เล่าประสบการณ์เรียนหมอที่ "เช็ก" ณ Charles University (น่าเรียนสุดๆ)

       สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ เช่นเคย^^ มีหลายคนสนใจเรียนต่อแพทย์ในเมืองนอก วันนี้มีประสบการณ์การเรียนแพทย์ในยุโรปมาฝากจ้า บอกเลยว่าดีงามมากๆ

      สวัสดีค่ะ ชื่อ "อิ้น" นะคะ ตอนนี้เรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ ปี 2 ที่ Faculty of Medicine, Charles University in Hradec Kralove ประเทศสาธารณรัฐเช็ก 

      พอพูดถึงประเทศเช็ก เพื่อนๆ น้องๆ คงนึกถึงกรุงปราก เมืองหลวงของประเทศเช็ก ที่มีอาคาร บ้าน สะพาน และโบสถ์ ที่สวยมากใช่มั้ยล่ะคะ แต่มหาลัยของอิ้นไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงนะคะ ^^ อยู่เมือง Hradec Kralove ค่ะ เป็นเมืองเล็กๆ และเงียบสงบมาก เดินทางด้วยรถไฟไปเมืองหลวง ใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่งเองค่ะ

      วันนี้อิ้นจะมาแชร์ประสบการณ์การสอบเข้าและการเรียนแพทย์ที่ประเทศเช็กค่ะ ตอนมัธยม อิ้นเรียนภาคไทยปกติ สายวิทย์-คณิตค่ะ ภาษาอังกฤษก็อยู่ในระดับดีเพราะอิ้นเคยไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกามาตอน ม.5 และมีความฝันที่อยากเรียนหมอมาตั้งแต่เด็กๆ แต่การแข่งขันค่อนข้างสูง คนเก่งๆ ก็เยอะ แพทย์ต่างประเทศก็เลยเป็นอีกทางเลือกของอิ้นค่ะ

      อิ้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตว่ามีแพทย์ต่างประเทศที่ไหนบ้าง จนมาเจอแพทย์ที่ประเทศเช็ก น่าสนใจมากค่ะ มีมหาลัยที่แพทยสภาของไทยรับรองแล้ว 3 ที่ แต่ละมหาวิทยาลัยแพทย์ติดอันดับโลกทั้งหมดเลย (Charles University อยู่อันดับ 150) อิ้นหาข้อมูลและปรึกษาคุณพ่อคุณแม่อยู่นาน ก่อนที่จะตัดสินใจลองสมัครสอบดู

      การสอบคัดเลือกเข้าที่ Charles University จะสอบในเดือนเมษายนและพฤษภาคมของทุกปี โดยจัดสอบที่กรุงเทพและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเดินทางมาสอบคัดเลือกด้วยตัวเอง วิชาที่ใช้สอบข้อเขียนมี 3 วิชาค่ะ เคมี, ชีววิทยา ,ฟิสิกส์ หรือ คณิต  และสอบสัมภาษณ์ (อิ้นเลือกสอบเคมี ชีวะ คณิต)
 

       ข้อสอบเคมีและชีวะนั้น ข้อสอบค่อนข้างลึก แต่ก็อยู่ในเกณฑ์สำหรับเด็ก ม.ปลาย หรือถ้าเรียนระบบนานาชาติมา ข้อสอบจะประมาณ A-Level ส่วนคณิตไม่ยากและไม่ง่ายเกินไปตามแบบฉบับของวิชาเลขต่างประเทศเน้นการวิเคราะห์เป็นส่วนใหญ่ การสอบสัมภาษณ์ ก็ไม่ยากมาก อาจารย์ชวนคุยเป็นกันเอง ลดความตื่นเต้นไปได้เยอะเลยค่ะ

      หลังจากที่สอบติดแล้ว อิ้นก็อ่านและติวเตรียมความพร้อมสำหรับวิชาที่รู้ว่าจะได้เรียนในปี 1 เลยค่ะ รวมไปถึงภาษาเช็ก ที่พอไปอยู่จริงๆ อาจจะต้องใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยถึงแม้จะเรียนเป็นภาษาอังกฤษก็ตาม พอได้เข้ามหา'ลัยเทอมแรกก็รู้สึกดีใจที่ได้อ่านมาก่อนแล้วบ้าง เพราะปี 1 ที่นี่ จะไม่เหมือนที่ไทยนะคะ จะเริ่มเรียนเนื้อหาแพทย์เลย ไม่มีวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องมาแทรก วิชาที่เรียน เช่น วิชากายวิภาคศาสตร์  Histology วิชาย่อยพวก Biophysics ภาษาลาติน และ ภาษาเช็ก และที่สำคัญมีสอบเยอะมาก ส่วนการสอบ Final เป็นการสอบพูดทั้งหมด (oral exam) 

      หลักสูตรการเรียนแพทย์ที่ Charles University จะเรียนทั้งหมด 6 ปีค่ะ ในช่วง 1-3 ปีแรกเรียนทฤษฎีแพทย์ (preclinical study) ซึ่งจะเน้นวิชาแพทย์จริงๆ อาจารย์ที่นี่มีความรู้มากเพราะส่วนมากจบระดับ MD. Ph.D และเขียนตำราเรียนของเขาเองด้วย หลังจากจบปี 3 แล้ว นักศึกษาแพทย์จะเรียนและฝึกงานตามวอร์ดหรือแผนกต่างๆ เป็นเวลาอีก 3 ปี ซึ่งฝึกงานในโรงพยาบาลใหญ่ของมหาวิทยาลัยนี้ จุดเด่นของมหาวิทยาลัยนี้คือสามารถไปแลกเปลี่ยนที่ Mayo Clinic ณ เมือง Rochester ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย โดยจะมีอาจารย์เดินทางมาคัดเลือกนักศึกษาแพทย์ที่มีศักยภาพไปทำวิจัยและฝึกงานชั้นคลินิก

       ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวแต่ละเดือนที่อิ้นใช้อยู่ก็พอๆ กับที่ไทยค่ะ เชื่อไหมคะทั้งที่อิ้นอยู่ยุโรป ^^ ตอนนี้อิ้นอยู่ห้องพักแบบ hostel ที่ไม่ใช่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งราคาประมาณ 15,000 บาท รวมน้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ต โดยที่พักของอิ้นอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยแค่ 10 นาทีเองค่ะ ดังนั้นจึงเดินไปมหาวิทยาลัยทุกวันค่ะ ประหยัดในส่วนค่าเดินทางไปได้ แต่ถ้าต้องเดินทางในเมืองก็ขึ้นรถบัสโดยใช้ student pass ซึ่งตกอยู่ราคาเดือนละ 400 บาทค่ะ ค่าใช้จ่ายในการกินจะประหยัดมากเมื่อเราทำอาหารเองค่ะ ซึ่งอิ้นใช้อยู่เดือนละ 10,000 บาท รวมๆ แล้วค่าใช้จ่ายที่โน่นไม่แพงเลยค่ะ

       การเรียนแพทย์ที่ Charles University จะบอกเลยว่าถ้าความรู้ไม่แน่นจริงอาจสอบผ่านยากหน่อย เพราะมหาวิทยาลัยเขาใช้มาตรฐานยุโรปจริงๆ อิ้นคิดว่าการเรียนแพทย์ที่ไหนก็ยากเหมือนกันถ้าจะเรียนในมหาวิทยาลัยแพทย์ที่มีมาตรฐานระดับดี เพราะอาจารย์เขาต้องการให้เราจบมาเป็นแพทย์ที่ได้มาตรฐานของเขา ดังนั้น เราต้องจัดตารางการอ่านหนังสือให้ดี จะได้อ่านให้ครบและทันสอบ อิ้นมีเพื่อนๆ และรุ่นพี่รุ่นน้องคนไทยเรียนที่นี่รวมสิบกว่าคนค่ะ ก็มีช่วยกันติวบ้าง อ่านหนังสือด้วยกันบ้าง สู้ไปด้วยกันค่ะ ถึงแม้จะมีท้อบ้าง แต่ก็ไม่เคยถอย ^^ และเพื่อนต่างประเทศของอิ้นที่นี่ก็น่ารักกันทุกคนส่วนใหญ่มาจากประเทศแถบยุโรป สแกนดิเนเวีย เยอรมัน ไม่ก็แถวนอร์ดิก ปากีสถาน ไอร์แลนด์ อเมริกา อียิปต์ สวีเดน เอาเป็นว่ามีหลายชาติมากค่ะ

      การที่อิ้นเลือกเรียนที่นี่ และพยายามอ่านหนังสือทบทวนก่อนสอบ ถึงแม้มันจะค่อนข้างเป็นการที่ค่อนข้างหนัก แต่อิ้นคิดว่าการเป็นหมอนั้น เราต้องรับผิดชอบในชีวิตของคนไข้ ต้องช่วยให้เขาหายป่วยและดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ  อิ้นจึงเข้าใจถึงระบบการเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยนี้เป็นอย่างดี เพราะมันช่วยทำให้เรามีความรู้ที่แม่นยำ รู้จริงและไม่เกิดข้อผิดพลาดในการวินิจฉัยโรคเมื่อเราเจอคนไข้จริงๆ ถ้าเรียนจบมาได้คงจะภูมิใจมากที่สุด 

      ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของการเรียนแพทย์ที่ Charles University ก็คือ เมื่อเราเรียนจบ 6 ปีแล้วเราสามารถทำงานได้ในยุโรปทั้งหมด 28 ประเทศ และยังกลับมาประกอบวิชาชีพในไทยได้อีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนสามารถไปฝึกงาน (internship) ในโรงพยาบาลของอเมริกาและยุโรป (ERAMUS program)  โดยมีทุนสนับสนุนอีกด้วยค่ะ ถือว่าน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี เพราะเราได้ทำความรู้จักเพื่อนนักศึกษาแพทย์จากหลายประเทศด้วยกันค่ะ อีกทั้งยังเป็นโพรไฟล์ที่ดีในการทำงานสายวิชาชีพแพทย์ในอนาคตเพราะแน่นอนว่าอิ้นต้องเรียนต่อเฉพาะทางภายหลังจบ 6 ปีด้วยค่ะ 
 

      สุดท้ายนี้อิ้นอยากชวนน้องๆ เพื่อนๆที่สนใจมาเรียนต่อแพทย์ในประเทศเช็กเข้ามาคุยกัน เพราะอาจารย์ที่นี่สอนดีมาก ความรู้แน่นมาก สิ่งแวดล้อมสงบและปลอดภัยดี ค่าใช้จ่ายค่าเทอมก็ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศในแถบยุโรปค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะสอบเข้าไม่ได้เพราะถ้าเรามีความตั้งใจและมีความพยายาม ต้องจบมาเป็นหมอที่ดีและนำความรู้ที่เรียนมารักษาคนไข้ได้แน่นอนค่ะ อิ้นได้คุยกับพี่ๆ ที่เขาเรียนในชั้นปี 6 เขาได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเพื่อรักษาคนไข้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้อิ้นยอมทุ่มเทในการเรียนแพทย์ที่ Charles University และอิ้นคิดว่าเด็กไทยก็สามารถเรียนในมหาวิทยาลัยแพทย์ระดับโลกได้ไม่แพ้ชาติอื่นค่ะ ^^
 

 
       เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นหมอค่ะ ใครสนใจก็อย่าลืมเตรียมหาข้อมูลไว้เลยนะคะ ขอบคุณน้องอิ้นด้วยที่มาเล่าประสบการณ์สนุกๆ ให้พวกเราได้อ่านกัน ^^ ส่วนใครอยากแบ่งปันประสบการณ์เด็กนอกของตัวเองให้เพื่อนๆ ได้อ่านบ้าง ก็ส่งมาได้ที่ studyabroad@dek-d.com แล้วเจอกันจ้า