สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ใครที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อนอก หรือกำลังมีแผนอยากไป วันนี้ พี่นิทาน มีเทคนิคดีๆ สำหรับการไปใช้ชีวิตกับโฮสต์แฟมิลี่ในต่างแดนมาให้น้องๆ ได้อ่านกัน
เป็นธรรมดาว่าเราอาจจะไม่คุ้นเคยและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะเราอาจไม่เคยไปยังประเทศนั้นๆ และไม่เคยรู้จักกับคนในประเทศนั้นเลย เทคนิคต่างๆ เหล่านี้สามารถใช้ได้จริงค่ะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม หวังว่าคงจะช่วยให้น้องๆ ได้นำไปใช้ได้บ้างสักข้อสองข้อนะคะ
1. อย่าอายที่จะพูดภาษาอื่น
สำหรับคนที่เลือกไปอยู่บ้านโฮสต์ที่พูดภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษ อย่ากลัวหรืออย่าอายที่จะฝึกพูดภาษานั้นๆ กับโฮสต์และกับคนที่บ้าน เพราะการที่เราได้ไปอยู่ประเทศของเค้าและอยู่ที่บ้านของคนที่ใช้ภาษานั้นถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ฝึกพูดจริงๆ แน่นอนว่าแรกๆ ไม่มีใครเก่งไปซะหมดหรอก เราอาจพูดบางคำไม่ได้ อาจพูดแล้วดูตลก หากมีคนหัวเราะก็อย่าเพิ่งท้อแท้ค่ะ ฝึกฝนเยอะๆ พูดเยอะๆ แล้วเราจะเก่งขึ้นเอง
2. นำของฝากติดไม้ติดมือไปด้วย
แรกพบโฮสต์เลยเราอาจมีของที่ระลึกจากเมืองไทยไปด้วยเพื่อเป็นมารยาทเล็กๆ น้อยๆ (อาจไม่ต้องมีก็ได้ค่ะ แล้วแต่เราเลย) น้องๆ เชื่อมั้ยคะว่าโฮสต์ชาวต่างชาติเค้าชอบของไทยๆ มาก ขนาดตุ๊กตาช้างตัวเล็กๆ หรือกระเป๋าผ้าชาวเขา เขาชอบกันมากๆ เลยค่ะ หรือถ้าเราไม่รู้ว่าจะหาอะไรไปฝากก็อาจอีเมลถามกันก่อนว่าโฮสต์ชอบอะไร อยากได้อะไรเป็นพิเศษจากเมืองไทยหรือเปล่า
อีกเรื่องที่น่าประทับใจเช่นกันก็คืออย่าลืมติดรูปถ่ายเราที่เมืองไทยไปด้วย เผื่อเอาไปเล่าให้โฮสต์ฟังว่าเมืองไทยเป็นยังไง ครอบครัวเราเป็นยังไง ก่อนกลับก็ให้เป็นที่ระลึกไว้เลยค่ะ เผื่อโฮสต์เอาไปติดที่บ้านไว้ดูเวลาคิดถึงเรา
3. อย่ากลัวที่จะถาม
เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะไม่รู้ในเรื่องต่างๆ เมื่อไปอยู่ต่างถิ่น ด้วยความแตกต่างของวัฒนธรรมและการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้นต้องกล้าที่จะถามทุกอย่างที่เราไม่รู้ เช่น อันนี้ทำยังไง อันนี้พูดว่าอะไร ถามเลยค่ะ อย่าคิดว่าเป็นคำถามไร้สาระเพราะไม่มีใครรู้มาก่อนทุกเรื่อง การถามคือสิ่งที่ดีและทำให้เราได้เรียนรู้และปรับตัวกับสิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้นค่ะ
4. เรื่องอาหารการกิน
เรามีสิทธิ์ที่จะบอกโฮสต์ว่าเราแพ้อาหารอะไรหรือกินอะไรไม่ได้บ้าง บางคนอาจเป็นมังสวิรัติก็ต้องรีบบอกโฮสต์ก่อนเพราะโฮสต์จะได้เตรียมการถูกว่าจะต้องทำอาหารไม่มีเนื้อสัตว์ให้เรา หากเป็นคนที่ไม่ค่อยเลือกกินอยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากค่ะ จากประสบการณ์ของพี่เคยไปอยู่บ้านที่กินมังสวิรัติ ตัวพี่เองชอบกินผักมากกกก แต่ไม่ได้เป็นมังฯ เรารู้อยู่แล้วก็คิดว่าไม่เป็นไร แต่พอไปอยู่จริงๆ ก็แอบทรมานเหมือนกันที่กินทุกมื้อโดยไม่มีเนื้อสัตว์ 555 (จะไปซื้อเนื้อมาทำกับข้าวเองก็เกรงใจเพราะบางบ้านก็ไม่เอาเนื้อเข้าบ้านเลย อันนี้ต้องถามดีๆ นะคะ เพื่อตัวเราเอง)
ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องกินข้าวกับที่บ้านโฮสต์อยู่แล้วแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าลืมบอกให้เขารู้ และที่สำคัญอย่าลืมเคารพกฎเกณฑ์และสิ่งที่บ้านของโฮสต์กินกันค่ะ หากมีอาหารใหม่ๆ แปลกตาที่ไม่กล้ากิน และเขาอยากให้เราลองก็ต้องลองดูนะคะ มันไม่แย่อย่างที่คิด และยังเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ด้วยนะ
5. มองโลกในแง่ดี ทำตัวให้มีความสุข
อาจเจอเรื่องไม่ถูกใจบ้าง แต่อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่บ้านเรา ยังไงเราก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์และใช้ชีวิตร่วมกับคนใหม่ๆ อย่าลืมทักทายกันทุกเช้าหรือทุกเย็นหลังกลับมาบ้าน หรือช่วยเหลืออะไรเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่ทำได้ เราเป็นคนไทยที่ขึ้นชื่อว่ายิ้มเก่ง เพราะงั้นอย่าลืมยิ้มเยอะๆ ทำตัวให้สนุกกับสิ่งที่เจอเข้าไว้ค่ะ
6. เคารพกฎเกณฑ์ของที่บ้าน
การไปอยู่บ้านคนอื่นนั้นเป็นธรรมดาว่าเราต้องเคารพกฎเกณฑ์ของที่บ้านนะคะ ตอนไปถึงเราอาจจะถามโฮสต์อีกครั้งว่าที่บ้านนี้มีกฎอะไรบ้าง มีะไรที่ห้ามทำบ้าง บางบ้านหากมีเด็กๆ อยู่แล้วน่าจะมีกฎนิดๆ หน่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ห้ามกลับบ้านดึกเกินสามทุ่ม ห้ามดูทีวีหลังสี่ทุ่ม สี่โมงเย็นต้องพาน้องหมาไปเดินเล่น หลังกินข้าวทุกคนต้องล้างจาน และอื่นๆ อีกมากมาย เราก็ลองคุยกับโฮสต์ว่ามีอะไรที่เราต้องทำหรือพอจะช่วยได้บ้าง ทำตัวให้โฮสต์รักเข้าไว้ค่ะ ดีที่สุด 555
7. ก่อนกลับบ้านอย่าลืมขอบคุณและบอกความในใจ
หลังจากใช้ชีวิตในต่างแดนและอยู่ร่วมกับโฮสต์แฟมิลี่มาเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่งแล้ว อย่าลืมบอกขอบคุณหรือบอกความในใจเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะจากลากัน ชาวต่างชาติมักบอกความรู้สึกกันตรงๆ อย่างไม่เคอะเขินสักเท่าไหร่ และการที่เราได้พูดความในใจไปก็เป็นสิ่งดีๆ ระหว่างเรากับโฮสต์เหมือนกันนะคะ เพราะบางทีแค่การกระทำอาจไม่ชัดเจนพอ เราชอบอะไร ประทับใจอะไรก็บอกไปเลยค่ะ หรือหากไม่กล้าบอกต่อหน้าก็กลับมาก็เขียนอีเมลไปหาซะหน่อยเป็นการปิดท้ายอย่างประทับใจค่ะ
หวังว่า 7 ข้อเหล่านี้จะช่วยให้น้องๆ ใช้ชีวิตกับโฮสต์แฟมิลี่ได้ง่ายขึ้นนะคะ การอยู่ร่วมกันคือการช่วยเหลือและเคารพกัน ขอให้มีความสุขและสนุกกับชีวิตต่างแดนนะคะ ^^
ข้อมูลจาก
2 ความคิดเห็น
ตุ๊กตาช้างตัวเล็กๆ นึกถึงยูเมะจาก nippon sweetie ของเจ้าหญิงผู้เลอโฉมเลยค่ะ อ่านนิยายเรื่องนี้ทำให้เราอยากลองไปเรียนแลกเปลี่ยนเลย ไม่ใช่เพราะเรื่องความรักนะ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างประเทศน่าไปอยู่มากเลย ประเทศญี่ปุ่น
อ่านเหมือนกันเลย ครบ5เล่มแล้วว55555
นำของฝากติดไม้ติดมือไปด้วย
พอลงสนามบิน ต ม กัก ถามไปถามมาสักพัก ออกตั๋วบินกลับทันที