สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันก่อน พี่พิซซ่า เพิ่งดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Split ไปค่ะ เป็นภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในปี 2017 นำแสดงโดยเจมส์ แมคอะวอย จากที่เห็นในตัวอย่างดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่มีบุคลิกในตัวถึง 24 บุคลิก และเขาได้ลักพาตัวเด็กสาว 3 คนไปกักขังไว้ค่ะ หลังได้เห็นตัวอย่างพี่ก็นึกถึงเรื่องราวของบิลลี่ มิลลิแกน ผู้มี 24 บุคลิกและลักพาตัวเด็กสาวไปทรมานและข่มขืนเหมือนกัน วันนี้พี่พิซซ่าเลยจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคดีนี้ให้ฟังค่ะ
บิลลี่ มิลลิแกน
Photo: http://www.dispatch.com/content/stories/local/2007/10/28/BILLY.ART_ART_10-28-07_A1_EV89AGB.html
คดีลักพาตัวผู้หญิงใกล้มหาวิทยาลัยมลรัฐโอไฮโอ
วันที่ 14 ตุลาคม 1977 นักศึกษาภาควิชาจักษุศาสตร์ถูกผู้ชายคนหนึ่งเอาปืนจี้บริเวณลานจอดรถมหาวิทยาลัย และบังคับพาตัวเธอไปยังบริเวณป่าใกล้ๆ กัน จากนั้นก็ลงมือข่มขืนเธอ หลังสำเร็จความใคร่ เขาก็บังคับให้เธอเขียนเช็คให้เขาเพื่อไปขึ้นเงิน ชายคนดังกล่าวยังลักพาตัวผู้หญิงอีก 2 คนไปข่มขืนในวันที่ 22 และ 26 ตุลาคม 1977 โดยจับตัวไปจากบริเวณรอบๆ มหาวิทยาลัยเดิมอีก
เหยื่อคนหนึ่งให้การว่า ชายคนที่จับตัวเธอไปพูดอังกฤษสำเนียงเยอรมัน เหยื่ออีกคนให้การว่าบางจังหวะชายคนที่จับเธอไปก็กลายเป็นผู้ชายที่ดูสุภาพมากๆ ขึ้นมา บางช่วงที่เขาดูเป็นคนดี เธอยังคิดเลยว่าถ้าได้เจอกันในสถานการณ์อื่นที่ไม่ใช่แบบนี้ เธอคงจะเดทกับเขาไปแล้ว แต่บางจังหวะเขาก็มีลักษณะคล้ายเด็กผู้หญิง 3 ขวบ
แม้คำให้การจากเหยื่อแต่ละคนจะฟังดูต่างกันเหมือนผู้ลงมือเป็นคนละคน แต่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวบิลลี่ มิลลิแกน วัย 22 ปีได้เพราะเหยื่อจำหน้าเขาจากรูปภาพในทะเบียนประวัติอาชญากรได้ เนื่องจากเขาถูกกล่าวหาว่าข่มขืนผู้หญิงมาก่อน และต้องโทษปล้นทรัพย์ไปเมื่อปีก่อนหน้านั้น ตำรวจจึงมีลายนิ้วมือของเขา และเมื่อตรวจแล้วก็พบว่าตรงกับลายนิ้วมือบนรถของเหยื่อ
เหยื่อคนหนึ่งให้การว่า ชายคนที่จับตัวเธอไปพูดอังกฤษสำเนียงเยอรมัน เหยื่ออีกคนให้การว่าบางจังหวะชายคนที่จับเธอไปก็กลายเป็นผู้ชายที่ดูสุภาพมากๆ ขึ้นมา บางช่วงที่เขาดูเป็นคนดี เธอยังคิดเลยว่าถ้าได้เจอกันในสถานการณ์อื่นที่ไม่ใช่แบบนี้ เธอคงจะเดทกับเขาไปแล้ว แต่บางจังหวะเขาก็มีลักษณะคล้ายเด็กผู้หญิง 3 ขวบ
แม้คำให้การจากเหยื่อแต่ละคนจะฟังดูต่างกันเหมือนผู้ลงมือเป็นคนละคน แต่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวบิลลี่ มิลลิแกน วัย 22 ปีได้เพราะเหยื่อจำหน้าเขาจากรูปภาพในทะเบียนประวัติอาชญากรได้ เนื่องจากเขาถูกกล่าวหาว่าข่มขืนผู้หญิงมาก่อน และต้องโทษปล้นทรัพย์ไปเมื่อปีก่อนหน้านั้น ตำรวจจึงมีลายนิ้วมือของเขา และเมื่อตรวจแล้วก็พบว่าตรงกับลายนิ้วมือบนรถของเหยื่อ
ตำรวจ จิตแพทย์ และทนายเริ่มสงสัยว่าเขาจะมีหลายบุคลิก
เอลเลียต บ็อกเซอร์บาม อดีตผู้กำกับที่ดูแลบริเวณมหาวิทยาลัยมลรัฐโอไฮโอในขณะนั้น เป็นผู้จับกุมตัวบิลลี่เอง เขาให้สัมภาษณ์ว่าตอนนั้นเขาอธิบายไม่ถูกเลยว่ากำลังคุยกับใครอยู่ เพราะเหมือนทุกครั้งที่เขาคุยด้วย บิลลี่จะกลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าคนใหม่ทุกครั้ง หมอที่ต้องมาตรวจร่างกายของบิลลี่ตามขั้นตอนก็รู้สึกจับสังเกตเรื่องนี้ได้เหมือนกัน ทนายความของบิลลี่เองก็สังเกตเห็น เขาจึงไปแจ้งอัยการว่าเขาจะบอกกับศาลว่าบิลลี่มีความผิดปกติทางจิต จากนั้นจึงส่งจิตแพทย์ไปประเมินบิลลี่
รายงานฉบับแรกของจิตแพทย์ที่ยื่นต่อศาลระบุว่า "ชายชาวยูโกสลาเวียวัย 23 ปีที่ชื่อเรเกน เป็นผู้ยึดจิตใต้สำนึกและสติสัมปชัญญะของบิลลี่ มิลลิแกนแ ละเป็นผู้ก่อเหตุปล้นผู้อื่น แต่ก่อนที่เรเกนจะปล้นใครได้เพิ่มอีก เลสเบียนวัย 19 ปีที่ชื่ออดาลาน่าก็เข้าควบคุมร่างกายของบิลลี่ และข่มขืนผู้หญิงเพราะเธอรู้สึกว่าอยากใกล้ชิดใครบางคน ซึ่งระหว่างเกิดเหตุนั้นบุคลิกอื่นรวมถึงตัวบิลลี่เองไม่มีความทรงจำของช่วงเวลาดังกล่าวเลย"
แน่นอนว่าในทีแรกฝั่งอัยการไม่อยากจะเชื่อเรื่องแบบนี้ และกลัวว่าจะเป็นแค่ข้ออ้างที่นำมาใช้เพื่อให้บิลลี่ มิลลิแกน พ้นผิด เขาจึงนัดสอบสวนบิลลี่ส่วนตัว และมีอัยการคนอื่นคอยดูอยู่ นั่นทำให้เขาได้เห็นบิลลี่ มิลลิแกน ค่อยๆ เปลี่ยนตัวตนไปเรื่อยๆ อัยการอีกคนที่ดูอยู่ก็ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าเขาเห็นบุคลิกที่มากมาย และแต่ละบุคลิกก็มีวิธีพูดที่ต่างกัน สำเนียงต่างกัน แม้แต่ท่านั่งบนเก้าอี้ยังแตกต่างกันไปด้วย
คุณหมอจอร์จ ฮาร์ดิง จิตแพทย์ชื่อดังในตอนนั้น และผู้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลฮาร์ดิงเข้ามาดูแลบิลลี่เป็นเวลาหลายเดือน และสรุปว่าบิลลี่เป็นโรคหลายบุคลิก หลักฐานต่างๆ ชี้ว่าร่างกายบิลลี่กระทำความผิดไปจริง แต่บิลลี่ไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะข้างในไม่ใช่ตัวเขา ผู้พิพากษาจึงให้เขาไม่ต้องรับโทษเพราะมีอาการทางจิต และให้ส่งตัวไปรักษาที่ศูนย์สุขภาพจิตเอเธนส์ ทำให้บิลลี่เป็นจำเลยคนแรกในอเมริกาที่รอดจากความผิดด้วยอาการหลายบุคลิก
รายงานฉบับแรกของจิตแพทย์ที่ยื่นต่อศาลระบุว่า "ชายชาวยูโกสลาเวียวัย 23 ปีที่ชื่อเรเกน เป็นผู้ยึดจิตใต้สำนึกและสติสัมปชัญญะของบิลลี่ มิลลิแกนแ ละเป็นผู้ก่อเหตุปล้นผู้อื่น แต่ก่อนที่เรเกนจะปล้นใครได้เพิ่มอีก เลสเบียนวัย 19 ปีที่ชื่ออดาลาน่าก็เข้าควบคุมร่างกายของบิลลี่ และข่มขืนผู้หญิงเพราะเธอรู้สึกว่าอยากใกล้ชิดใครบางคน ซึ่งระหว่างเกิดเหตุนั้นบุคลิกอื่นรวมถึงตัวบิลลี่เองไม่มีความทรงจำของช่วงเวลาดังกล่าวเลย"
แน่นอนว่าในทีแรกฝั่งอัยการไม่อยากจะเชื่อเรื่องแบบนี้ และกลัวว่าจะเป็นแค่ข้ออ้างที่นำมาใช้เพื่อให้บิลลี่ มิลลิแกน พ้นผิด เขาจึงนัดสอบสวนบิลลี่ส่วนตัว และมีอัยการคนอื่นคอยดูอยู่ นั่นทำให้เขาได้เห็นบิลลี่ มิลลิแกน ค่อยๆ เปลี่ยนตัวตนไปเรื่อยๆ อัยการอีกคนที่ดูอยู่ก็ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าเขาเห็นบุคลิกที่มากมาย และแต่ละบุคลิกก็มีวิธีพูดที่ต่างกัน สำเนียงต่างกัน แม้แต่ท่านั่งบนเก้าอี้ยังแตกต่างกันไปด้วย
คุณหมอจอร์จ ฮาร์ดิง จิตแพทย์ชื่อดังในตอนนั้น และผู้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลฮาร์ดิงเข้ามาดูแลบิลลี่เป็นเวลาหลายเดือน และสรุปว่าบิลลี่เป็นโรคหลายบุคลิก หลักฐานต่างๆ ชี้ว่าร่างกายบิลลี่กระทำความผิดไปจริง แต่บิลลี่ไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะข้างในไม่ใช่ตัวเขา ผู้พิพากษาจึงให้เขาไม่ต้องรับโทษเพราะมีอาการทางจิต และให้ส่งตัวไปรักษาที่ศูนย์สุขภาพจิตเอเธนส์ ทำให้บิลลี่เป็นจำเลยคนแรกในอเมริกาที่รอดจากความผิดด้วยอาการหลายบุคลิก
เพราะอะไรเขาถึงเป็นโรคหลายบุคลิก
จิตแพทย์ต่างลงความเห็นว่าน่าจะเป็นเพราะประสบการณ์วัยเด็กที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเขา เราลองมาดูประวัติของบิลลี่ มิลลิแกนกันค่ะ
บิลลี่เกิดในปี 1955 ที่ไมอามี่ มีชื่อเต็มว่าวิลเลียม สแตนลีย์ มอร์ริสัน เป็นลูกชายของนักแสดงตลกชื่อจอห์น มอร์ริสัน และนักร้องสาวชื่อโดโรธี แซนด์ บิลลี่มีพี่ชาย 1 คนและน้องสาว 1 คนจากพ่อแม่เดียวกัน แต่ในตอนนั้นพ่อของเขาจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงอีกคนอยู่ พ่อของเขาเป็นโรคซีมเศร้าและติดแอลกอฮอล์ ตอนที่บิลลี่อายุ 4 ขวบพ่อของเขาก็ฆ่าตัวตาย จากนั้นแม่ของเขาก็กลับไปแต่งงานกับอดีตสามีก่อนที่จะหย่าอีกครั้ง
ในปี 1963 แม่ของบิลลี่แต่งงานกับคาลเมอร์ มิลลิแกน และย้ายครอบครัวไปอยู่กันที่แลงแคสเตอร์ บิลลี่บอกจิตแพทย์ว่าพ่อเลี้ยงคนนี้ข่มขืนและทรมานเขาโดยจับเขาฝังทั้งเป็นหรือจับเขาห้อยลงมาโดยมัดนิ้วเท้าห้อยเอาไว้ (คาลเมอร์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่เคยต้องรับโทษ) การถูกทำทารุณต่างๆ น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บิลลี่เริ่มสร้างตัวตนอื่นๆ ขึ้นมา และนับจากนั้นเขาก็เจอปัญหาอยู่เรื่อยๆ
เขาโดนพักการเรียนตอนอยู่ม.ต้นเพราะมักเหมือนขาดสติและเดินไปทั่วเมืองในเวลาเรียน พ่อแม่จึงส่งตัวเขาไปโรงพยาบาลจิตเวชของรัฐ สามเดือนต่อมาโรงพยาบาลก็ให้เขาออกเพราะพฤติกรรมของเขารุนแรงเหลือจะรับมือไหว จากนั้นเขากลับไปเรียนต่อม.ปลายแต่ก็โดนไล่ออกอีก และเมื่อเข้าโรงเรียนทหารเรือเพราะหวังจะทำให้พฤติกรรมตัวเองเข้าที่เข้าทางขึ้น เขาก็โดนไล่ออกหลังเข้าไปได้เพียงเดือนเดียว เพราะเขาไม่สามารถเข้ากับวิถีชีวิตทหารได้
ในปี 1972 บิลลี่กับเพื่อนออกไปหิ้วสาวกัน สองสามวันต่อมาสาวๆ เหล่านั้นมาแจ้งความว่าถูกบิลลี่และเพื่อนข่มขืน แต่พวกเขาแย้งว่าสาวๆ กลุ่มนี้เป็นโสเภณีที่พวกเขาซื้อไป แต่พอถึงเวลาจริงบิลลี่ไม่สามารถปฏิบัติกิจทางเพศได้ พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะจ่ายค่าบริการ แต่ผู้พิพากษาตัดสินว่าบิลลี่และเพื่อนผิดจริง และต้องถูกคุมขังที่ค่ายเยาวชนเป็นเวลา 6 เดือน
หลังถูกปล่อยตัว บุคลิกต่างๆ ก็เริ่มปรากฏออกมาชัดเจนขึ้น บางบุคลิกทำหน้าที่เหมือนเป็นบอดี้การ์ดให้เขา ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกผู้ชายสองคนที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงจับตัวไปในปั๊ม แต่พอรู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่าเขาต่อยผู้ชายทั้งสองจนสลบและยังคว้ากระเป๋าสตางค์ของทั้งคู่มาได้อีกด้วย ในปี 1975 เขาโดนจับหลังบุกปล้นร้านขายยาในเมืองแลงแคสเตอร์ บิลลี่ติดคุกอยู่ 2 ปี และหลังถูกปล่อยตัวมาได้ 6 เดือนก็เกิดคดีลักพาตัวและข่มขืนใกล้มหาวิทยาลัยโอไฮโอ
บิลลี่เกิดในปี 1955 ที่ไมอามี่ มีชื่อเต็มว่าวิลเลียม สแตนลีย์ มอร์ริสัน เป็นลูกชายของนักแสดงตลกชื่อจอห์น มอร์ริสัน และนักร้องสาวชื่อโดโรธี แซนด์ บิลลี่มีพี่ชาย 1 คนและน้องสาว 1 คนจากพ่อแม่เดียวกัน แต่ในตอนนั้นพ่อของเขาจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงอีกคนอยู่ พ่อของเขาเป็นโรคซีมเศร้าและติดแอลกอฮอล์ ตอนที่บิลลี่อายุ 4 ขวบพ่อของเขาก็ฆ่าตัวตาย จากนั้นแม่ของเขาก็กลับไปแต่งงานกับอดีตสามีก่อนที่จะหย่าอีกครั้ง
ในปี 1963 แม่ของบิลลี่แต่งงานกับคาลเมอร์ มิลลิแกน และย้ายครอบครัวไปอยู่กันที่แลงแคสเตอร์ บิลลี่บอกจิตแพทย์ว่าพ่อเลี้ยงคนนี้ข่มขืนและทรมานเขาโดยจับเขาฝังทั้งเป็นหรือจับเขาห้อยลงมาโดยมัดนิ้วเท้าห้อยเอาไว้ (คาลเมอร์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่เคยต้องรับโทษ) การถูกทำทารุณต่างๆ น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บิลลี่เริ่มสร้างตัวตนอื่นๆ ขึ้นมา และนับจากนั้นเขาก็เจอปัญหาอยู่เรื่อยๆ
เขาโดนพักการเรียนตอนอยู่ม.ต้นเพราะมักเหมือนขาดสติและเดินไปทั่วเมืองในเวลาเรียน พ่อแม่จึงส่งตัวเขาไปโรงพยาบาลจิตเวชของรัฐ สามเดือนต่อมาโรงพยาบาลก็ให้เขาออกเพราะพฤติกรรมของเขารุนแรงเหลือจะรับมือไหว จากนั้นเขากลับไปเรียนต่อม.ปลายแต่ก็โดนไล่ออกอีก และเมื่อเข้าโรงเรียนทหารเรือเพราะหวังจะทำให้พฤติกรรมตัวเองเข้าที่เข้าทางขึ้น เขาก็โดนไล่ออกหลังเข้าไปได้เพียงเดือนเดียว เพราะเขาไม่สามารถเข้ากับวิถีชีวิตทหารได้
ในปี 1972 บิลลี่กับเพื่อนออกไปหิ้วสาวกัน สองสามวันต่อมาสาวๆ เหล่านั้นมาแจ้งความว่าถูกบิลลี่และเพื่อนข่มขืน แต่พวกเขาแย้งว่าสาวๆ กลุ่มนี้เป็นโสเภณีที่พวกเขาซื้อไป แต่พอถึงเวลาจริงบิลลี่ไม่สามารถปฏิบัติกิจทางเพศได้ พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะจ่ายค่าบริการ แต่ผู้พิพากษาตัดสินว่าบิลลี่และเพื่อนผิดจริง และต้องถูกคุมขังที่ค่ายเยาวชนเป็นเวลา 6 เดือน
หลังถูกปล่อยตัว บุคลิกต่างๆ ก็เริ่มปรากฏออกมาชัดเจนขึ้น บางบุคลิกทำหน้าที่เหมือนเป็นบอดี้การ์ดให้เขา ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกผู้ชายสองคนที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงจับตัวไปในปั๊ม แต่พอรู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่าเขาต่อยผู้ชายทั้งสองจนสลบและยังคว้ากระเป๋าสตางค์ของทั้งคู่มาได้อีกด้วย ในปี 1975 เขาโดนจับหลังบุกปล้นร้านขายยาในเมืองแลงแคสเตอร์ บิลลี่ติดคุกอยู่ 2 ปี และหลังถูกปล่อยตัวมาได้ 6 เดือนก็เกิดคดีลักพาตัวและข่มขืนใกล้มหาวิทยาลัยโอไฮโอ
แนวทางการรักษาของศูนย์สุขภาพจิตเอเธนส์
คุณหมอเดวิด คาล เป็นจิตแพทย์ผู้รักษาบิลลี่ที่ศูนย์สุขภาพจิตเอเธนส์ค่ะ คุณหมอตั้งใจว่าจะรักษาโดยการหลอมรวมทุกบุคลิกให้กลายเป็นเพียงบุคลิกเดียว แต่พอเริ่มรักษาไปได้เล็กน้อยก็พบว่าตัวบิลลี่เองเริ่มหลอมบุคลิกต่างๆ เข้าด้วยกันแล้ว เป็นบุคลิกที่มีชื่อว่าคุณครู (The Teacher)
คุณครูช่วยให้บุคลิกอื่นๆ รู้ข้อดีและความสามารถพิเศษของตัวเอง แถมคุณครูไม่เคยยึดจิตใต้สำนึกของบิลลี่ไปจนหมดเหมือนบุคลิกอื่นๆ ด้วย คุณหมอเดวิดรับรู้ถึงการมีตัวตนของบุคลิก "คุณครู" จากการพูดคุยกับบุคลิกของเรเกน ผู้ควบคุมร่างกายให้ไปปล้น จากนั้นคุณหมอก็เอาวิดีโอที่บันทึกการพูดคุยกับเรเกนไปเปิดให้บิลลี่ดู ถือเป็นครั้งแรกที่บิลลี่ได้เห็นหลักฐานว่าเขามีบุคลิกอื่นในตัว จากนั้นในเดือนธันวาคมปี 1978 คุณหมอก็สามารถเรียกคุณครูให้ออกมาควบคุมจิตใต้สำนึกบิลลี่ได้สำเร็จ และนั่นเป็นครั้งแรกที่บิลลี่ได้รู้สึกเหมือนเป็นตัวเองตัวคนเดียวแบบเต็มๆ เป็นครั้งแรก
คุณครูช่วยให้บุคลิกอื่นๆ รู้ข้อดีและความสามารถพิเศษของตัวเอง แถมคุณครูไม่เคยยึดจิตใต้สำนึกของบิลลี่ไปจนหมดเหมือนบุคลิกอื่นๆ ด้วย คุณหมอเดวิดรับรู้ถึงการมีตัวตนของบุคลิก "คุณครู" จากการพูดคุยกับบุคลิกของเรเกน ผู้ควบคุมร่างกายให้ไปปล้น จากนั้นคุณหมอก็เอาวิดีโอที่บันทึกการพูดคุยกับเรเกนไปเปิดให้บิลลี่ดู ถือเป็นครั้งแรกที่บิลลี่ได้เห็นหลักฐานว่าเขามีบุคลิกอื่นในตัว จากนั้นในเดือนธันวาคมปี 1978 คุณหมอก็สามารถเรียกคุณครูให้ออกมาควบคุมจิตใต้สำนึกบิลลี่ได้สำเร็จ และนั่นเป็นครั้งแรกที่บิลลี่ได้รู้สึกเหมือนเป็นตัวเองตัวคนเดียวแบบเต็มๆ เป็นครั้งแรก
ภาพวาดฝีมือของบิลลี่ที่แสดง 7 บุคลิกในตัวเขา
อัลเลน, ทอมมี่, อาเธอร์, อดาลาน่า, คริสตีน, เรเกน, เควิน
บุคลิกต่างๆ ในตัวของบิลลี่ มิลลิแกน
ลองมาดูลิสต์บุคลิกต่างๆ ในตัวบิลลี่ มิลลิแกน เจ้าตัวเคยบอกว่า ตัวเองเหมือนมีผู้คนมากมายยืนอยู่ข้างในห้อง และมีไฟสป็อตไลท์ 1 ดวงที่ส่องมาตรงกลาง ถ้าบุคลิกไหนจะเข้าครอบครอง ณ ตอนนั้นก็จะมายืนตรงกลางไฟ ส่วนบุคลิกอื่นๆ จะเหมือนเป็นเงามืดๆ อยู่รอบห้อง ทั้งหมดนี้เป็นบุคลิกที่พบในปี 1978
1. บิลลี่ อายุ 23 เป็นบุคลิกหลักหรือตัวตนจริงๆ ของบิลลี่นั่นเอง มักจะโดนบุคลิกอื่นกดให้หลับเพื่อความปลอดภัยของเขาเอง เพราะช่วงแรกๆ ที่เขาเริ่มรู้ว่าตัวเองมีบุคลิกอื่นและได้ทำอะไรไม่ดีลงไป บิลลี่จะพยายามฆ่าตัวตายอยู่เสมอ เขาสูง 180 ซม. และหนัก 86 กิโลกรัม (ส่วนสูงและน้ำหนักจริงของเจ้าตัว)
2. เรเกน วาดาสโควินิช อายุ 23 เป็นชายชาวยูโกสลาเวียมีนิสัยดุร้าย เป็นบุคลิกที่จะออกมาปกป้องบุคลิกอื่นๆ เมื่อตัวบิลลี่เองตกอยู่ในอันตราย พูดภาษาอังกฤษสำเนียงสลาวิก เป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธ การต่อสู้ระยะประชิด และสามารถควบคุมระดับอะดรีนาลีนในร่างกายเพื่อให้ตัวเองแข็งแรงเป็นพิเศษด้วย เขาหนัก 95 กิโลกรัม มีหนวด และตาบอดสี
3. อาเธอร์ อายุ 22 ชายชาวอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่เข้าควบคุมร่างกายอยู่บ่อยๆ เหมือนเรเกน แต่อาเธอร์จะโผล่มาในช่วงที่สถานการณ์รอบข้างสงบสุข นอกจากนี้อาเธอร์ยังเป็นคนตัดสินใจว่าตอนนี้ใครควรจะออกมาอยู่ตรงสป็อตไลท์ เขาเป็นคนมีเหตุผล ใจเย็น วางแผนเก่ง เรียนหมอและวิทยาศาสตร์ ใส่แว่นตา และฉลาดมากกว่าบุคลิกอื่นอย่างเห็นได้ชัด
4. อดาลาน่า อายุ 19 เป็นสาวเลสเบี้ยนที่ทำกับข้าวและอาหารให้บุคลิกอื่นๆ เป็นคนโดดเดี่ยว ขี้เหงา ชอบแต่งกลอน และต้องการความรัก เธอมักจะขโมยตำแหน่งสป็อตไลท์จากบุคลิกอื่นๆ
5. อัลเลน อายุ 18 เป็นเด็กหนุ่มหัวไวช่างเจรจา บุคลิกนี้ก็ออกมาบ่อยและมักเป็นคนแก้ตัวแทนให้บุคลิกอื่นๆ ชอบตีกลองและวาดภาพเหมือน เป็นบุคลิกเดียวที่สูบบุหรี่และถนัดขวา หนัก 79 กิโลกรัม
6. ทอมมี่ อายุ 16 ปี เป็นเด็กหนุ่มที่มีทักษะงัดแงะสะเดาะกลอน สามารถปลดกุญแจมือและเสื้อรัดคนบ้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว ชอบเล่นแซ็กโซโฟนและสนใจพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าและแผงวงจร
7. แดนนี่ อายุ 14 เป็นเด็กผู้ชายที่กลัวผู้คนเอามากๆ โดยเฉพาะผู้ชาย เขาคือบุคลิกที่โดนพ่อเลี้ยงจับฝังทั้งเป็น เป็นเด็กตัวเตี้ยและผอมมาก วาดภาพได้เฉพาะคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
8. คริสโตเฟอร์ อายุ 13 เป็นเด็กชายชาวอังกฤษ ชอบเป่าฮาร์โมนิก้า แต่ไม่ค่อยออกมาตรงสป็อตไลท์ซักเท่าไร
9. คริสตีน อายุ 3 ขวบเป็นน้องสาวของคริสโตเฟอร์ เป็นโรคบกพร่องทางการเรียนรู้แต่อาเธอร์สอนให้เธอพออ่านออกเขียนได้ เรเกนเองก็รักคริสตีนมากและมักปกป้องเธอเป็นพิเศษ
10. เดวิด อายุ 8 ขวบ เป็นผู้รับความเจ็บปวดแทนทุกคน เขาจะโผล่มาตรงสป็อตไลท์เมื่อบุคลิกอื่นๆ เจ็บปวด
ทั้ง 10 บุคลิกข้างต้นคือบุคลิกหลักที่อาเธอร์และเรเกนชอบ และอนุญาตให้ออกมาได้บ่อยๆ แต่ในตัวบิลลี่ยังมีอีก 13 บุคลิกที่อาเธอร์และเรเกนแอนตี้ เพราะบุคลิกเหล่านี้ทำผิดกฎที่อาเธอร์และเรเกนตั้งไว้ จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาได้อีก
11. ฟิล เป็นนักเลงที่ทำความผิดหลายครั้ง พูดสำเนียงบรู๊คลิน ถูกห้ามออกมาอีกเพราะเป็นอาชญากร
12. เควิน เป็นคนวางแผนปล้นร้านขายยา จึงโดนห้ามออกมาอีกเช่นกัน
13. วอลเตอร์ เป็นคนออสเตรเลีย เป็นนายพรานที่มีทักษะสูงมาก ถูกห้ามออกมาเพราะยิงอีกาตาย
14. เอพริล สาวน้อยที่คิดแต่จะทำลายพ่อเลี้ยงของบิลลี่ เธอถูกอาเธอร์แบนเพราะเธอพยายามกล่อมเรเกนให้ฆ่าพ่อเลี้ยงของบิลลี่ ดีที่อาเธอร์เข้ามาช่วยทันและคุยกับเรเกนให้ล้มเลิกความคิด
15. ซามูเอล ชายชาวยิว เป็นบุคลิกเดียวที่เชื่อในพระเจ้า ถูกแบนเพราะแอบเอาภาพวาดส่วนตัวของบุคลิกอื่นๆ ไปขายโดยไม่ขออนุญาต
16. มาร์ก เป็นบุคลิกที่บุคลิกอื่นเรียกว่าซอมบี้ เพราะเขาเอาแต่นั่งจ้องกำแพง เขาทำอะไรเองไม่ได้เลยถ้าบุคลิกอื่นไม่สั่ง
17. สตีฟ เป็นนักเลียนแบบ เขามักจะเลียนแบบบุคคลอื่นเป็นมุกตลกอยู่เสมอ เขาถูกแบนเพราะมุกของเขาทำให้เกิดปัญหาในครอบครัวบ่อยๆ
18. ลี เป็นคนขี้แกล้ง และชอบแกล้งคนอื่นโดยไม่แคร์ว่าจะมีอะไรตามมา จึงถูกแบนเพราะมุกของเขาทำให้ทุกคนโดนลงโทษไปด้วย
19. เจสัน เดิมเป็นตัวปล่อยความเครียดของทุกคน แต่หลังๆ มักจะสร้างเรื่องให้คนอื่นจึงถูกแบน
20. บ็อบบี้ ชอบฝันว่าจะได้ผจญภัยและได้แก้ไขปัญหาระดับโลก แต่เขาไม่เคยลงมือทำอะไรเลย
21. ชอว์น เด็กหูหนวกอายุ 4 ขวบ ชอบทำเสียงหึ่งๆ เพื่อสัมผัสการสั่นสะเทือนในหัว เขาถูกแบนจากสป็อตไลท์เพราะความหูหนวกไม่ได้มีประโยชน์กับตัวตนอื่น แต่เขาได้รับอนุญาตให้ยืนข้างๆ สป็อตไลท์ ไม่ต้องหลบไปยืนในความมืดไกลๆ แบบบุคลิกอื่นที่โดนแบน
22. มาร์ติน เป็นชายชาวนิวยอร์กที่หยิ่งยโสมาก ไม่เคยทำอะไรเลยแต่อยากให้คนอื่นมาบริการ
23. ทิโมธี พนักงานร้านดอกไม้ที่เคยโดนเกย์เข้ามาลวนลามครั้งหนึ่ง จากนั้นบุคลิกนี้ก็ไม่เคยออกมาอีกเลย
และบุคลิกสุดท้ายซึ่งเป็นบุคลิกที่ 24 ของบิลลี่ก็คือคุณครูค่ะ ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในการหลอมรวมบุคลิกต่างๆ ในตัวบิลลี่เข้าด้วยกัน คุณครูสามารถจดจำสิ่งที่แต่ละบุคลิกทำหรือคิดได้ทั้งหมด
1. บิลลี่ อายุ 23 เป็นบุคลิกหลักหรือตัวตนจริงๆ ของบิลลี่นั่นเอง มักจะโดนบุคลิกอื่นกดให้หลับเพื่อความปลอดภัยของเขาเอง เพราะช่วงแรกๆ ที่เขาเริ่มรู้ว่าตัวเองมีบุคลิกอื่นและได้ทำอะไรไม่ดีลงไป บิลลี่จะพยายามฆ่าตัวตายอยู่เสมอ เขาสูง 180 ซม. และหนัก 86 กิโลกรัม (ส่วนสูงและน้ำหนักจริงของเจ้าตัว)
2. เรเกน วาดาสโควินิช อายุ 23 เป็นชายชาวยูโกสลาเวียมีนิสัยดุร้าย เป็นบุคลิกที่จะออกมาปกป้องบุคลิกอื่นๆ เมื่อตัวบิลลี่เองตกอยู่ในอันตราย พูดภาษาอังกฤษสำเนียงสลาวิก เป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธ การต่อสู้ระยะประชิด และสามารถควบคุมระดับอะดรีนาลีนในร่างกายเพื่อให้ตัวเองแข็งแรงเป็นพิเศษด้วย เขาหนัก 95 กิโลกรัม มีหนวด และตาบอดสี
3. อาเธอร์ อายุ 22 ชายชาวอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่เข้าควบคุมร่างกายอยู่บ่อยๆ เหมือนเรเกน แต่อาเธอร์จะโผล่มาในช่วงที่สถานการณ์รอบข้างสงบสุข นอกจากนี้อาเธอร์ยังเป็นคนตัดสินใจว่าตอนนี้ใครควรจะออกมาอยู่ตรงสป็อตไลท์ เขาเป็นคนมีเหตุผล ใจเย็น วางแผนเก่ง เรียนหมอและวิทยาศาสตร์ ใส่แว่นตา และฉลาดมากกว่าบุคลิกอื่นอย่างเห็นได้ชัด
4. อดาลาน่า อายุ 19 เป็นสาวเลสเบี้ยนที่ทำกับข้าวและอาหารให้บุคลิกอื่นๆ เป็นคนโดดเดี่ยว ขี้เหงา ชอบแต่งกลอน และต้องการความรัก เธอมักจะขโมยตำแหน่งสป็อตไลท์จากบุคลิกอื่นๆ
5. อัลเลน อายุ 18 เป็นเด็กหนุ่มหัวไวช่างเจรจา บุคลิกนี้ก็ออกมาบ่อยและมักเป็นคนแก้ตัวแทนให้บุคลิกอื่นๆ ชอบตีกลองและวาดภาพเหมือน เป็นบุคลิกเดียวที่สูบบุหรี่และถนัดขวา หนัก 79 กิโลกรัม
6. ทอมมี่ อายุ 16 ปี เป็นเด็กหนุ่มที่มีทักษะงัดแงะสะเดาะกลอน สามารถปลดกุญแจมือและเสื้อรัดคนบ้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว ชอบเล่นแซ็กโซโฟนและสนใจพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าและแผงวงจร
7. แดนนี่ อายุ 14 เป็นเด็กผู้ชายที่กลัวผู้คนเอามากๆ โดยเฉพาะผู้ชาย เขาคือบุคลิกที่โดนพ่อเลี้ยงจับฝังทั้งเป็น เป็นเด็กตัวเตี้ยและผอมมาก วาดภาพได้เฉพาะคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
8. คริสโตเฟอร์ อายุ 13 เป็นเด็กชายชาวอังกฤษ ชอบเป่าฮาร์โมนิก้า แต่ไม่ค่อยออกมาตรงสป็อตไลท์ซักเท่าไร
9. คริสตีน อายุ 3 ขวบเป็นน้องสาวของคริสโตเฟอร์ เป็นโรคบกพร่องทางการเรียนรู้แต่อาเธอร์สอนให้เธอพออ่านออกเขียนได้ เรเกนเองก็รักคริสตีนมากและมักปกป้องเธอเป็นพิเศษ
10. เดวิด อายุ 8 ขวบ เป็นผู้รับความเจ็บปวดแทนทุกคน เขาจะโผล่มาตรงสป็อตไลท์เมื่อบุคลิกอื่นๆ เจ็บปวด
ทั้ง 10 บุคลิกข้างต้นคือบุคลิกหลักที่อาเธอร์และเรเกนชอบ และอนุญาตให้ออกมาได้บ่อยๆ แต่ในตัวบิลลี่ยังมีอีก 13 บุคลิกที่อาเธอร์และเรเกนแอนตี้ เพราะบุคลิกเหล่านี้ทำผิดกฎที่อาเธอร์และเรเกนตั้งไว้ จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาได้อีก
11. ฟิล เป็นนักเลงที่ทำความผิดหลายครั้ง พูดสำเนียงบรู๊คลิน ถูกห้ามออกมาอีกเพราะเป็นอาชญากร
12. เควิน เป็นคนวางแผนปล้นร้านขายยา จึงโดนห้ามออกมาอีกเช่นกัน
13. วอลเตอร์ เป็นคนออสเตรเลีย เป็นนายพรานที่มีทักษะสูงมาก ถูกห้ามออกมาเพราะยิงอีกาตาย
14. เอพริล สาวน้อยที่คิดแต่จะทำลายพ่อเลี้ยงของบิลลี่ เธอถูกอาเธอร์แบนเพราะเธอพยายามกล่อมเรเกนให้ฆ่าพ่อเลี้ยงของบิลลี่ ดีที่อาเธอร์เข้ามาช่วยทันและคุยกับเรเกนให้ล้มเลิกความคิด
15. ซามูเอล ชายชาวยิว เป็นบุคลิกเดียวที่เชื่อในพระเจ้า ถูกแบนเพราะแอบเอาภาพวาดส่วนตัวของบุคลิกอื่นๆ ไปขายโดยไม่ขออนุญาต
16. มาร์ก เป็นบุคลิกที่บุคลิกอื่นเรียกว่าซอมบี้ เพราะเขาเอาแต่นั่งจ้องกำแพง เขาทำอะไรเองไม่ได้เลยถ้าบุคลิกอื่นไม่สั่ง
17. สตีฟ เป็นนักเลียนแบบ เขามักจะเลียนแบบบุคคลอื่นเป็นมุกตลกอยู่เสมอ เขาถูกแบนเพราะมุกของเขาทำให้เกิดปัญหาในครอบครัวบ่อยๆ
18. ลี เป็นคนขี้แกล้ง และชอบแกล้งคนอื่นโดยไม่แคร์ว่าจะมีอะไรตามมา จึงถูกแบนเพราะมุกของเขาทำให้ทุกคนโดนลงโทษไปด้วย
19. เจสัน เดิมเป็นตัวปล่อยความเครียดของทุกคน แต่หลังๆ มักจะสร้างเรื่องให้คนอื่นจึงถูกแบน
20. บ็อบบี้ ชอบฝันว่าจะได้ผจญภัยและได้แก้ไขปัญหาระดับโลก แต่เขาไม่เคยลงมือทำอะไรเลย
21. ชอว์น เด็กหูหนวกอายุ 4 ขวบ ชอบทำเสียงหึ่งๆ เพื่อสัมผัสการสั่นสะเทือนในหัว เขาถูกแบนจากสป็อตไลท์เพราะความหูหนวกไม่ได้มีประโยชน์กับตัวตนอื่น แต่เขาได้รับอนุญาตให้ยืนข้างๆ สป็อตไลท์ ไม่ต้องหลบไปยืนในความมืดไกลๆ แบบบุคลิกอื่นที่โดนแบน
22. มาร์ติน เป็นชายชาวนิวยอร์กที่หยิ่งยโสมาก ไม่เคยทำอะไรเลยแต่อยากให้คนอื่นมาบริการ
23. ทิโมธี พนักงานร้านดอกไม้ที่เคยโดนเกย์เข้ามาลวนลามครั้งหนึ่ง จากนั้นบุคลิกนี้ก็ไม่เคยออกมาอีกเลย
และบุคลิกสุดท้ายซึ่งเป็นบุคลิกที่ 24 ของบิลลี่ก็คือคุณครูค่ะ ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในการหลอมรวมบุคลิกต่างๆ ในตัวบิลลี่เข้าด้วยกัน คุณครูสามารถจดจำสิ่งที่แต่ละบุคลิกทำหรือคิดได้ทั้งหมด
ช่วงบั้นปลายชีวิตของบิลลี่
หลังจากนั้นบิลลี่ยังไปรับการรักษาตัวอยู่บ้าง บางครั้งที่เขาหายจากการไปพบจิตแพทย์นานๆ ก็เหมือนบุคลิกคุณครูจะค่อยๆ จางหายไป และบุคลิกที่มากมายของเขาเริ่มมายึดพื้นที่สป็อตไลท์ใหม่ จนปี 1991 เขาก็หายไปจากสายตาของสังคม ทนายและจิตแพทย์ที่ดูแลเขามาตลอดไม่มีใครได้ข่าวจากเขาอีกเลย ปี 2000 เขาถูกประกาศให้เป็นบุคคลล้มละลาย หลังจากนั้นทุกคนรู้ข่าวเกี่ยวกับเขาอีกทีก็วันที่ 12 ธันวาคม 2014 เมื่อเขาเสียชีวิตในวัย 59 ปีด้วยโรคมะเร็ง น้องสาวของบิลลี่บอกว่า "ในที่สุดเขาก็ได้เจอความสงบ"
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับเรื่องราวของบิลลี่ มิลลิแกน ชายผู้มี 24 บุคลิก ใครที่คิดว่า 24 บุคลิกนี่คือเยอะแล้ว บอกเลยว่ามีเยอะกว่านี้อีกค่ะ มีอีกหลายคนที่เป็นโรคนี้และมีบุคลิกเป็นร้อยเลยด้วยซ้ำ ส่วนใครที่สนใจชมภาพยนตร์เกี่ยวกับโรคหลายบุคลิกแล้วรอดูเรื่อง Split ในปี 2017 ไม่ไหวก็สามารถชมเรื่อง Fight Club (1999), Psycho (1960), Primal Fear (1996) หรือ Identity (2003) ไปพลางๆ ก่อนได้ค่ะ ทุกเรื่องสนุกมากจริงๆ
16 ความคิดเห็น
เรารู้จักเรื่องนี้จากนิตยสารต่วย'ตูนพิเศษ ฉบับเดือนมิถุนายน 2556
เมิ้ลกานเลย^^เราก็รู้จากหนังสือเล่มนั้น
ดูแล้ว เรื่องสุดท้ายหักมุมมาก
แฟนเก่าเราก็เป็นแบบนี้ มี7บุคลิก ดี3 ร้าย3 และก็ตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่เรารู้สึกไม่โอเคกับเขาเลย ถึงแม้สงสารก็ตาม เพราะยังไงเราก็ต้องเซฟตัวเองไว้ก่อน
ชีวิตดูวุ่นวาย แอบสงสาร แต่ก็น่าสนุกดีนะ555 #ข้ามไปค่ะ
โห น่าสนใจมากๆ ค่ะ รู้สึกเหมือนจะมีหนังของ M. Night Shyamalan (จะฉายปีหน้า) ที่น่าจะมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องนี้นะ ที่พระเอก (หรือตัวร้ายหว่า 555) มีถึง 24 บุคลิก James McAvoy แสดงนำค่ะ ดาราคนโปรดเลย
จริงๆก็เป็นตัวตนของเค้าเองนั่นแหละค่ะ แต่เป็นตัวตนที่ถูกตัดขาด ถูกแยกออกมา แทนที่จะถูกรวมกันเป็น 1 คน การถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก ทำให้เกิดการตัดขาดแตกแยกขางตัวตน อธิบายให้เข้าใจตามยากเหมือนกัน 55+
พบหมี 1 ea เรเกนจะปกป้องคริสตีนเองง
เป็นบุคคลน่าสนใจดี อยากลองคุยด้วยสักครั้ง
ว่า Kill me, Heal me เยอะแล้ว เจออันนี้ 24 บุคลิกเข้าไป ยอมแพ้เลย
ชอบบบบบ อยากเอาไปแต่งนิยายเลยย
ไปไล่ดูหนังให้ครบทุกเรื่องดีกว่า
จุเริ่มต้นมาจาก "คนในครอบครัว(พ่อเลี้ยง)" เพราะจากการที่อ่านมา เหมือนเขาไม่ไช่เด็กแย่มาแต่ต้น แต่เหมือยกับการกระทำต่างๆของพ่อเลี้ยง หล่อหลอม ไห้เขาสร้างบคลิกหลายอย่าง เพื่อปกป้องตัวเอง ไม่คิดว่าจะมีจริง น่าสงสารมากเราว่า น้องสาวของบิลลี่พูดถูกนะว่า "สุดท้ายเขาก็ได้พบกับความสงบ"
ชีวิตวุ่นวายจริงๆ จะบอกว่าดีแต่ก็ไม่ใช่สักนิด....ถึงจะมีโล่ป้องกันให้ตัวเองก็เถอะ