ตินตินเป็นการ์ตูนที่พี่อ่านมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ตอนนั้นจะมีการ์ตูนสี่สีเล่มบางๆ ใหญ่ๆ ออกมา (อ่านต่อจากคุณอาอีกที เพราะงั้นก็จะเก่ายิ่งกว่ารุ่นพี่อีก) จนกระทั่งโตขึ้นมาหน่อยก็มีบางสำนักพิมพ์นำมาทำใหม่ให้ดูดีกว่าเดิมและน่าสะสมจนมีเป็นการ์ตูนทางทีวีออกมา และหนังแอนิเมชั่นให้คนรุ่นใหม่ได้ติดตาม

    ตินตินเปนเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุราวๆ 14-19 ปี กับหมาคู่ใจของเขาที่มีชื่อว่าสโนวี่ และเรื่องราวกับภาพทั้งหมดเขียนและวาดโดย Georges Prosper Remi หรือในนามปากกาว่า Hergé โดยเขาเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ออกมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1929 ลงในหนังสือพิมพ์ของเบลเยียม

    เสน่ห์ของการ์ตูนตินตินนั้นคือมีหลายตอนภายใต้ชื่อว่า The Adventures of Tintin ที่เป็นเรื่องราวการผจญภัยไปยังที่ต่างๆ ของตินตินและสโนวี่ เจอเรื่องราวและผู้คนต่างๆ มากมาย ตินตินเองก็เป็นเด็กชายที่มีคาแร็กเตอร์เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ Hergé เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้แรงบันดาลใจในการเขียนตินตินมาจากชีวิตวัยเด็กที่ต้องผจญภัยและพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1

    แต่แรงบันดาลใจที่สำคัญที่สุดก็คือน้องชายของเขาที่มีชื่อว่า Paul Huld ที่มีบุคลิกน่าสนใจและมีเสน่ห์จนทำให้ Hergé ขอวาดหน้าตา ทรงผม ท่าทางต่างๆ ของน้องลงมาเป็นการ์ตูนและกลายเป็นตินตินในที่สุด ปัจจุบันตินตินกลายเป็นหนึ่งในการ์ตูนประจำชาติเบลเยียม หากใครมีโอกาสไปเที่ยวที่เบลเยียมน่าจะเห็นของฝากที่เป็นรูปตินตินอยู่ตามที่ต่างๆ มากมายเลยค่ะ 

    รู้สึกว่ามูมินกำลังเป็นที่นิยมในไทยกันมาสักพักใหญ่ๆ แล้วนะคะ พี่เองก็ชอบมากๆ เพราะมันน่ารักมากๆ แถมตอนเด็กๆ จำได้ว่าชอบดูการ์ตูนเรื่องมูมินทางทีวีด้วย สมัยนี้ไม่มีฉายแล้วแอบเสียดายเหมือนกัน แต่ยังหาดูได้ตามยูทูบเช่นกันค่ะ น้องๆ หลายคนรู้กันรึเปล่าว่ามูมินนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศฟินแลนด์ โดยคนที่ให้กำเนิดหรือวาดมูมินขึ้นมามีชื่อว่า Tove Jansson ที่เป็นทั้งนักเขียน, นักวาดภาพและศิลปินที่มีชื่อเสียงชาวฟินแลนด์ เป็นบุคคลที่มีประวัติที่น่าสนใจและเขียนเรื่องราวอื่นๆ นอกเหนือจากมูมินออกมาเยอะมากค่ะ

    มูมินกลายมาเป็นการ์ตูนประจำชาติฟินแลนด์เพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของมันทำให้ใครๆ ก็รักและโด่งดังไปทั้งประเทศและประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ส่วนปัจจุบันก็ดูเหมือนจะถูกรักไปทั่วโลกแล้วเหมือนกัน มูมินเป็นโทรลตัวสีขาว ที่หลายคนเข้าใจผิดว่ามันคือฮิปโปบ้าง หมีบ้าง แต่จริงๆ แล้วมูมินก็คือมูมินนั่นเอง ใครที่เป็นติ่งมูมินและเคยดูการ์ตูนมาก่อนน่าจะรู้ดีว่าตัวละครในเรื่องมีหลายตัวมาก ทั้งคุณพ่อมูมิน, คุณแม่มูมิน, ลิตเติ้ลมี (หรือลิตเติ้ลมาย ในภาษาอังกฤษ) สนัฟกิน และอื่นๆ

    ผู้เขียนได้แรงบัลดาลใจส่วนใหญ่มาจากรอบครัวของเธอเองเพื่อสร้างตัวละครเหล่านี้ และในปี 1945 ก็เป็นปีแรกที่ Tove ออกหนังสือเรื่อง The Moomins and the Great Flood ออกมา หลังจากนั้นจึงมีผลงานอีกเรื่อยๆ ทั้งหนังสือภาพและการ์ตูนช่อง ปัจจุบันสามารถหาซื้อหนังสือทั้งหมอของมูมินได้ตามร้านหนังสือใหญ่ๆ และความโด่งดังทั่วโลกของมูมินก็ทำให้หลายๆ ประเทศมีสถานที่ท่องเที่ยวและร้านต่างๆ ในธีมของมูมิน ใครเป็นแฟนมูมินก็อย่าลืมไปหาการ์ตูนดูกันนะคะ น่ารักมากๆ เลย

    ปิ๊ปปี้ถุงเท้ายาวเป็นหนึ่งในวรรณกรรมเยาวชนที่พี่เคยอ่านตอนเด็ก ตอนนั้นไม่ได้เข้าใจเรื่องราวอะไรไปมากกว่าความสนุก แต่พอโตมาก็ได้รู้ว่านอกจากปิ๊ปปี้จะเป็นการ์ตูนประจำชาติสวีเดนที่เวลาเดินไปทางไหนก็จะมีแต่หน้าปิ๊ปปี้แแล้ว เบื้องลึกของการ์ตูนเรื่องนี้นั้นสอนอะไรให้เด็กๆ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนมากมาย

    เนื่องจากปิ๊ปปี้เป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กล้าจะทำทุกอย่างโดยไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง กล้าที่จะหลุดกรอบของคำว่า 'เป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย' หรือ 'เป็นเด็กต้องไม่ทำแบบนี้' และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยความที่ประเทศสวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่ค่อนข้างมีความเท่าเทียมกันในเรื่องเพศ ทั้งเพศชาย เพศหญิง และเพศทางเลือกอื่นๆ จึงทำให้หนังสือและการ์ตูน (รวมไปถึงหนัง) เรื่องปิ๊ปปี้เป็นที่นิยมและถูกพูดถึงในประเทศสวีเดนอยู่ตลอดมา

    ผู้เขียนปิ๊ปปี้มีชื่อว่า Astrid Lindgren เป็นนักเขียนชาวสวีเดนที่มีความคิดสนับสนุนสิทธิของเด็กและเยาวชนที่มีประวัติที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ เรื่องราวของปิ๊ปปี้ของเธอได้รับการตีพิมพ์สู่สายตาประชาชนในปี ค.ศ. 1945 จนถึงปัจจุบันตัวละครปิ๊ปปี้นั้นยังคงมีอิทธิพลต่อเด็กๆ ในประเทศสวีเดน ทั้งเป็นตัวละครสุดโปรดที่เด็กๆ อยากเอาแบบอย่าง

    แต่ในขณะเดียวกันผู้ใหญ่หลายๆ คนก็ยังคงเถียงกันในเรื่องความนิยมปิ๊ปปี้ในหมู่ลูกๆ หลานๆ เพราะบางครั้งเด็กเล็กๆ ก็ยังไม่รู้ว่าอะรที่ควรหรือไม่ควร และการกระทำบางอย่างของปิ๊ปปี้ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องก็มีความก๋ากั่นบ้าพลังสุดๆ ไปเลยเหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไงพี่ก็เชื่อว่าพอเด็กๆ เหล่านั้นโตขึ้นมาเขาก็น่าจะเข้าใจอะไรได้ในอีกมุมมองที่แตกต่างกันไปค่ะ 

    ตอนเด็กเข้าใจมาตลอดว่าพิงกุเป็นการ์ตูนแอนิเมชันจากประเทศญี่ปุ่น อาจเป็นเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูและชื่อ 'พิงกุ' ที่ดูคล้ายคำญี่ปุ่นบางอย่าง แต่ความจริงนั้นพิงกุเป็นการ์ตูนแอนิเมชันที่สร้างด้วยดินน้ำมันและออกเผยแพร่ในโทรทัศน์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ออกครั้งแรกในปี 1984) โดยการ์ตูนพิงกุนั้นไม่มีคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น แต่ด้วยท่าทางต่างๆ เสียงร้องและการสื่อสารกันระหว่างตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆ นั้นก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนการ์ตูนเรื่องอื่นๆ ทำให้พิงกุกลายเป็นการ์ตูนที่โด่งดังทั้งในสวิตเซอร์แลนด์รวมถึงอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก

    ปัจจุบันการ์ตูนแอนิเมชันพิงกุมีการปรับเปลี่ยนการสร้างเป็นแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก (CG) และเทคนิคอื่นๆ ให้ดูทันสมัยมากขึ้นและได้ถูกนำไปฉายในประเทศอื่นๆ เช่น อังกฤษ, ญี่ปุ่น, อินเดีย, นิวซีแลนด์, มาเลเซีย และอื่นๆ นอกจากนั้นยังถูกนำมาสร้างเป็นเกมด้วยค่ะ 

     
    ตัวการ์ตูนต่างๆ นั้นมีที่มาที่ไปและเรื่องราวดีๆ แฝงอยู่ในเรื่องเสมอเลยนะคะ ถือเป็นอีกความบันเทิงสำหรับเด็กและเยาวชนที่ได้ทั้งความสนุกและความรู้ด้วย ใน 5 ตัวที่พี่เล่าให้ฟังมามีตัวไหนเป็นตัวโปรดของน้องๆ บ้างไหมคะ หรือหากน้องๆ มีตัวการ์ตูนอื่นๆ ในดวงใจที่มีเรื่องราวดีๆ น่าสนใจก็เล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ ^^