น่าใช้มาก! 2 แอพพลิเคชั่นสุดเจ๋งที่ "ป้องกันการรังแก" ในโรงเรียน

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com เรื่องราวของการกลั่นแกล้งในโรงเรียนนั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และมักมีข่าวอยู่ไม่น้อยว่านักเรียนบางคนต้องจบชีวิตตัวเองลงเพราะทนการกลั่นแกล้งไม่ไหว นอกจากการกลั่นแกล้งภายในโรงเรียนแล้วยังมีเรื่องของ Cyber Bullying ที่อยู่ในโลกของอินเตอร์เน็ตในหลายๆ รูปแบบด้วยนะคะ น้องๆ คงเคยเห็นข่าวมาบ้างแล้ว วันนี้ พี่นิทาน ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องน่าเศร้าสลดใจนะคะ แต่เป็นเรื่องราวดีๆ ของแอพพลิเคชั่นที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ถูกกลั่นแกล้งหรือไม่มีเพื่อน และแอพพลิเคชั่นที่ใช้เพื่อรายงานเหตุรังแกกันภายในโรงเรียนค่ะ 

Photo credit : Pixabay 
   
    ปัญหาเรื่องการโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนนั้นอาจส่งผลให้นักเรียนบางคนไม่มีเพื่อนคบเมื่อกลายเป็นตัวตลกหรือตัวประหลาดในกลุ่มเพื่อน หลายคนจึงต้องไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่มีกลุ่มเพื่อน ไม่มีใครคุยด้วย หรือแม้กระทั่งตอนพักทานอาหารกลางวันก็ไม่รู้ว่าจะไปนั่งกับใครเลยต้องปลีกวิเวกหาที่นั่งคนเดียว เชื่อว่าในทุกโรงเรียนจะต้องมีคนประสบปัญหาแบบนี้จำนวนไม่น้อย จึงทำให้นักเรียนวัย 16 ปีจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อว่า "นาตาลี แฮมพ์ตัน" (Natalie Hampton) สร้างแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจขึ้นมา

Sit With Us 

    "Sit With Us" หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า "มานั่งกับพวกเราสิ" เป็นแอพพลิเคชั่นที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยหาเพื่อนร่วมโต๊ะในเวลาอาหารกลางวัน นาตาลีเล่าว่าเธอสร้างแอพฯ นี้ขึ้นมาจากไอเดียที่ได้ตอนเรียนอยู่ชั้นเกรด 7 ที่ไม่มีเพื่อนเลย และทุกๆ วันเธอจะต้องหาที่นั่งเอง และนั่งคนเดียว เธอรู้ถึงความรู้สึกเหล่านั้นดีว่าเป็นอย่างไร จุดเริ่มต้นของการถูกรังแกบางครั้งก็เป็นเพราะว่านักเรียนเหล่านั้นไม่มีเพื่อน ทำให้นักเรียนแก๊งแสบๆ คอยแอบจ้องจะเล่นงานหรือล้อเลียนอยู่บ่อยๆ และด้วยเหตุนั้นจึงทำให้นักเรียนที่มักจะนั่งคนเดียวหรือไม่มีเพื่อนนั้นรู้สึกไร้ค่า ไม่มีตัวตน กลัว และไม่มีความสุข

       เมื่อนาตาลีย้ายโรงเรียนมาเธอยังคงจำความรู้สึกเหล่านั้นได้ดีแม้ว่าตอนนี้เธอจะมีเพื่อนแล้วก็ตาม เธอจึงเกิดไอเดียสร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบปัญหาแบบที่เธอเคยเป็น โดยการใช้งานแอพพลิเคชั่น Sit With Us นี้มีวิธีใช้ที่ง่ายและไม่ซับซ้อน เพียงแค่เข้าไปในแอพพลิเคชั่นแล้วหาเพื่อนในนั้นคุยพร้อมกับนัดแนะกัน และเมื่อไปถึงโต๊ะ จะไม่มีการถูกปฏิเสธแน่นอน ผู้ใช้ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกล้อหรืออับอาย เพราะเป็นการใช้งานจากโทรศัพท์มือถือ และค่อนข้างส่วนตัวค่ะ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เดียวเลยค่ะ เพราะบางครั้งไม่ว่าเราจะเป็นผู้ถูกแกล้งหรือคนที่ไม่มีเพื่อน หรือเป็นคนที่อยากเข้าช่วย แต่ไม่กล้า เมื่อมีแอพพลิเคชั่นที่สามารถเข้าไปคุยได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้น และภายหลังจากที่นาตาลีได้เปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ก็มีเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดี และมีนักเรียนในโรงเรียนของเธอได้ใช้งานจริงๆ และเห็นผลด้วยค่ะ 

   
    นอกจากนั้นยังมีความเห็นอื่นๆ จากหลายๆ คนทั้งในแง่ดีและไม่ดี ข้อดีคือการมีแอพพลิเคชั่นแบบนี้ยังสามารถใช้ได้กับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่ไม่มีเพื่อนเท่านั้น เพราะเป็นอีกช่องทางในการหาเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น หากในอนาคตมีแอพฯ แบบนี้ (หรือนาตาลีอาจพัฒนา) ให้สามารถใช้ในมหาวิทยาลัยได้เช่นกันก็จะยิ่งดี เพราะบางมหา'ลัยนั้นนักเรียนบางกลุ่มมีเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัยมัธยม จึงทำให้คนอื่นๆ หาเพื่อนได้ยากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่ให้ความเห็นที่แตกต่างกันไปว่า "แล้วถ้ากลุ่มเด็กที่ชอบรังแกเพื่อนใช้แอพฯนี้เพื่อไว้แกล้งคนล่ะ" อันนี้ก็น่าคิดเหมือนกัน แต่พี่ก็คิดว่ามันออกจะเสียเวลาไปหน่อยและคนที่ตั้งใจจะใช้งานแอพฯนี้จริงๆ ก็คงมีมากกว่าคนคิดร้ายอยู่แล้วแน่นอนค่ะ 
 
    ใครสนใจลองเข้าไปดูแอพฯ Sit With Us ได้ โดยแอพฯ นี้โหลดฟรีค่ะ เพียงแต่ว่ายังไม่เอื้ออำนวยสำหรับการใช้งานในไทย


Stop!t

   
    แม้จะเปิดตัวใช้งานกันมาปีกว่าแล้ว พี่ก็ยังอยากจะมาเล่าให้น้องๆ ฟังถึงแอพพลิเคชั่นสุดเจ๋งนี้ค่ะ โดยแอพฯ นี้มีชื่อว่า "Stop!t" หรือ Stop It ที่สร้างมาเพื่อให้นักเรียนหรือผู้เห็นเหตุการณ์ไม่ดีในโรงเรียนได้รายงานลงมาในแอพฯ ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกภาพนิ่งหรือวิดีโอ, อัดเสียง หรือรายงานผ่านทางข้อความได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน และที่น่าดีใจคือหลังจากแอพฯ เปิดตัวออกมาไม่นานก็มีโรงเรียนถึง 78 แห่งในอเมริกาที่สมัครใช้งานให้กับเด็กทุกคนในโรงเรียน โดยภายหลังจากการใช้มีรายงานว่าเหตุการรังแกกันในโรงเรียนนั้นลดลงถึง 50% เลยทีเดียวค่ะ

     ท็อดด์ โชเบล (Todd Schobel) ผู้ริเริ่มแอพฯ สุดเจ๋งนี้เชื่อว่าพลังของโลกออนไลน์จะสามารถช่วยเหลือและป้องกันการเกิดเหตุร้ายต่างๆ ด้วยการส่งข่าวหรือส่งหลักฐานได้ในเวลาที่รวดเร็ว โรงเรียนที่ใช้งานแอพฯ นี้จะจ่ายเงินซื้อแอพฯ ให้นักเรียนทุกคนมีไว้ในเครื่อง เพื่อเป็นความสะดวกและติดตัวเพื่อการช่วยเหลือร่วมกัน โดยแต่ละโรงเรียนจะสามารถลงทะเบียนและมีรหัสผ่านของโรงเรียนโดยเฉพาะ ดังนั้นเวลาแก๊งเด็กแสบในโรงเรียน หรือหัวโจกซ่าๆ ก่อคดีร้ายๆ ขึ้นกับเพื่อนนักเรียนก็จะมีนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์คอยอัดคลิป ถ่ายรูป หรือไม่ก็รายงานเข้าแอพฯ ในเวลาอันรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนก็จะได้รับการรายงานนั้นๆ และสามารถจัดการได้ในเวลาอันรวดเร็วค่ะ 
 
    นอกจากจะเป็นเหตุการณ์ต่างๆ แล้ว แอพฯยังครอบคลุมถึงเหตุการณ์ Cyber Bullying ต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในโรงเรียนได้โดยอาจเป็นการแชท, วิดีโอ หากเห็นว่ามีเรื่องไม่ดีก็สามารถแคปฯ หน้าจอและส่งเข้ามารายงานในแอพฯ ได้เช่นกันค่ะ และอย่าเพิ่งคิดว่าแอพฯ Stop!t จะใช้ได้แค่ในโรงเรียนเท่านั้นนะคะ ทางผู้สร้างยังแบ่งประเภทของการใช้งานไปถึง 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ระดับโรงเรียน (อนุบาล - มัธยม), ระดับมหาวิทยาลัย และที่ทำงานค่ะ (อย่าคิดว่าในที่ทำงานไม่มีการกลั่นแกล้งนะคะ เพราะจริงๆ ก็เกิดขึ้นได้ทุกที่ค่ะ)

      ข้อดีของการใช้แอพฯ Stop!t นั้นคือรวดเร็วและไม่ระบุตัวตนว่าเราคือใคร ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาแก้แค้นเราคืนหรือแอบโกรธเคือง อีกอย่างคือบางครั้งเวลาเราเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ หรือเจอกับตัวเอง เราอาจจะรู้สึกอายและไม่กล้าบอกใคร แต่พอมีแอพพลิเคชั่นที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ ที่ทำให้คนกล้าที่จะออกเสียงและช่วยกันรายงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ดังที่บอกไปตอนต้นว่าหลังจากแอพฯ เปิดใช้งานนั้นเหตุรังแกในโรงเรียนก็ลดลงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากนักเรียนเหล่านั้นรู้ดีว่าหากทำเรื่องไม่ดีไปก็อาจจะโดนคนอื่นรายงานได้ เพราะทุกคนที่โรงเรียนมีแอพฯนี้กัน ไม่น่าจะหลุดรอดสายตาใครไปได้ เหล่าแก๊งซ่าในโรงเรียนเลยสงบลงขึ้นเยอะ ถือว่าเป็นแอพฯที่ประสบความสำเร็จและช่วยให้สังคมอยู่ง่ายขึ้นค่ะ 
 
เว็บไซต์ของ Stop!t : http://stopitcyberbully.com/ 
   
 

      ทั้ง 2 แอพพลิเคชั่นที่เล่ามานั้นถือว่าเป็นแอพฯ ตัวอย่างที่น่าใช้และหวังว่าจะมีแอพฯ แบบนี้ออกมาอีกเยอะๆ รวมถึงที่สามารถใช้ได้ในประเทศไทยด้วย แอบคิดว่าสักวันก็คงจะมีคนไทยหัวใสทำแอพฯ แบบนี้ออกมาเช่นกันค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูความสะดวกและผู้บริโภคด้วยว่าคนส่วนมานิยมใช้แอพฯ กันหรือไม่ แต่จากที่มีข่าวเรื่องการรังแกกันทั้งในนักเรียนด้วยกันและครูรังแกนักเรียน พี่ว่าหากมีใครคิดแอพฯ ที่สามารถช่วยเหลือและใช้ประโยชน์ได้จริงกับเหตุการณ์เหล่านั้นก็คงจะดีค่ะ

อ้างอิง
พี่นิทาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น