สุดขลังและอลังการ! ชวนชื่นชม "พระราชบัลลังก์ของกษัตริย์" ในแต่ละประเทศ

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com เป็นที่รู้ดีว่ากษัตริย์ทุกพระองค์ย่อมมีพระราชบัลลังก์เป็นของตัวเองแต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว บัลลังก์นั้นคืออะไร และแต่ละประเทศมีลักษณะแตกต่างกันไหม และใช้งานเหมือนกันรึเปล่า วันนี้ พี่นิทาน รวบรวมมาให้น้องๆ ได้ดูกันค่ะ

Photo credit : pixabay 
   
    บัลลังก์ หรือพระราชบัลลังก์นั้นเป็นที่นั่งที่บ่งบอกถึงอำนาจและเกียรติยศของกษัตริย์หรือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด หากไม่ใช้บัลลังก์ของกษัตริย์อาจเป็นของพระสันตะปาปา, สังฆราช หรือบาทหลวงที่มีอำนาจปกครอง เป็นต้น ในขณะเดียวกันบางครั้งคำว่าบัลลังก์นั้นไม่ใช่คำที่มีความหมายตรงตัวถึงที่นั่งของกษัตริย์เท่านั้น แต่อาจเป็นคำเปรียบเปรยหรือคำที่ใช้แสดงถึงสถานะและอำนาจของบุคคลนั้นๆ เมื่อกล่าวถึง 
 
    ในพิธีกรรมทางศาสนาของบางประเทศนั้นมีการใช้บัลลังก์กับพระสันตะปาปาหรือบาทหลวงในการป่าวประกาศหรือทำพิธีการใหญ่ๆ โดยผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของศาสนาจะเป็นคนนั่งอยู่บนบัลลังก์ ส่วนในประเทศแถบตะวันตกจะนิยมใช้บัลลังก์กับกษัตริย์ ทั้งกับพระราชาและพระราชินี (ที่ได้ครองราชย์) จักรพรรดิ เป็นต้น 
 
    พี่เชื่อว่าน้องๆ หลายคนน่าจะเคยดูหนังหรือการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเวลามีพระราชาหรือพระราชินีนั้นพวกเขาจะนั่งอยู่บนบัลลังก์ในห้องโถงใหญ่ๆ ห้องหนึ่งที่มักมีประชาชนมาเข้าเฝ้าหรือร้องเรียนปัญหาต่างๆ แต่ในสมัยนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นกันแล้ว เพราะกษัตริย์ส่วนมากจะขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ก็ต่อเมื่อมีพระราชพิธีที่สำคัญต่างๆ เท่านั้นค่ะ 

   
    สำหรับประเทศไทยเรานั้นจะมีพระบัลลังก์หรือพระอาสน์ในรูปแบบที่ต่างๆ กันแล้วแต่โอกาสและพิธีการ เช่น "พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์" ที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเสด็จออกมหาสมาคม พระที่นั่งนี้จะสร้างขึ้นจากวัสดุมีค่าและทำด้วยความประณีตเพราะถือว่าเป็นของสูงและเชื่อในคติโบราณในเชิงเทวราชา เชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระอิศวรที่อยู่เบื้องสูง ดังนั้นการที่พระที่นั่งของพระมหากษัตริย์มีความสูงและมีครุฑ พญานาค เทพต่างๆ และประดับรายล้อมด้วยต้นไม้เงินต้นไม้ทองก็เปรียบได้ถึงป่าหิมพานต์ ส่วนบรรดาข้าราชการและประชาชนที่มาเข้าเฝ้าฯ ก็เปรียบได้กกับบรรดาเทพนิกรทั้งหลายนั่นเองค่ะ พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์นี้ถูกใช้งานโดยพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์มาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน 

    นอกจากของไทยแล้ว เรามาดูความแตกต่างและหลากหลายในบัลลังก์ของกษัตริย์ประเทศต่างๆ กันค่ะ 


1. King Edward's chair 


Photo credit : pinterest

Photo credit : https://publish.illinois.edu
   
    King Edward's chair หรือ St. Edward's Chair
เป็นบัลลังก์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ย้อนไปเมื่อมัยก่อนประมาณปี ค.ศ. 1296 เก้าอี้ตัวนี้ถูกสั่งทำขึ้นโดยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 พระมหากษัตริย์ของอังกฤษเพื่อนำมาใช้แทนหินแห่งสโคน หรือหินราชาภิเษก จากนั้นเก้าอี้ตัวนี้จึงกลายเป็นบัลลังก์ที่สำคัญและราชวงศ์อังกฤษทุกพระองค์ที่ขึ้นครองราชย์ต่างก็ใช้บัลลังก์นี้ต่อจากยุคของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน (ยกเว้นสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 2 องค์เดียวที่ทรงขึ้นบัลลังก์กับบัลลังก์อื่นที่ทำขึ้นในแบบคล้ายๆ กัน)

    แรกเริ่มพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงสั่งทำเก้าอี้ตัวนี้จากทองแดง แต่ตอนหลังเปลี่ยนใจกลายเป็นไม้สักแทนและชุบด้วยทองและทาสี ประดับตกแต่งด้วยแก้วโมเสก ภายหลังมีการตกแต่งที่ขาของเก้าอี้ 4 ข้างด้วยสิงโตเคลือบทอง 4 ตัว ในช่วงศตวรรษที่ 18 นักท่องเที่ยวสามารถจ่ายค่าเข้าชมและนั่งบนเก้าอี้บัลลังก์ตัวนี้ได้ แต่ก่อให้เกิดความเสียหายมากมายเมื่อมีเด็กวัยรุ่นหลายคนพยายามทำลายโดยการเขียนลายกราฟฟิตี้และสลักชื่อของตัวเองลงไปบนเก้าอี้ ภายหลังในปี 1914 เคยมีคนพยายามวางระเบิดโดยนำระเบิดไปติดไว้กับเก้าอี้ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และเก้าอี้ก็ถูกรักษาไว้อย่างดีในภายหลัง ปัจจุบันเก้าอี้บัลลังก์นี้ตั้งอยู่ที่ Edinburgh Castle ที่สกอตแลนด์ค่ะ 
 

2. Throne of Charlemagne 


 
Photo credit : medievalhistories.com
   
    บัลลังก์ที่เคยถูกใช้ในการขึ้นครองราชย์หรือพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์เยอรมนี ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 790 และใช้ในพิธีราชาภิเษกมาแล้ว 31 ครั้ง จนถึงปี 1531 ถึงแม้ว่าบัลลังก์นี้จะถูกสั่งให้สร้างขึ้นโดยชาร์ลมหาราช หรือชาร์เลอมาญ (Charlemagne) แต่ตัวพระองค์เองก็ไม่ได้ทำพิธีราชาภิเษกบนบัลลังก์แห่งนี้ (เพราะพระองค์ขึ้นครองราชย์ก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยสร้าง) Throne of Charlemagne มีลักษณะที่เรียบง่ายด้วยการใช้หินอ่อนสร้างและเชื่อมด้วยทองแดงและมีบันไดที่ทำด้วยหินอ่อนทั้งหมด 6 ขั้นก่อนจะขึ้นไปยังบัลลังก์ ปัจจุบันสามารถเข้าชมบัลลังก์นี้ได้ที่มหาวิหารอาเคน (Cathedral of Aachen) ประเทศเยอรมันค่ะ 
 

3. The Ivory Throne 


   
    บัลลังก์สง่างามนี้สร้างขึ้นด้วยไม้และเคลือบด้วยงาช้างและเขี้ยวของตัววอลรัส และถูกแกะสลักด้วยลวดลายที่มีที่มาจากเทพปกรณัมกรีกและพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (Old Testament) จึงทำให้ดูสวยงามแปลกตากว่าบัลลังก์อื่นๆ ทั่วไป บัลลังก์งาช้างนี้เคยเป็นของซาร์อีวานที่ 4 แห่งรัสเซีย หรืออีวานผู้โหดร้าย (Ivan the Terrible) ที่ขึ้นครองราชย์เมื่อปี ค.ศ. 1547 หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเรียกพระองค์ว่าอีวานผู้โหดร้าย เหตุนั้นก็คือพระองค์ทรงปกครองอาณาจักรด้วยความเหี้ยมโหด และยังเคยมีเรื่องเล่าว่าวิหารเซนต์บาซิลที่สวยๆ ของประเทศรัสเซียนั้น สถาปนิกผู้ออกแบบถูกควักลูกตาออกเนื่องจากอีวานผู้โหดร้ายเป็นคนสั่งไว้ พวกเขาจะได้ไม่ต้องไปสร้างอะไรสวยๆ แบบนี้ที่อื่นอีก ปัจจุบันสามารถเข้าเยี่ยมชมความสวยงามของบัลลังก์นี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์ MOSCOW KREMLIN MUSEUMS ที่เมืองมอสโคว์ ประเทศรัสเซียค่ะ


4. Throne of Denmark



   
    เชื่อว่าคงไม่มีบัลลังก์ที่ไหนที่เหมือนบัลลังก์ของเดนมาร์กนี้แล้ว เพราะเก้าอี้บัลลังก์นี้ทำมาจาก "เขาของยูนิคอร์น" อย่าเพิ่งประหลาดใจกันนะคะว่าแล้วยูนิคอร์นมาจากไหน? มีจริงเหรอเนี่ย! จริงๆ แล้วบัลลังก์สีขาวสง่านี้ทำมาจากไม้และตกแต่งด้วยเขาของนาร์วาล เป็นวาฬชนิดหนึ่งที่มีเขาคล้ายยูนิคอร์นที่ยาวและเป็นเกลียวสีขาวดูสง่างาม (จริงๆ แล้วคือฟันของมันนั่นเองค่ะ) นอกจากนั้นแล้วยังมีสิงโตขนาดเท่าของจริงที่ทำด้วยเงินคอยยืนอารักขาบัลลังก์อันสง่างามแห่งนี้อยู่ด้วย บัลลังก์แห่งเดนมาร์กนี้ใช้เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์เดนมาร์กมาตั้งแต่ปี 1671 และของนอร์เวย์ด้วยในปี 1671 - 1874 ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ปราสาท Castle of Rosenborg ในเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก 
 

5. Dragon Throne 


 
Photo credit : http://www.xdymd.cn/
   
    เป็นหนึ่งในบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้นะคะ โดยบัลลังก์มังกรนี้ปัจจุบันตั้งอยู่ที่พระราชวังต้องห้าม ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนประเทศจีน บัลลังก์มังกรนี้เคยเป็นของจักรพรรดิจีนที่จะใช้ในพระราชพิธีใหญ่ๆ ที่สำคัญมากมาย และมีความขลังในตัวมากๆ โดยเฉพาะสัญลักษณ์มังกรที่ถือว่าเป็นสัตว์ในตำนานที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นมังกรยังเป็นสัญลักษณ์สำหรับธงและสิ่งอื่นๆ ของจักรพรรดิจีนอีกด้วย มีความเชื่อกันว่าผู้ที่จะได้นั่งบนบัลลังก์มังกรนี้ต้องเป็นผู้ที่มีบุญบารมีและอำนาจมากจริงๆ หากไม่มีอำนาจเพียงพออาจเกิดอาถรรพ์และไม่สามารถนั่งบนบัลลังก์นี้ได้ แต่แม้ว่าจักรพรรดิจีนจะล่มสลายไปแล้ว บัลลังก์มังกรนี้ก็ไม่เปิดให้ใครเข้ามาแตะต้องและนั่งบนนี้ได้อีกแล้วค่ะ (แต่สามารถเยี่ยมชมได้เพราะอยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามค่ะ)
 
   

      บัลลังก์ในแต่ละประเทศและอาณาจักรก็มีความแตกต่างกันไปนะคะ ทั้งขนาดและความสวยงาม การตกแต่ง และที่มาที่ไป แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงความขลังและมีพลังอำนาจอยู่ในตัวมัน แม้บางทีอาจไม่ได้ใช้งานอีกแล้วก็ตามค่ะ 

อ้างอิง
พี่นิทาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด

6 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
surathep 4 พ.ย. 59 07:10 น. 4
ชอบของ Charlemagne ดูหนักแน่น น่าเกรงขาม แนวยุคมืดตอนต้นที่อันตรายที่สุด มองเรียบๆแบบนี้ สมัยนั้นคงหรูที่สุดแล้ว เพราะคนทั่วไปเสื้อผ้ายังหายากเยี่ยม
0
กำลังโหลด
ตามลม เวียนหรดี Member 4 พ.ย. 59 18:36 น. 5

พระที่นั่งพุตตานกาญจนสิงหาสน์ เป็นพระเก้าอี้กับแท่นขนาดเล้กเท่านั้น มีความสูงราวๆไม่ถึงเมตร แต่ที่เห็นทั้งหมดคือพระเจ้าอยู่ในพระบรมโกศทรงประทับบนพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ที่ทอดเหนือพระแท่นราชบัลลังก์ ภาพที่เห็นคือภาพภายในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหศูรย์พิมาน ตัวพระแท่นและนพปดลมหาเศวตรฉัตรจะประดิษฐานอยู่ภายในพระที่นั่งไม่ได้เคลื่อนย้าย แต่พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์จะเก็บรักษาไว้ไม่ได้ตั้งแสดงด้วย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด