สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ พี่นิทาน มีเรื่องราวของบุคคลที่น่าสนใจมาฝาก ตัวพี่เองชอบเวลาได้พบเจอคนใหม่ๆ แล้วถามไถ่เรื่องราวชีวิตของพวกเขา เพราะแต่ละคนจะมีเรื่องราวที่แตกต่างกัน หลายครั้งที่เราได้ฟังเรื่องราวจากคนอื่นแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นและได้รับแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นเยอะแยะเลย ถ้าอย่างงั้นพี่ก็ขอแบ่งบันแรงบันดาลใจผ่านเรื่องเล่าของคนเหล่านี้ให้น้องๆ ฟังต่อเลยแล้วกันนะคะ
สมัยเด็กเวลาคุณครูหรือผู้ใหญ่ถามว่าโตขึ้นเราอยากเป็นอะไร มักจะมีเสียงตอบว่าอยากเป็นหมอบ้าง อยากเป็นครูบ้าง อยากเป็นตำรวจ หรืออาชีพอื่นๆ แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะได้ยินใครสักคนบอกว่าอยากเป็น "พยาบาล" อาจเป็นเพราะเราอาจมีความเชื่อมาตลอดว่าอาชีพพยาบาลเป็นงานที่ต้องคอยดูแลผู้ป่วยตลอดเวลา ฟังดูน่าเบื่อ แต่ขอบอกว่าความเป็นจริงอาชีพพยาบาลยังมีอะไรมากกว่าที่เรารู้มาซะอีก แถมยังสามารถต่อยอดทำอะไรอย่างอื่นได้ตั้งหลายอย่างแน่ะ สำหรับใครที่ชอบเที่ยวและใฝ่ฝันอยากไปอยู่ต่างประเทศ ขอบอกว่าอาชีพพยาบาลก็ทำได้ แถมเจ๋งกว่าที่คิดเยอะเลย!
.jpg)
หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นพยาบาลแล้วเกี่ยวอะไรกับต่างประเทศ ถ้าอย่างงั้นก็จะขอเล่าเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจและที่สำคัญตอนนี้เธอก็มีอาชีพเป็น "พยาบาล" ที่บ่อยครั้งได้มีโอกาสไปทำงานที่ต่างประเทศบ้าง ได้ไปเที่ยวบ้าง พบเจอคนใหม่ๆ และวัฒนธรรมที่หลากหลายที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นตาตื่นใจและสนใจความเป็นไปของโลกนี้อยู่เสมอ ชื่อของเธอก็คือ หนูดี - ภาษา มานารัตน์ นั่นเองค่ะ
"ภาษา" คือการสื่อสารอย่างหนึ่งที่สำคัญของมนุษย์
ก่อนจะเข้าเรื่องอาชีพพยาบาล เชื่อว่าน้องๆ หลายคนต้องสงสัยแน่ๆ ว่าชื่อจริงว่า "ภาษา" นี้มาจากไหน เพราะไม่เคยเห็นใครชื่อนี้มาก่อนเลย ต้องมีที่มาที่ไปที่น่าสนใจแน่ๆ
"หนูดี (ชื่อเล่น) และ ภาษา เป็นชื่อที่คุณป้าตั้งให้เพราะอยากให้โตขึ้นเป็นคนดีของสังคมและอยากให้พูดเป็นหลายๆ ภาษา (พูดภาษาอังกฤษกับจีนได้ ส่วนภาษาญี่ปุ่นและอิตาเลียนได้นิดหน่อย) เพราะความหมายของ "ภาษา" ก็คือ 'สื่อกลางแห่งการสื่อสาร' การที่เราสื่อสารได้หลายภาษาทำให้เราสามารถเข้าใจและเข้าถึงคนชาตินั้นๆ ได้ลึกซึ้ง ซึ่งมีประโยชน์ทั้งต่อตนเองและส่วนรวมมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะคนที่พูดภาษาได้มักจะได้เปรียบในเเง่ของโอกาสต่างๆ ในชีวิตในทุกๆ ด้าน นอกจากนั้นยังทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง เวลาคุยกับชาวต่างชาติก็จะทำให้มีความมั่นใจ จริงๆ แล้ว คนไทยเป็นคนดีและเก่ง แต่อาจแพ้ต่างชาติที่ว่าบางคนพูดสื่อสารอังกฤษไม่ได้หรือไม่ดีพอเท่านั้นเอง ถ้าหากตัดส่วนนี้ไปคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอน ทางผู้ใหญ่เห็นถึงความสำคัญของส่วนนี้ ก็เลยเป็นที่มาของการตั้งชื่อนี้ค่ะ"
พยาบาลเป็นอาชีพที่ทั่วโลกต้องการ
แถมเป็นใบเบิกทางไปต่างประเทศได้ด้วย
จากตอนแรกที่ไม่เคยคิดอยากเรียนพยาบาลมาก่อนเลย ไม่เคยมีในหัวด้วยซ้ำ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณลุงที่เป็นชาวสวิสฯ เห็นว่าเธอชอบประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาก แถมชอบท่องเที่ยวไปไหนมาไหนตลอด เลยแนะนำให้เรียนพยาบาลดู
"หนูดีเรียนจบ ป.ตรี 2 ใบ ใบแรกเรียนมนุษยศาสตร์ เอกภาษาจีน ที่ม.เชียงใหม่ พอเรียนจบมาแล้ว ด้วยความที่ชอบการท่องเที่ยวแบบที่เรียกได้ว่าฝังอยู่ในกระแสเลือดเลยอยากทำงานที่สามารถเป็นใบเบิกทางให้เราไปทำงานได้ในหลายๆ ประเทศ เลยตัดสินใจเรียนพยาบาล เพราะทุกประเทศต้องการพยาบาล วิชาชีพนี้ไม่เคยมีคำว่าตกงานหรือหางานไม่ได้ เราเลือกได้เองด้วยว่าจะทำเป็นเฉพาะทางทางด้านไหนและอยากจะทำกับองค์กรไหน"
"หลายคนอาจมองเพียงด้านเดียวว่าพยาบาลจะต้องทำงานแค่ในโรงพยาบาล แต่จริงๆ แล้วข้อดีและความพิเศษของการเป็นพยาบาลคือสามารถทำงานได้หลากหลายมากๆ เช่น สามารถเป็นเซลส์ขายยา ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำธุรกิจได้หลากหลายช่องทาง แล้วแต่ว่าเราจะเกิดปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมา สามารถเปิด Nursing home ก็ได้ ได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับสายการแพทย์ไม่แพ้แพทย์เลยทีเดียว โดยเฉพาะปัจจุบันประเทศไทยของเรากำลังขับเคลื่อนตัวเองมาเป็น Medical hub (ศูนย์กลางสุขภาพ) ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ Medical tourism (การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ) ก็ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทยเรา ซึ่งนำเงินเข้าประเทศอย่างมหาศาลต่อปี และนอกจากเหตุผลที่ชอบเที่ยวแล้ว การเลือกเป็นพยาบาลนั้นยังเป็นอาชีพที่สามารถช่วยคนได้อีกเยอะด้วย เลยอยากเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือคนด้วยค่ะ"
ที่ต่างประเทศมีระบบการทำงานที่แตกต่างกับไทยมาก
แน่นอนว่าถ้ามีใจอยากไปทำงานที่ต่างประเทศแล้ว เราก็ต้องรู้ดีว่าต่างประเทศคงจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่แตกต่างจากเมืองไทย ทั้งเรื่องของวัฒนธรรม นิสัยผู้คน การจัดการอะไรต่างๆ
.jpg)
ดูงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แผนก CCU
"เคยมีโอกาสได้ไปดูงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มา 5 วัน แต่เป็น 5 วันที่ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก เราได้เห็นความแตกต่างของวัฒนธรรมในองค์กรของเค้าและการบริหารจัดการหน้าที่ต่างๆ ของคนในองค์กรที่เป็นระบบมากและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า นอกจากนั้นก็มีเรื่องของความเท่าเทียมกันในสาขาอาชีพคือจะเห็นได้ว่าทุกเจ้าหน้าที่ใน รพ. จะช่วยเหลือทำงานกันเป็นทีม เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียม คือที่สวิตเซอร์แลนด์สามารถเลือกได้ว่าต้องการทำงานมากน้อยแค่ไหน บางคนเลือกทำแค่ 50% 70% 80% เพราะต้องการใช้เวลากับครอบครัว หรือเพื่อนพยาบาลบางคนของเราก็ทำพยาบาล 10% และเป็นโปรแกรมเมอร์ให้กับโรงพยาบาล 90% ก็มี บางคนแหวกแนวไปกว่านั้นก็คือ ทำพยาบาล 50% เป็นแอร์ฯ 50% นี่ก็เป็นอีกอย่างที่เราคิดว่าน่าสนใจมากเวลาไปต่างประเทศ เพราะนอกจากจะเห็นว่าประเทศและคนของเค้าจะจัดการอะไรอย่างเป็นระบบระเบียบแล้ว เรายังได้เห็นว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ เราไม่ควรอยู่ในกรอบเดิมๆ โลกหมุนเร็ว เราก็ต้องหมุนตัวเองให้ทันโลก"
Flight nurse งานพยาบาลอีกแบบที่อยู่กลางอากาศ!
เพิ่งจะเคยรู้ว่ามีงานแบบนี้อยู่ด้วย แถมน่าสนใจมากเลย ฟังดูเหมือนจะเป็นงานที่พิเศษกว่างานพยาบาลทั่วไปแน่ๆ
"มีโอกาสได้รู้จักกับคุณหมอชาวนอร์เวย์คนหนึ่ง หมอก็เลยชวนให้ลองมาเป็น Flight nurse แบบพาร์ตไทม์ Flight nurse ก็คือพยาบาลที่ต้องขึ้นเครื่องบินไปกับหมอและผู้ป่วยเพื่อคอยดูแลตลอดการเดินทาง โดยคนไข้เหล่านี้จะเป็นคนไข้ที่ไม่มีประกัน แต่ป่วยวิกฤตที่ต้องการการรักษาพยาบาลแบบด่วน เหมือนเวลาเราไปเดินป่าหรือเดินเขาในที่ที่มีการขนส่งลำบาก บางครั้งเวลาเกิดอะไรฉุกเฉินเค้าก็จะส่งเฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบินขนาดเล็กมารับ และส่วนมากจะเป็นบริการของโรงพยาบาลเอกชน แต่ในเคสของหนูดีจะเป็นคนไข้ชาวนอร์เวย์ที่มาติดต่องานหรือมาเที่ยวในเมืองไทยแล้วเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น เค้าก็จะติดต่อกับทางสถานทูตบ้าง"
"ส่วนคุณหมอชาวนอร์เวย์คนนี้จะเป็นคนที่มีเครือข่ายกับชาวนอร์เวย์ในไทย ดังนั้นพอมีคนป่วยติดต่อคุณหมอไป คุณหมอก็จะรีบบินมารับ และถ้าเป็นเคสที่คุณหมอต้องการพยาบาล เราก็จะขึ้นเครื่องไปกับคุณหมอ โดยเครื่องบินที่เราจะได้ขึ้นส่วนมากจะเป็นเครื่องบินทั่วไปแต่จะได้นั่งแบบ Business class เพราะจะสะดวกสบายกว่าสำหรับผู้ป่วย บางครั้งอาจได้นั่ง Private jet แล้วแต่เคสไป"
ต้องมีทักษะและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็น
งาน Flight nurse ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าอยู่กลางอากาศ เพราะงั้นจะแตกต่างจากอยู่บนพื้นดินแน่นอน อะไรหลายๆ อย่างก็มีข้อจำกัดและไม่ได้ทำทุกอย่างได้เหมือนเวลาอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นหนูดีก็ไม่หวั่น เพราะยังไงก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
"ผู้ป่วยในเคสนี้จะมีทั้งป่วยทางกายและแบบที่ป่วยทางจิต ดังนั้นเราต้องคอยเฝ้าดูแลเค้าแบบไม่คลาดสายตาตลอดไฟลท์ (ประมาณ 11 ชั่วโมง) โดยจะผลัดกันนอนกับหมอ ความจริงงานนี้เป็นงานที่สนุกสำหรับเรา แต่ก็เครียดมากในบางครั้งถ้าคนไข้มีอาการหนัก ด้วยความที่เครื่องบิน มีพื้นที่จำกัดเลยจะทำบางอย่างไม่ได้สะดวกมาก และจำเป็นต้องรู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและใช้ทักษะเยอะมาก อย่างเช่นบางสายการบินจะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่น เราขอถังอ็อกซิเจนไป 4 ลิตร แต่ใช้ได้แค่ 2 ลิตร ก็ต้องคิดหาทางแก้ปัญหา หรือบางครั้งคนไข้อาการกำเริบหรืออาละวาดขึ้นมาเราก็ต้องจัดการให้ได้"
การทำงานใหม่ๆ ให้โอกาสเราพบเจอและเรียนรู้อะไรหลายๆ ด้าน
หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องโชคดีมากที่ได้มีโอกาสทำงานที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ เพราะได้ไปเมืองนอกแถมยังได้เที่ยวอีก แต่นอกเหนือจากการได้เที่ยวหรือความสวยงามของสถานที่แล้ว มีหลายสิ่งที่ได้เรียนรู้มากมายและน่าประทับใจกว่าเยอะ
"หลังจากเครื่องลงจอดที่นอร์เวย์แล้ว ผู้ป่วยจะมีทั้งกลับบ้านและไปโรงพยาบาล ซึ่งขั้นตอนนี้เราก็จะแค่ไปส่งเค้าให้ถึงที่ ถ้าไปโรงพยาบาลเราก็จะช่วยคุณหมอประสานงาน พอไปถึงโรงพยาบาลแล้วก็ส่งให้กับหมอและทีมงานของโรงพยาบาลนั้นไปก็ถือว่าจบงานของเราแล้ว หลังจากนั้นเราจะมีเวลาอิสระเยอะเลย ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะอยู่ต่อกี่วัน อยากเที่ยวต่อก็เที่ยวได้เพราะวีซ่าเราก็ได้มาประมาณปีนึง"
"โดยรวมถือว่างานนี้เป็นงานที่สนุกมากและได้ประสบการณ์ทั้งการพบเจอคน ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้เที่ยว และได้นั่งเครื่องบินแบบ Business class (ที่เราก็จะได้สะสมไมล์ไปด้วย 555) แต่ที่รู้สึกดีที่สุดคือการที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการพาผู้ป่วยกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย นอกจากนั้นก็ได้เรียนรู้การทำงานของหมอและวัฒนธรรมในประเทศของเค้า ซึ่งการแสดงออกของชาวต่างชาติจะต่างกับคนไทยตรงที่เค้าจะมีการให้กำลังใจกันจากการสัมผัสกัน เช่นการกอด การจับมือ จับไหล่ ซึ่งบางครั้งการแสดงออกแบบนี้จะสำคัญต่อจิตใจมากกว่าคำพูด"
"นอกจากนั้นยังมีอีกเรื่องที่ประทับใจคือตอนที่ได้ร่วมงานกับคุณหมอชาวนอร์เวย์ก็ได้เห็นความจริงใจของคุณหมอที่อยากจะช่วยคน เช่น เคยมีเหตุการณ์ที่คุณหมอเจอขอทานแล้วเข้าไปทักไปซื้อกาแฟและขนมให้เค้า เราประทับใจตรงที่คุณหมอก็ไม่ใช่คนที่หรูหราหรือมีอะไรมากกว่าใครแต่เต็มใจที่จะช่วยทุกคนหรือคนที่มีน้อยกว่าเค้า เห็นแบบนี้ทำให้เรารู้สึกประทับใจในตัวหมอมาก และจากการได้พบเจออะไรหลายๆ อย่างระหว่างที่ได้ร่วมงานกับคุณหมอก็รู้สึกว่าเราเข้าใจคนมากขึ้น สิ่งที่หมอทำทำให้เรารู้สึกพึงพอใจและมีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่"
การพัฒนาและเชื่อมั่นในความสามารถตัวเองคือเรื่องสำคัญ
จากที่อ่านเรื่องราวของพี่หนูดีมา น้องๆ น่าจะรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ได้ทำอะไรเจ๋งๆ มาเยอะไม่เบาเลย พี่เชื่อว่าหลายคนคงอยากมีโอกาสได้ทำสิ่งที่ชอบหรืออาชีพในฝันอย่างที่ฝันเอาไว้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ายังมีหลายคนที่ไม่กล้าเดินตามความฝันหรือยังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ ขอบอกเลยว่าโลกนี้ไม่มีอะไรต้องกลัว แค่มั่นใจในตัวเองเข้าไว้
"เรามีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่ามนุษย์เราต้องหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ไม่ว่าใครก็ตาม จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ อยากให้คิดว่าไม่มีอะไรที่แก่เกินเรียน คนเราเรียนรู้ได้ตลอด เคยมีงานวิจัยมาว่าสมองเป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์มาก ถ้าเราใช้งานมันอยู่ตลอดมันก็จะไม่ฝ่อ แถมยังสามารถพัฒนาขั้นได้และไม่มีวันหมดอายุ ยิ่งเราหมั่นฝึกฝนทักษะมากขึ้นเท่าไหร่ สมองก็จะแข็งแรงมากขึ้นเช่นกัน ตอนที่เรียนพยาบาลเค้าสอนว่า มนุษย์ทุกคนเป็นคนดี มีศักยภาพและพัฒนาได้ และที่สำคัญคือเราไม่จำเป็นต้องเก่งเหมือนใครๆ ทุกคนมีความถนัดและชำนาญแตกต่างกันไปในแต่ละด้าน โลกเราคงจะน่าเบื่อมากหากมีแต่คุณหมอเต็มโลก หรือโลกอาจพัฒนาไม่ได้หากไม่มีผู้คนที่คลั่งไคล้ในโรบ็อตหรือคอมพิวเตอร์ และโลกของเราก็คงจะไม่มีความโรแมนติกหากไม่มีคนที่รักในเสียงเพลง คือทุกคนแตกต่างและควรภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น อยากเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่หันมาทำในสิ่งที่ใจรักหากเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และไม่เดือดร้อนใคร"
ใครอยากทำอะไรให้ทำเลยจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าไม่ได้ทำ และอยากฝากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานและเต็มที่กับสิ่งที่ฝัน ฟังเสียงเรียกร้องของหัวใจและทำตามมันซะ "Live life with zest. Live life with passion. Follow you heart and instinct, wisely."
เรื่องราวของพี่หนูดีน่าสนใจและอยากจะติดตามต่อไปเลยนะคะว่าพี่เขาจะได้ทำอะไรอีกบ้าง แล้วก็จริงอย่างที่พี่หนูดีบอกว่าทุกอย่างบนโลกนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เราไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในกรอบเดิมๆ เพราะโลกนี้เปลี่ยนไปทุกวัน และทุกอย่างที่เราใฝ่ฝันก็สามารถเป็นจริงได้ถ้าเรากล้าที่จะ "เริ่ม" มัน เพราะงั้นอย่าไปกลัวค่ะ ไม่ว่าความกลัวนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ขอให้น้องๆ ทุกคนเชื่อมั่นในตนเอง เราอาจไม่ได้เก่งในบางด้าน แต่เชื่อเถอะว่าทุกคนมีเรื่องเจ๋งๆ ที่แตกต่างกันไป อย่าเปรียบเทียบกับใคร มาเปรียบเทียบปัจจุบันกับอนาคตดีกว่าว่าเราจะพัฒนาตัวเองได้ไกลกว่าเดิมเท่าไหร่ น่าสนุกกว่าเยอะเลย จริงไหม ^^
ส่วนใครที่มีคำถามหรืออยากพูดคุยกับพี่หนูดี สามารถเข้าไปพูดคุยได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ A day with Phasa" และ Youtube A day with Phasa ได้เลยค่ะ
11 ความคิดเห็น
สนใจงานนี้จังเลย...ปุ๊จบพยาบาล 6ปีแล้วค่ะ ต่อเฉพาะทางมา2สาขา แต่ไม่ทราบช่องทางในการไปต่อกับงานพวกนี้
สนใจมากๆเลยค่ะ ตอนนี้กำลังจะแอดมิชชันเข้าคณะพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งอยู่พอดี เป็นคนที่ชอบการท่องเที่ยวเหมือนกันค่ะ จริงๆไม่ได้ตั้งใจมาเป็นพยาบาลเหมือนกันแต่คิดว่าทำได้ พอได้มาอ่านแล้วรู้ว่ามีการทำงานบนเครื่องบินด้วยยิ่งดีใจ อยากทราบว่าถ้าเป็น flight nurse จะได้เงินต่อครั้งเท่าไหร่คะ เห็นว่าเป็นพาร์ทไทม์ แล้วถ้าต้องการไปทำงานพยาบาลที่ต่างประเทศต้องสอบอะไร เตรียมตัวอย่างไรบ้างอะคะ
น่าสนใจมากๆค่ะ พี่หนูดีเรียนพยาบาลที่ มหาวิทยาลัยไทยหรือต่างประเทศค่ะ
ึเหมือนเห็นพี่เค้าเรียนจบจากมหาลัยที่ไทยนะคะ ABAC
@badkittyyy พี่นิทาน มีข้อมูลการติดต่อพี่หนูดีมั้ยค่ะ
มีข้อมูลติดต่อคุณหนูดีรึป่าวคะ สนใจอยากสอบถามข้อมูลมากๆค่ะ ถ้าตอบกลับจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งนะคะ ID line:koi_chai
น่่่่่่่่่่่่่าสนใจมากๆคะ แต่ไม่เก่งภาษาเลย
เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากค่ะ เราเรียนพยาบาลแต่ไม่อยากทำงานในโรงพยาบาลเลย TT
พี่เค้าโพสแนวทางการเป็น Flight Nurse ตามลิ้งค์นี้ครับ https://youtu.be/YAwwoly758M