ชวนดู "หน้ากาก 5 แบบ" ที่เห็นแล้วอยากลองใส่บ้างเลย!

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ในโลกนี้มีวัฒนธรรมและความเชื่อมากมายที่น่าศึกษาและค้นหา และวัฒนธรรมต่างๆ เนี่ยก็มีแยกออกมาเป็นหลายประเภทเลยทีเดียว วันนี้ พี่นิทาน จะมาพูดถึงเรื่อง "หน้ากาก" หนึ่งในเครื่องประดับอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมทั่วโลก แต่หน้ากากต่างๆ นั้นมีหลายประเภทและวิธีการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน บางอันเราอาจเคยเห็นและคุ้นตามานานแต่ไม่เคยรู้ความหมายของมันเลย ถ้างั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ 


1. หน้ากากม้าสุดเกรียน (Horse Head Mask)

Photo credit : www.ticatoca.com/
    
   ไม่มีที่มาแน่ชัดว่าหน้ากากม้าสุดเกรียนนี้มีที่มาจากไหน แต่ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อนในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2014 มีข่าวและภาพของโอบามา ประธานาธิบดีคนเก่าของอเมริกาที่กำลังเชคแฮนด์กับชายปริศนาที่ใส่หน้ากากม้าอยู่ หลังจากนั้นภาพนั้นจึงกลายเป็นมีม (Meme) สุดฮิตในอินเตอร์เน็ต เพราะใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ โอบามาจะได้ไปจับมือกับคนหัวม้าแบบนี้ล่ะ และตั้งแต่นั้นมาก็เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมความเกรียนโดยเริ่มมีคนใส่หัวม้าอัดคลิปลงยูทูบบ้าง, ปรากฏลงใน Google streets โดยบังเอิญบ้าง, ฯลฯ แต่มีข้อมูลจากบางที่ก็พูดกันว่าจริงๆ แล้วมันมีที่มาจากศิลปินชาวญี่ปุ่นที่เคยเอาหน้ากากม้ามาใส่แล้วทำกับข้าวอัดคลิปลงยูทูบ หรือบางที่ก็บอกว่ามาจากการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องแปลกๆ ของชายหนุ่มที่มีหัวเป็นม้าแล้วไปจีบหญิงคนหนึ่ง

    สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรู้ที่มาอย่างแน่ชัด แต่ด้วยความยอดฮิตในอินเตอร์เน็ตเพราะความฮาบวกเกรียนของรูปร่างหน้าตาหน้ากากนี้ก็ทำให้คนนิยมกันมากและและปัจจุบันก็ยังคงนิยมกันอยู่ในงานปาร์ตี้หรือเทศกาล (เกรียนๆ) ต่างๆ ด้วยค่ะ 
 

2. หน้ากากตัวตลกญี่ปุ่น (Hyottoko)

Photo credit : www.thejapanguy.com
    
   เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเห็นหน้าของหน้ากากนี้มาก่อน ทั้งจากในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นหรืออนิเมะต่างๆ เจ้าฮิยตโตโกะ (ถ้าออกเสียงผิดขออภัยด้วยนะคะ) นี้เป็นตัวละครตลกในตำนานของญี่ปุ่นที่มีหน้าประหลาดๆ มาพร้อมปากจู๋ ตาโตๆ เบี้ยวๆ และมักใส่ผ้าพันคอสีขาวลายจุดสีฟ้าและพันไปรอบๆ หัวที่มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าฮิยตโตโกะเป็นเด็กชายหน้าตาประหลาดคนหนึ่งที่สามารถผลิตทองคำออกมาจากสะดือของเขาได้ ฮิยตโตโกะจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ปัจจุบันผู้คนมักใส่หน้ากากฮิยตโตโกะในงานเทศกาลต่างๆ และเต้นเพื่อความบันเทิงควบคู่ไปกับหน้ากากโอกาเมะ (Okame) ที่เป็นรูปหน้าผู้หญิงตลกๆ ที่เรามักเห็นบ่อยพอๆ กัน 
 

3. หน้ากากกาย ฟอกส์ (Guy Fawkes Mask)

Photo credit : www.eraofwisdom.org
    
   เป็นหน้ากากที่คุ้นตามาก แรกเริ่มหลายคนรู้จักหน้ากากกายฟอกส์มาจากหนังเรื่อง V for Vendetta ที่ตัวเอกในหนังสวมหน้ากากนี้เพื่อต่อต้านรัฐบาล ต่อมาจึงมีกระแสนิยมในการใส่หน้ากากนี้ในการประท้วงทางการเมืองต่างๆ แต่ก่อนที่จะมีหน้ากากนี้ปรากฏในหนังเรื่อง V for Vendetta นั้นมีที่มาจากหน้าตาของชายคนหนึ่งที่มีชื่อนามแฝงว่า กาย ฟอกส์ เป็นกบฏในช่วงปี ค.ศ. 1605 ที่คิดวางแผนจะระเบิดรัฐสภาของอังกฤษ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นที่อังกฤษจึงมีวันรำลึกถึงความล้มเหลวของแผนกบฏของกาย ฟอกส์ ที่มีชื่อว่า Guy Fawkes Day (วันกาย ฟอกส์) ที่ผู้คนจะสวมหน้ากากหน้ากาย ฟอกส์ในทุกวันที่ 5 พฤศจิกายนของปี และออกมาจุดกองไฟกันตามประเพณี หลังจากนั้นเมื่อมีหนังออกมา ผู้คนทั่วโลกก็เริ่มนิยมและนำหน้ากากมาใช้กันมากขึ้น ส่วนมากมักใช้ในเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองต่างๆ และยังเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งอีกด้วย 
 

4. บิกินี่หน้า (Facekini)

Photo credit : Rex Features
    
   เมื่อหน้าร้อนมาถึงก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะต้องปกป้องตัวเองจากแสงแดดที่แผดเผา ยิ่งประเทศในเอเชียอย่างเราๆ แล้วแดดแรงสุดๆ ไปเลย แถมยิ่งถ้าเราไปเที่ยวทะเลก็คงต้องยิ่งกันแดดกันมากกว่าเดิม เพราะงั้นจึงมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาในช่วงปี 2004 ที่ประเทศจีนนั่นก็คือ "Facekini" หน้ากากสวมเพื่อกันแดดที่ใช้คู่กับชุดว่ายน้ำไปทะเลนั่นเองค่ะ แรกเริ่มนั้น Facekini เป็นที่นิยมกันอย่างมากในเมืองชิงเต่า ประเทศจีน นักท่องเที่ยว (ส่วนมากเป็นผู้หญิง) ชาวจีนแทบทุกคนที่มาเที่ยวทะเลในวันหยุดหน้าร้อนจะใส่ Facekini สีสันสดใสกัน โดยหน้ากาก Facekini นี้จะปิดทุกส่วนบนใบหน้าและจะเหลือแค่ส่วนตา จมูก ปาก ที่มีรูให้ได้มอง หายใจ และพูดคุยกันได้อยู่ ซึ่งก็สามารถกันแดดได้มากพอสมควร แถมยังทำด้วยวัตถุดิบกันน้ำคล้ายๆ หมวกว่ายน้ำ และสามารถป้องกันพิษแมงกระพรุนได้เผื่อว่ามีใครว่ายไปเจอสัตว์ร้ายต่างๆ ความจริงแล้วรูปแบบของ Facekini นี้ก็มีความคล้ายกับหน้ากากนักมวยปล้ำ (Wrestling mask) เหมือนกันนะคะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า Facekini เนี่ยดูเผินๆ แล้วมันน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้ 555
 

5. หน้ากากฟาโรห์ (Tutankhamun's mask)

Photo credit : Pixabay
    
   หน้ากากชนิดนี้อาจไม่ใช่หน้ากากที่คนทั่วไปจะนำมาใส่กันเพราะมีที่มาคือชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่าเมื่อคนตายไปแล้วจะมีโลกหลังความตายรอเราอยู่ จึงมีการรักษาศพหรือการทำมัมมี่ และหลังจากการทำมัมมี่นั้นก็มีการทำหน้ากากขึ้นมาสวมไว้ที่หน้าของมัมมี่เพื่อให้วิญญาณของศพจำร่างของตัวเองได้ หรือเรียกง่ายๆ ว่าจำหน้าตัวเองได้นั่นเองค่ะ การทำหน้ากากมัมมี่นั้นแรกเริ่มจะใช้ชิ้นส่วนไม้มาทำและวาดหน้าพร้อมกับลงสีในตอนท้าย โดยหน้าตาของหน้ากากเหล่านี้มักจะเป็นหน้าคนตาโตๆ ยิ้มแห้งๆ และยังมีการตกแต่งด้วยความเก๋ไก๋ของแฟชั่นต่างๆ ในสมัยนั้นด้วย หลังจากนั้นมีวิวัฒนาการมาใช้ชิ้นส่วนของใบปาปิรุสและลินินที่นำไปผสมกับปูนปลาสเตอร์และเชื่อมติดกับไม้ แต่สำหรับหน้ากากมัมมี่ของชนชั้นกษัตริย์นั้นจะใช้วัตถุดิบที่ดีและหรูกว่าแบบเดิมคือมีชิ้นส่วนของโลหะและทองคำมาผสม ตัวอย่างเช่นหน้ากากของฟาโรห์ตุตันคาเมนที่มีชื่อเสียงที่สุด  
 
    หน้ากากนี่มีหลายชนิดและใช้งานได้หลากหลายตามเหตุการณ์ที่แตกต่างกันไปนะคะ วันนี้อาจจะยกมาไม่หมด แต่เน้นอันที่เคยเห็นกันบ้างแล้ว นอกจากหน้ากากทั้ง 5 แบบที่เล่าให้ฟังด้านบนแล้ว ทั่วโลกก็ยังมีหน้ากากแปลกๆ เก๋ไก๋อีกมากมายเลย ใครเคยเห็นอันไหนแปลกๆ และชอบอันไหนก็เล่าให้ฟังได้นะคะ ^^ 

อ้างอิง
http://theweek.com/
http://www.dailymail.co.uk/travel/
http://www.japan-talk.com/jt/new/japanese-masks
https://www.washingtonpost.com/news/
http://www.historyofmasks.net/
http://www.historyembalmed.org/

 
พี่นิทาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด