ฝึกพูดให้เหมือนเจ้าของภาษากับ 10 ประโยคภาษาอังกฤษที่ทำให้ลิ้นพันกัน

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันก่อนมีน้องคนนึงส่งเมลมาถาม พี่พิซซ่า ว่ามีเทคนิคอะไรที่ช่วยให้ออกเสียงภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นบ้างมั้ย เพราะน้องก็ฟังข่าวเป็นภาษาอังกฤษตลอดเวลาแต่ก็ยังออกเสียงภาษาอังกฤษบางตัวได้ไม่ค่อยคล่อง วันนี้ English Issues ก็เลยมีกิจกรรมวอร์มอัพก่อนพูดอังกฤษมาฝากค่ะ

     จริงๆ เรื่องสำเนียงไม่ต้องกังวลมากก็ได้นะคะ ถึงพูดไม่ได้สำเนียงเหมือนเจ้าของภาษาเป๊ะๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายค่ะ แค่สื่อสารกับชาวต่างชาติรู้เรื่องได้ก็พอแล้ว แต่ถ้าใครอยากพัฒนาสำเนียงด้วยก็ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ ซึ่งการฟังเจ้าของภาษาเยอะๆ ก็เป็นวิธีที่ดีมากๆ เลยที่ช่วยให้เราคุ้นเคยกับสำเนียงนั้นๆ ลองฝึกพูดตามไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้เราเลียนแบบเสียงได้มากขึ้นค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเลียนสำเนียงต่างชาติได้ง่ายๆ หลายคนมักบอกว่าลิ้นแข็งจนไม่สามารถออกเสียงบางตัวในภาษาอังกฤษได้ ฉะนั้นก็พอจะมีตัวช่วยอีกอย่างที่อาจช่วยให้ออกเสียงภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น นั่นก็คือ Tongue Twister เป็นประโยคที่พูดแล้วลิ้นรัวแบบ "เช้าฟาดผัดฟักเย็นฟาดฟักผัด" หรือ "ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก" ค่ะ

     ถ้าถามว่าการพูดประโยคยากๆ เหล่านี้จะช่วยให้ออกเสียงภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นได้ยังไง พี่คิดว่าหลักการมันคล้ายๆ กับการวอร์มอัพก่อนร้องเพลงค่ะ นอกจากวอร์มเสียงแล้วยังต้องมีการออกกำลังกายปากหรือเปล่งเสียงที่ต้องขยับปากเยอะๆ เพื่อผ่อนคลายในช่องปาก การออกเสียงเวลาร้องเพลงจะได้ทำได้ดีขึ้น จากประสบการณ์ส่วนตัวของพี่ การฝึกพูด Tongue Twister ก็ช่วยให้ออกเสียงบางตัวได้เหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น ทำให้เราพูดภาษาอังกฤษได้ชัดขึ้นและเข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ ฉะนั้นลองมาดู Tongue Twister ที่น่าสนใจกันดีกว่าค่ะ

 


1. She sells seashells by the seashore.
ประโยคนี้น่าจะเป็นประโยค Tongue Twister ที่รู้จักกันดีมากที่สุดประโยคหนึ่ง ประโยคนี้ฝึกเสียง /s/ กับ /sh/ ค่ะ ได้ฝึกออกเสียง /ซ/ กับ /ช/ สลับกันไปมา


2. How can a clam cram in a clean cream can?
ประโยคนี้ฝึกเสียง /k/, /kl/ และ /kr/ ค่ะ ก็คือเสียง /ค/ แล้วก็แบบมีควบกล้ำ /คล/ และ /คร/ หลายคนออกเสียง /l/ กับ /r/ ไม่ค่อยได้ ประโยคนี้ก็จะช่วยเรื่องความต่างของแอลและอาร์ได้ด้วยค่ะ


3. Tom threw Tim three thumbtacks.
ประโยคนี้ช่วยฝึกเสียง /t/ กับ /th/ ค่ะ แถมยังมี /thr/ มีที่ตัว ร ควบกล้ำเข้าไปอีก ตัวนี้ถือเป็นตัวปราบเซียนใครหลายๆ คนเลย


4. The thirty-three thieves thought that they thrilled the throne throughout Thursday.
ประโยคนี้เน้นฝึก /th/ โดยเฉพาะค่ะ และจะเห็นเลยว่า th มีอยู่ 2 เสียงนะ คือเสียงค่อนไปทาง /ต/ อย่าง three, thought, throne และเสียงค่อนไปทาง /ด/ อย่าง the, that, they ดังนั้น th จึงมีสัญลักษณ์เสียง 2 แบบคือ /θ/ สำหรับเสียงที่ค่อนไปทาง /ต/ อย่าง three กับ /ð/ สำหรับเสียงที่ค่อนไปทาง /ด/ อย่าง the แต่ถ้ายังไม่อยากจำตัวอักษรหน้าตาแปลกๆ แบบนี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ แค่ให้แยกความต่างของทั้ง 2 แบบให้ออกก็พอค่ะ อย่าลืมเอาปลายลิ้นออกมาด้วยนะ


5. The sixth sick sheik's sixth sheep's sick.
ประโยคนี้แอดวานซ์มากค่ะ รวมความยากหลายเสียงไว้ด้วยกัน มีทั้งเสียง /s/ กับ /sh/ แล้วยังมีเสียงตัวสะกดท้ายที่เป็น /th/ อีก นอกจากนี้ยังมีความต่างระหว่าง sixth กับ sick ที่ต้องระวังด้วย มันไม่ใช่แค่ /ซิก/ เฉยๆ นะคะ มีรายละเอียดหลังจากนั้นอีก ประโยคนี้เจ้าของภาษาส่วนมากยังพูดไม่ค่อยได้เลยค่ะ เป็นตัวปราบเซียนขั้นเทพอีกตัว



6. I wish to wash my Irish wristwatch.
ดูเผินเหมือนเป็นประโยคสั้นๆ แต่มีความยากซ่อนอยู่ค่ะ หลายคนจะตกม้าตายตรง wristwatch (ริสต์วอตช์) เพราะเจอเสียงตัวสะกดท้ายเป็น /sh/ มาหลายคำ จนทำให้เผลออ่านคำนี้เป็น /sh/ ตามไปด้วย นอกจากนี้เสียงของ wash กับ watch ก็ไม่เหมือนกันด้วยนะคะ /sh/ กับ /ch/ ออกเสียงไม่เหมือนกัน


7. A big bug bit a bold bald bear and the bold bald bear bled blood badly.
ประโยคตระกูลตัว b ค่ะ ประโยคนี้จะได้ฝึกเสียงสระต่างๆ และเสียง /l/ ที่อาจเป็นตัวปัญหาได้ ต้องตั้งใจมากๆ เวลาออกเสียง bold กับ bald ที่ต่างกันแค่นิดเดียว นอกจากนี้ยังมีความต่างระหว่าง bold ที่ไม่ได้ออกเสียง l ควบกล้ำกับ b แต่ l อยู่ตรงตัวสะกด กับ bled ที่ l ควบกล้ำมากับ b ถือว่ายากสำหรับบางคนเลย


8. How much wood would a woodchuck chuck if a woodchuck could chuck wood?
It would chuck all the wood that a woodchuck could if a woodchuck could chuck wood.

ประโยคนี้มาเป็นประโยคคำถามและคำตอบค่ะ จริงๆ วิธีตอบมีหลายเวอร์ชั่นมาก เอาเวอร์ชั่นนี้ละกันกลางๆ ดี เรื่องออกเสียงประโยคนี้ถือว่าง่ายกว่าหลายๆ อันที่ผ่านมา มันแค่ยาวกว่านิดเดียว แต่เพราะความยาวและรูปประโยคนี่แหละที่จะช่วยฝึกเราเรื่องการหยุดพักนิดๆ เวลาพูดประโยคยาวๆ ฝึกไปเรื่อยๆ แล้วก็จะจับสังเกตได้ว่าเวลาต้องพูดอะไรยาวๆ ต้องแบ่งช่วงพูดยังไง และในประโยคยาวๆ แบบนี้จะทำเสียงขึ้นลงตรงไหนบ้าง


9. Betty Botter bought some butter
But she said the butter’s bitter
If I put it in my batter, it will make my batter bitter
But a bit of better butter will make my batter better
So ‘twas better Betty Botter bought a bit of better butter

อันนี้มาพรึ่บเลย เป็นแบบฝึกหัดเสียงสระต่างๆ กับเสียงพยัญชนะต้น /b/ ค่ะ แถมยังมีเสียง /t/ ตรงกลางคำอีกต่างหาก ต้องคอยสังเกตความต่างระหว่าง Botter กับ butter ด้วย แบบฝึกหัดนี้จะช่วยให้จับสังเกตเสียงสระสั้น-ยาวในภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นค่ะ


10. Peter Piper picked a peck of pickled peppers
A peck of pickled peppers Peter Piper picked
If Peter Piper picked a peck of pickled peppers
Where’s the peck of pickled peppers Peter Piper picked?

และอันสุดท้ายที่ยาวเช่นกัน เป็นเรื่องราวของปีเตอร์ ไปเปอร์ (พีเทอร์ ไพเปอร์) กับพริกดอง 555 แบบฝึกหัดนี้จะช่วยเรื่องเสียงตัว p เมื่อมาเจอกับสระและตัวสะกดต่างๆ นอกจากนี้จะได้สังเกตการออกเสียง picked อีกด้วยว่ามันไม่ใช่พิกเค็ดแน่นอน


     ครบ 10 Tongue Twister ที่พี่อยากแนะนำแล้ว แต่น้องๆ คงสงสัยว่าถ้าไม่มีเจ้าของภาษาอ่านให้ฟังก่อน จะไปออกเสียงแต่ละคำถูกได้ยังไงใช่มั้ยล่ะ พี่ก็มีคลิป Tongue Twister ที่น่าสนใจมาฝากให้ฝึกฟังกันค่ะ ฟังแล้วฝึกออกตามด้วย แต่ไม่ต้องกดดันตัวเองนะคะ เพราะเจ้าของภาษาเองยังพูด Tongue Twister เร็วๆ กันไม่ค่อยได้เลย พี่เองก็ยังพูดเช้าฟาดผัดฟักเย็นฟาดฟักผัดแบบเร็วๆ ไม่ได้เช่นกัน


Clip

Tongue Twisters 1

 

Clip

Tongue Twisters 2

 

Clip

Tongue Twisters 3



     มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็ลองเลือกประโยคที่ชอบออกมาฝึกพูดเร็วๆ ดูนะคะ ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คล่องค่ะ สู้ๆ นะทุกคน


 

ตัวอย่างประโยคจาก
www.youtube.com/watch?v=xa8nkPkWoWA
www.youtube.com/watch?v=uqUiHc5csn0
www.youtube.com/watch?v=yB_1VNQazNo
www.engvid.com/english-resource/50-tongue-twisters-improve-pronunciation/
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด