ครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อไปเป็นสถาปนิกที่ "ปารีส" เมืองในฝัน


      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกเช่นเคย^^ สำหรับเรื่องที่นำมาฝากวันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ อ่านประสบการณ์เรียนต่อกันมาเยอะ ลองมาอ่านประสบการณ์การทำงานกันบ้างดีกว่า ขอบอกว่าห้ามพลาด เพราะเป็นประสบการณ์การเป็นสถาปนิกที่ฝรั่งเศส!



     สวัสดีค่ะชาวเด็กดี พี่ชื่อ 'ป้อ' ค่ะ พี่เรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาสถาปัตย์ฯ ที่จุฬาฯ หลังเรียนจบได้มีโอกาสทำ งานในบริษัทสถาปนิกชื่อดังในเมืองไทย พี่ทำงานอยู่ประมาณสองปีก็เริ่มเตรียมตัวเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อหาทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่โชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

      พี่บังเอิญทราบข่าวการรับสมัครทุนของบริษัทสถาปนิกที่พี่ชื่นชอบ เรนโซ่ เปียโน (Renzo Piano) สถาปนิกชื่อดังชาวอิตาเลียน ผู้ออกแบบปอมปิดูเซนเตอร์ (Pompidou Center) ที่ปารีส โดยทุนนี้เปิดให้สถาปนิกจบใหม่จากทั่วโลกส่งพอร์ตโฟลิโอ (portfolio) ไม่เกินสิบแผ่นเอสี่เข้ามาสมัคร และจะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่จะถูกรับ!! วันที่พี่ทราบข่าวนี้คือเวลาห้าวันก่อนปิดรับสมัคร เวลาก็กระชั้น แต่ใจมันอยากลอง พี่ใช้เวลาหลังเลิกงานตั้งใจทำพอร์ตโฟลิโออย่างดีที่สุด เมื่อถึงวันปิดรับสมัคร ผลงานของพี่ก็ถูกส่งไปทันเวลาพร้อมด้วยความหวังลึกๆ ว่าพี่จะได้รับโอกาสนี้

     
      เวลาผ่านไปไม่ถึงสองเดือน พี่ก็ได้รับข่าวอันยิ่งใหญ่ในชีวิต พี่ได้รับเลือกจากผู้สมัครมากกว่าพันคนทั่วโลก ให้ไปทำงานที่ปารีส พร้อมด้วยเงินทุนก้อนใหญ่ตรงหน้า วันที่พี่เห็นชื่อตัวเองในเว็บไซต์ของบริษัทเรนโซ่ เปียโน พร้อมด้วยคำพูดของครอบครัวที่ว่า “ป้อมาถูกทางแล้วล่ะลูก” วันนั้น...น้ำตาพี่ไหลออกมาอย่างกับนางงามจักรวาลได้มงกุฏอย่างไรอย่างนั้น พี่ถูกเลือกให้มาฝึกงานในบริษัทเรนโซ่ เปียโน สาขาปารีส เป็นเวลาหกเดือน พร้อมเงินทุน 10,000 ยูโร 
     
      เมื่อเราเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ เบื้องหน้า ก็ไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมาพี่อยู่กับที่บ้านตลอด ไม่เคยอยู่หอ ไม่เคยอยู่คนเดียว และนี่เป็นครั้งแรกที่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยตนเองโดยที่ไม่รู้จักใครเลยที่นั่น ก่อนเดินทางไปปารีส พี่มีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงสี่เดือน และด้วยคำเตือนของคุณเลขาฯ จากบริษัทในปารีสว่าคนที่ฝรั่งเศสและพนักงานในบริษัทใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร พี่ก็เครียดเลยค่ะ รีบไปเข้าคอร์สเรียนภาษาฝรั่งเศสแบบเร่งรัดหนึ่งเดือนด้วยความหวังว่า อย่างน้อยก็น่าจะพอเอาตัวรอด พอสั่งข้าวกินได้บ้าง นอกจากความรู้ทางภาษาฝรั่งเศสที่เป็นศูนย์แล้ว เสื้อผ้าอาภรณ์ที่จะเอาไว้ใช้หน้าหนาวก็แทบไม่มีด้วยเช่นกัน ปฏิบัติการช้อปกระหน่ำจึงเกิดขึ้น เสื้อหนาวเอย ผ้าพันคอเอย อาหารการกินก็มา มาม่า อาหารแห้งต่างๆ แม้กระทั่งกระติกน้ำ ร้อนและหม้อหุงข้าวก็ถูกแพ็คมากับกระเป๋าเดินทางด้วย


 
 
     ก้าวแรกที่เหยียบถึงสนามบิน ชาร์ล เดอ โกล (Charles de Gaulle) เป็นเวลาเช้ามืด คุณเลขาฯ ได้ส่งคนขับแท็กซี่มาถือป้ายชื่อยืนรอรับพี่หน้าทางออก เพื่อไปส่งยังโรงแรมใจกลางเมือง ซึ่งบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายสำหรับโรงแรมให้พี่ทั้งหมดก่อนจะหาห้องพักได้ ไม่อยากจะคิดถึงชีวิตหกเดือนข้างหน้าเลยว่าจะเลิศหรูขนาดไหน พี่เปิดกระจกรถสูดอากาศเช้าในปารีส เสียงวิทยุภาษาฝรั่งเศสแว่วเข้ามาในหู พร้อมกับเสียงของคนขับที่หันมาพูดกับพี่ว่า “Bienvenue à Paris! ยินดีต้อนรับสู่ปารีสครับ”...

      ในข้อเสียส่วนใหญ่มักจะมีข้อดีให้เราได้เรียนรู้เสมอ เมื่อมาถึงปารีส สิ่งแรกที่พี่ทำอย่างแรกคือ เที่ยวค่ะ พี่เดินชมเมืองอย่างตะบี้ตะบันราวกับเป็นวันสุดท้ายที่จะมาอยู่ที่นี่ แต่ยังไม่กล้านั่งรถใต้ดินเพราะได้ยินคำร่ำลือมาเยอะว่า ถ้าเราทำท่าทางเงอะงะเหมือนนักท่องเที่ยว เราจะกลายเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ พี่จึงใช้วิธีเดินอย่างเดียว บรรยากาศเมืองอันน่าเดิน น่าชม น่ามอง วันแรกที่มาถึงทำเอาพี่เดินเพลินมากกว่าห้ากิโลเมตร ขาลากจนวันรุ่งขึ้นเดินแทบไม่ไหว ผู้คนในเมืองโดยรอบแต่งตัวเก๋ไก๋ ดูใช้ชีวิตแบบชิลล์ๆ นั่งตากแดด ต่อคิวซื้อขนม จิบกาแฟ แต่ความชิลล์ของคนฝรั่งเศสบางทีก็ทำให้หงุดหงิดได้โดยเฉพาะเวลาทำเอกสารต่างๆ ที่แสนจะล่าช้า ยิ่งกว่าเช้าชามเย็นชามซะอีก พี่ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมาอดทนกับความชิลล์นี้


      ผ่านมาเป็นเดือนคุณเลขาฯ ยังหาที่พักให้พี่ไม่ได้ อยู่โรงแรมจนรากงอกแล้ว สบายมันก็สบายแต่มันไม่สะดวกกับชีวิตอย่างแรง ทำอาหารกินเองก็ไม่ได้ ต้องฝากท้องร้านข้างนอกตลอด ที่แย่ไปกว่านั้นคือพี่ยังเปิดบัญชีธนาคารไม่ได้ค่ะ เนื่องจากยังไม่ได้บัตรพำนักอาศัย (Carte de séjour) ที่นี่พอได้วีซ่าเข้าประเทศแล้ว ต้องต่อวีซ่าเป็นบัตรพำนักอาศัยถึงจะทำธุรกรรมต่างๆ ได้ เงินทุน 10,000 ยูโรที่จะโอนเข้ามาจากออฟฟิศที่อิตาลีเลยยังโอนมาไม่ได้ ทุกวันนี้ต้องยืมเงินที่บ้านมาประทังชีวิต หมดไปหลายหมื่นบาทแล้วจ้า  กว่าจะได้บัตรกว่าจะเปิดบัญชีได้ พี่ก็ก้าวพ้นขีดจำกัดของคำว่าอดทนไปแล้วค่ะ

     
      ในบรรยากาศชิลล์ๆ นี้ก็ยังมีข้อดีอยู่หลายอย่าง ออฟฟิศที่นี่ตามสัญญาจ้างระบุเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานหกโมงเย็น ไม่มีการตอกบัตร เขาถือว่าให้เกียรติพนักงานที่รู้ว่าควรจะจัดการตนเองยังไง เพราะฉะนั้นจะเข้างานเลิกงานกี่โมงก็ได้ เวลาพักกลางวันชั่วโมงครึ่ง ไม่รวมเวลาดื่มกาแฟพูดคุยกันหลังอาหาร และเนื่องจากเวลาพักที่ยาวนาน เพื่อนร่วมงานอิตาเลียนหลายคนจึงใช้เวลาพักกลางวันไปกับการว่ายน้ำ ชิลล์ไหมล่ะ ว่ายน้ำชั่วโมงนึง กินแซนด์วิซหลังว่ายอีกครึ่งชั่วโมง กลับมาออฟฟิศทำงานต่ออีกห้าหกชั่วโมง หลับสบายเลยวันนั้น

      
      พนักงานที่นี่มีทั้งหมดราวๆ เจ็ดสิบคน แต่ไม่มีคนเอเชียหัวดำแบบพี่เลย คนเอเชียส่วนใหญ่ในออฟฟิศมาจากอเมริกา ที่เหลือก็เป็นคนแถบยุโรปทั้งนั้น บรรยากาศการทำงานต่างกับเมืองไทยพอสมควร ไม่มีระบบซีเนียร์จูเนียร์ รุ่นพี่รุ่นน้อง ทุกคนเท่าเทียมกัน สามารถออกความเห็นข้ามหัวกันได้ โดยไม่มีใครห้าม คนที่สั่งงานเราได้คือเจ้าของบริษัทและหัวหน้าทีมเท่านั้น ประกอบกับโต๊ะทำงานที่เป็นแบบเปิดโล่ง จัดกรุ๊ปที่นั่งตามโปรเจกต์งานที่ทำ ทุกคนมองเห็นกันหมด ไม่เข้าใจงานส่วนไหนก็ตะโกนเรียกกันได้เลย สะดวกต่อการคุยงานมาก

       เนื่องจากพี่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน พอมาทำงานที่นี่จึงสามารถปรับตัวได้สบาย โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับเขียนแบบรวมถึงระบบจัดเก็บไฟล์ต่างๆ ก็ใกล้เคียงกับออฟฟิศเก่าที่ไทย แต่ที่นี่เน้นการทำแบบด้วยมือมากกว่าใช้คอมพิวเตอร์ แบบตรงไหนมีปัญหาก็สเกตช์แบบ ตัดโมเดล มานั่งคุยกัน ทำให้การทำงานในแต่ละวันไม่น่าเบื่อเลย ภาษาฝรั่งเศสพี่ก็พัฒนาขึ้นมากใช้งานได้พอสมควร และด้วยความรู้สึกที่สนุกกับการทำงานในทุกๆ วัน พี่ก็ทุ่มเทตั้งใจทำ งานโชว์ฝีมือเต็มที่ จากเด็กที่หัวหน้าไม่ค่อยเห็นหัว ความสามารถของพี่ก็เริ่มเข้าตาหัวหน้า พี่เลยได้มีโอกาสคุยเรื่องการทำงานต่อหลังหมดสัญญาด้วยค่ะ

 
     ทุกวันนี้ผ่านมาสิบปีแล้วจากเงินทุนในวันนั้น ทำให้พี่ได้เปิดโลกทัศน์ต่างๆ มากมายและยังคงมีความสุขสนุกในวิชาชีพสถาปนิก อาชีพที่สร้างความฝันให้กลายมาเป็นความจริง ด้วยความเชื่อที่ว่า ถ้าเราทำอะไรด้วยใจรัก ความสุขและความสนุกมักจะตามมาเสมอ พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนกล้าที่จะฝันและยืนหยัดในสิ่งที่ทำเพื่อไปให้ถึงฝัน เหมือนที่พี่มีโอกาสไปถึงค่ะ พี่มีเขียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดไว้ในหนังสือชื่อ “ตึก ตึก โป๊ะ” จังหวะชีวิตสถาปนิก จากทุนเรนโซ เปียโน สู่แดนมังกร สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศค่ะ หรือใครอยากติดตามก็มาคุยกันได้ที่เพจนี้เลย
www.facebook.com/ArchLifeRhythm      

     
   
      เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยค่ะ ถ้ามีโอกาสไปใช้ชีวิตแถมได้ทำงานที่ถนัดและรักในเมืองในฝันแบบนี้ คงเป็นอะไรที่ฟินมากกก ขอบคุณพี่ป้อด้วยที่มาเล่าเรื่องสนุกๆ ให้พวกเราได้ฟังกัน ^^
พี่ป้อฝากบอกด้วยว่า ใครอยากได้หนังสือของพี่ป้อล่ะก็ คอมเมนต์ได้เลย อย่าลืมใส่อีเมลด้วยนะคะ (เดี๋ยวพี่ป้อจะสุ่มอีเมลไปแจก) ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันแบบนี้ ก็เขียนส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เดี๋ยวนำมาลงแน่นอนจ้า
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Thaworn- Member 27 ก.ค. 59 16:16 น. 1

Oh!!!! Paris พี่เก่งมากเลย เคยคิดอยากจะเป็นสถาปนิกแต่เหมือนสมองจะไม่เข้า เสียใจ สู้ต่อไปๆๆ

ป.ล. อยากได้หนังสือจัง เขิลจุง

Thawoen.Somphob7@gmail.com 

3
กำลังโหลด
ป้อ กุลธิดา 30 ก.ค. 59 08:56 น. 5
ประกาศจ้า... พี่ปิดรับการแจกหนังสือแล้วนะจ๊ะ ถ้าน้องๆ คนไหนสนใจสามารถไปตามหากันได้ตามร้านหนังสือ (คิโนะ เอเชียบุค ศูนย์หนังสือจุฬาฯ) หรือจะสั่งออนไลน์ที่สำนักพิมพ์โดยตรงก็ inbox ไปที่ลิงค์นี้เลยได้เลยจ๊ะ https://www.facebook.com/LiZennPublishing/photos/?tab=album&album_id=1323609014321564&__mref=message ลิงค์ตัวอย่างหนังสือจ้า https://issuu.com/li-zenn/docs/_________________________________si ขอให้เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ ช่วยผลักดันน้องๆ ให้มีกำลังใจที่จะสู้เพื่อความฝันนะจ๊ะ เยี่ยม
0
กำลังโหลด

6 ความคิดเห็น

Thaworn- Member 27 ก.ค. 59 16:16 น. 1

Oh!!!! Paris พี่เก่งมากเลย เคยคิดอยากจะเป็นสถาปนิกแต่เหมือนสมองจะไม่เข้า เสียใจ สู้ต่อไปๆๆ

ป.ล. อยากได้หนังสือจัง เขิลจุง

Thawoen.Somphob7@gmail.com 

3
กำลังโหลด
Vipawan 28 ก.ค. 59 22:40 น. 2
ขอบคุณค่า สำหรับประสบการณ์ดีคะๆ เป็นอาชีพที่ต้องอดหลับอดนอน แชะ เหนื่อยสุดๆ อาชีพหนึ่ง เป็นกำลังใจให้ค่าาเยี่ยมเยี่ยม Vipawan.prommijit@gmail.com
1
ป้อ กุลธิดา 30 ก.ค. 59 08:36 น. 2-1
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ในหนังสือยังมีอีกหลายประสบการณ์เลยค่ะ เดี๋ยวติดต่อกลับไปนะคะ
0
กำลังโหลด
myylovekou 29 ก.ค. 59 10:08 น. 3
ปารีสสสส เมืองที่ต้องได้ไปในตอนยังไม่แก่ อยากอ่านประสบการณ์อยู่เมืองนี้ในมุมสถาปนิก^^ ivory_blackcat@hotmail.com ว้าว
2
กำลังโหลด
Iwannabeaachitec 29 ก.ค. 59 17:35 น. 4
พี่เก่งมากๆเลยค่ะ หนูก็ตั้งใจอยากเป็นสถาปนิกเหมือนกับพี่ อ่านแล้วมีกำลังใจมากเลยค่ะ โกรธอ่านหนังสือ ปล. อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตพี่จัง ขอหนังสือนะคะ อิอิ Sai.ij1527@gmail.com
1
ป้อ กุลธิดา 30 ก.ค. 59 08:41 น. 4-1
สู้ๆ นะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ ขอให้เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันน้องให้ไปถึงฝันนะ ไว้จะติดต่อกลับไปจ้า เยี่ยม
0
กำลังโหลด
ป้อ กุลธิดา 30 ก.ค. 59 08:56 น. 5
ประกาศจ้า... พี่ปิดรับการแจกหนังสือแล้วนะจ๊ะ ถ้าน้องๆ คนไหนสนใจสามารถไปตามหากันได้ตามร้านหนังสือ (คิโนะ เอเชียบุค ศูนย์หนังสือจุฬาฯ) หรือจะสั่งออนไลน์ที่สำนักพิมพ์โดยตรงก็ inbox ไปที่ลิงค์นี้เลยได้เลยจ๊ะ https://www.facebook.com/LiZennPublishing/photos/?tab=album&album_id=1323609014321564&__mref=message ลิงค์ตัวอย่างหนังสือจ้า https://issuu.com/li-zenn/docs/_________________________________si ขอให้เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ ช่วยผลักดันน้องๆ ให้มีกำลังใจที่จะสู้เพื่อความฝันนะจ๊ะ เยี่ยม
0
กำลังโหลด
-KITTINON- Member 4 ม.ค. 60 22:36 น. 6

ขอบคุณที่เล่าประสบการณ์ดีๆครับ เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากๆ อยากลองทำอะไรเเบบนี้บาง อย่างงี้มันต้องลองพยายามเเล้ว สู้เว้ยยยย!!55555

1
ป้อ กุลธิดา 22 ม.ค. 60 08:41 น. 6-1
ยินดีค่ะ สู้ๆ ใช้ชีวิตให้คุ้ม สนุกสนานนะ ติดตามเรื่องราวต่อๆ มาในแฟนเพจได้เลย :D https://www.facebook.com/ArchLifeRhythm
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด