราไปเที่ยวตามประเทศต่างๆ เราอาจจะเห็นนักดนตรีที่เล่นดนตรีเปิดหมวกเพื่อความบันเทิงหรือการกุศล บางประเทศก็เล่นกันจริงจังสนุกสนานและเป็นมืออาชีพเลย แต่กับที่ซาอุดิอาระเบียนั้นการเล่นดนตรีตามที่สาธารณะเป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเหตุผลทางศาสนาค่ะ ถ้าไปเดินห้างหรือตลาดจะไม่มีเพลงเปิดให้เราได้ยินแน่นอน (พวกเพลงบริทนีย์อะไรแบบนี้น่ะค่ะ) นอกจากนั้นตามโรงเรียนต่างๆ ก็ไม่อนุญาตให้มีการสอนดนตรีหรือเต้นอยู่ด้วย ถ้ามีใครอยากเรียนก็ต้องเป็นคลาสเรียนแบบส่วนตัว ส่วนการฟังเพลงก็เช่นกัน หากฟังกันเองที่บ้านก็ไม่มีปัญหาค่ะ
7. ห้ามไม่ให้มีโรงหนัง
คนรักหนังอาจจะต้องดูหนังกันเองที่บ้านหรือไม่ก็สถานที่เล็กๆ ที่เป็นส่วนตัว เพราะที่ซาอุดิอาระเบียไม่มีโรงหนังอยู่เลย ที่ห้ามไม่ให้มีโรงหนังนั้นก็เพราะเหตุผลที่ไม่อยากให้ผู้ชายกับผู้หญิง (ที่ไม่ใช่คู่กัน) มาเจอกันนั่นเองค่ะ
8. ห้ามฉลองวาเลนไทน์
ด้วยเหตุผลที่ว่าวันวาเลนไทน์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับศาสนาอิสลามเลย จึงทำให้ประเทศซาอุดิอาระเบียสั่งห้ามไม่ให้ใครก็ตามใส่เสื้อผ้าสีแดงในวันวาเลนไทน์หรือขายของต่างๆ หรือแม้กระทั่งกุหลาบแดง ร้านขายของและขายดอกไม้ จึงไม่มีสิ่งของที่เป็นสีแดงหรือเป็นรูปหัวใจ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เห็นถึงความเป็นวันวาเลนไทน์ หากเห็นใครใส่เสื้อผ้าที่แอบมีสีแดงอยู่ก็จะถูกไล่กลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านเลยค่ะ ข้อห้ามต่างๆ เหล่านี้กันไม่ให้หนุ่มสาววัยรุ่นอินกับความรักหรือแสดงออกในเรื่องความรักอย่างไม่สมควรด้วยค่ะ
9. ห้ามดูหนังโป๊!
ไม่ว่าใครก็ตามที่มีคลิปหนังโป๊ต่างๆ อยู่ในคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือจะถือว่าผิดกฎหมายนอกจากหนังโป๊แล้ว รูปภาพหรือการ์ตูนต่างๆ ที่ส่อไปในทางลามกอนาจารก็โดนแบนเหมือนกันค่ะ ความจริงหลายคนอาจคิดว่า 'แอบๆ ก็ได้นี่ ไม่เห็นเป็นไรเลย' ก็คงจะได้เหมือนกันค่ะ แต่อย่าลืมว่าบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็อาจสุ่มตรวจค้นมือถือหรือคอมพิวเตอร์เมื่อไหร่ก็ได้นะ
ความจริงในแต่ละประเทศก็มีกฎเกณฑ์ที่ต่างกันเนื่องจากพื้นฐานและความเป็นมาไม่เหมือนกัน การเรียนรู้กฎระเบียบหรือวัฒนธรรมของกันและกันไว้ก่อนถือเป็นเรื่องดีนะคะ ^^
ข้อมูลจาก
12 ความคิดเห็น
เป็นประเทศที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าความเท่าเทียมทางเพศนั้นเหลื่อมล้ำกันมาก
ผู้หญิงอยู่ยากประเทศนี้
ผู้หญิงหน้าไม่เห็นทำอะไรก็ต้องแยกไปหมด แล้วผู้หญิงกับผู้ชายประเทศนี้มาเป็นสามีภรรยากันได้ไงหรอ?
การสร้างสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อาจจะช่วยให้คนเป็นคนได้มากกว่าเดิม
แต่การมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว ต้องมาริดรอนสิทธิ์ความเป็นคนของคนอื่น
*ถ้าคนเกิดมาแล้วเจอสังคมยัดเยียด ก็คงจะคุ้นชินกับสิ่งเหล่านั้น
แต่ในสายตาผมถือว่าการมีข้อห้ามอะไรที่มากเกินไป หรือในข้อความนั้นสามารถถูกมองได้ว่าเป็นการกดขี่ทางเพศ.
ผมไม่เห็นด้วยเลยครับ
ไม่ครับ ที่ประเทศนี้เป็นประเทศที่ไม่อนุญาต ให้ศาสนาอื่นเข้าเป็นเพราะ ที่นี่ถือเป็นดินเเดนศักดิ์สิทธิ์ ครับ ถ้าเป็นที่อื่นเาสามารถเข้าได้เเต่นี้จะเป็นศูนย์รวมของมุสลิมทั่วโลกครับ เราต้องเข้าใจถึงผมจะไม่ใช่มุสลิม เเต่ผมก็รู้ครับ เพื่อนผมบอกว่า ทุกสิ่งนั้นเพื่อที่จะบ่งบอกที่นีคือดินเเดงศักดิ์สิทธิ์ ครับทุกคนที่อยู่ที่นี่จะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้น ไม่ใช่ว่าถ้าศาสนาอื่นเข้าเเล้วห้ามเเสดงออก เเต่ที่นั่นไม่มีศาสนาอื่นเลย เเล้วก็น่ะครับจริงๆไม่ใช่เเค่ผู้หญิงห้ามขับรถน่ะครับเเต่ผู้หญิงไม่สามารถทำด้วยซ้ำครับทำงานคืออกไปด้านนอก ผู้ชายจะต้องเลี้ยงครับประเทศเขาไม่ใช่กดสิทธิผู้หญิงให้ต่ำลงน่ะครับ เเต่ถ้ามองอีกเเง่หนึ่งนี่คือวิธี สร้างคุณค่าให้ผู้หญิง เเละยังเป็นการให้เกริยติผู็หญิงเเบบสุดๆ เเละประเทศนี้ยังเป็นประเทศที่ไม่มีการที่วัยรุ่นใจเเตกหรือท้องไม่มีพ่อ ทุกอย่างล้วนเป็นการป้องกันตั้งเเต่เเรก ถึงตอนนี้ผมอาจจะไม่ใช่มุสลิมเเต่ผมมีเพื่อนเป็นมุสลิม เเละผมเองก็เริ่มสนใจอิสลามเเล้ว เเละเรื่องที่คนนั้นห้ามเปลี่ยนศาสนาไม่ใช่ครับจริงอยู่ว่าเปลี่ยนไม่ได้ เเต่คนที่เป็นอิสลามไม่เปลี่ยนเองต่างหาก เเล้วเรื่องดูหนังผมคิดว่าศาสนาพุทธก็มี ศิล 5 เหมือนกันกฏที่ว่า ห้ามผิดลูกเมียเค้า ผมคิดว่าจริงๆถ้าประเทศเราไม่มีวัฒนธรรมตะวันตกเข้า มาประเทศเราก็คล้ายๆเขานั่นเเหละดูจากพระที่ไม่สามารถเเตะตัว ผู้หญิงได้ ที่ผมพูดมาทั้งนี่ผมเเค่ต้องการจะบอกในเเง่ของคนกลาง อย่างที่บอกผมไม่ใช่มุสลิมเเต่ผมก็เข้าใจศาสนาเขา ตราบใดที่ประเทศเขายังไม่ได้บังคับให้เราทำตามเขา เราก็อย่าไปพูดเเบบั้นเลย ต่างคนต่างอยู่เถอะครับ วัฒนธรรมของเขา ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ
เกิดมาเป็นพุทธ นี่ถือว่าเป็นบุญมากจริงๆ โชคดีแล้ว ปฏิบัติได้แค่ไหนก็ได้แค่นั้น ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆ จะดีจะเลวก็อยู่ที่นี่ กายกับใจ แต่ทุกศาสนาก็สอนให้ทุกคนเป็นคนดีหลักสำคัญมันอยู่ตรงนั้น ดังนั้น ไม่เปรียบศาสนานะ เลือกอิสระเลย
ขอบคุณคะ