เรียน 1 ได้ถึง 2! ไปดูชีวิตการเรียน "การโรงแรม" ในสวิส ที่เหมือนได้เรียน "สถาปัตย์" ด้วยในตัว

      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ เช่นเคย^^เรื่องที่นำมาฝากวันนี้เป็นประสบการณ์การเรียนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ปริญญาตรีจนปริญญาโทเลย! เรียกว่าลากยาวหลายปีมากๆ เลยแหละ



    
      สวัสดีค่ะ ชื่อกุลณัฐฐา เล่าสีห์สวกุล ชื่อเล่นชื่อชาแพง ตอนนี้เรียนปริญญาโทปี 1 อยู่ที่ International Hotel and Tourism Training Institute หรือเรียกสั้นๆ ว่า IHTTI เมือง Nuechatel (เนอชาแตล) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ สาขาที่เรียนคือ Master of International Business in Hotel & Design Management หรือธุรกิจระหว่างประเทศด้านการจัดการโรงแรมและการออกแบบ^^


      ขอเล่าย้อนไปก่อนว่า พอจบมัธยมปลายก็มีความคิดอยากไปเรียนที่ต่างประเทศ ตอนแรกเลือกไปอังกฤษค่ะ ซึ่งก่อนจะเข้าปริญญาตรีได้ นักเรียนไทยต้องเรียนคอร์สปรับพื้นฐานก่อน พี่ก็เลือกเรียนคอร์สด้านกฎหมายเพราะกะจะต่อปริญญาตรีด้านกฎหมาย แต่เรียนไปเรียนมาแล้วไม่ชอบ รู้สึกไม่โอเคกับการอ่าน Text เยอะๆ เลยย้อนถามตัวเองว่าเราชอบอะไร? นึกได้ว่าเราชอบ service คน ชอบทำนั่นนี่ให้คนอื่น พอกลับไทยมาก็มีโอกาสไปสัมมนาพวกงานเรียนต่อการโรงเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์ เลยสนใจ สรุปคือเรียนปริญญาตรีที่ IHTTI ซึ่งก็คือที่เรียนปริญญาโทอยู่ตอนนี้ (เป็นศิษย์ตั้งแต่สมัยปริญญาตรีนั่นเอง)      


ส่วนวิชาเรียนตอนปริญญาตรีนั้น ขอเล่าแยกเป็นชั้นปีค่ะ

      ปี 1 เน้นที่ Food&Beverage ไม่ได้เน้นเรียนทำอาหาร แต่จะเรียนให้รู้การบริการด้วยอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ ต้องเสิร์ฟด้านขวา ขนมปังต้องด้านซ้าย ต้องเสิร์ฟผู้หญิงและเด็กก่อนอะไรทำนองนี้ค่ะ แต่ก็มีเข้าครัวนานๆ ครั้ง ไม่บ่อยมาก มีให้ทำกาล่าดินเนอร์ด้วยนะ ต้องออกแบบงานเอง ในงานจะมีอะไร จัดธีมไหน มีอาหารอะไร ต้องส่งการ์ดเชิญรุ่นพี่เอง อาจารย์ก็จะมาประเมินว่าเราจัดงานเป็นยังไง ส่วนปีนั้นพี่ไปฝึกงานที่ Phulay Bay-A Rotz Carlton ที่กระบี่ ดูแลในส่วนของ Room Service ค่ะ พูดง่ายๆ คือแขกอยากได้อะไรก็ต้องหาให้ 55555


      ปี 2 เน้นที่ Food&Beverage เหมือนกัน แต่สเกลใหญ่ขึ้นคือห้องอาหารและงานอีเวนต์ รวมถึงเรียน Housekeeping ด้วย คือการจัดห้องและทำความสะอาดห้อง เวลาสอบคือหินมาก ต้องปูเตียงให้เสร็จภายใน 7 นาที ก่อนจะปู ต้องมีพรีเซนต์ให้อาจารย์ฟังก่อน แล้วก็จะมีจับฉลากสอบว่าเราจะจับได้อะไร เช่น ใช้เครื่องดูดฝุ่น ล้างห้องน้ำ จัดห้องนอน พี่จับได้ล้างห้องน้ำ ก็ต้องล้างให้อาจารย์ดูค่ะ 5555 ไม่ใช่ง่ายๆ นะ มันละเอียดมาก เช่น การเรียงทิชชู่ การจัดทิชชู่ จะมาวางก่อนล้างห้องน้ำไม่ได้ เพราะหากวางทิ้งไว้แล้วละอองน้ำยาล้างห้องน้ำปลิวไปโดน แขกมาพักเกิดแพ้น้ำยาขึ้นมาก็จะเป็นเรื่องใหญ่ได้

      ส่วนปีนั้นไปฝึกงานที่ JW Marriott ที่กรุงเทพนี่แหละค่ะ ตอนนั้นได้ทำฝ่ายบุคคล 3 เดือน ทำอีเวนต์อีก 3 เดือน ก็สนุกคนละแบบ แบบแรกก็จะต้องจัดกิจกรรมให้พนักงาน หาพนักงานใหม่ อย่างหลังจะไปช่วยดูแลงานแต่งงาน งานสัมมนา


      ปี 3 จะเน้นงานกลุ่มค่ะ ทางมหาวิทยาลัยจะดีลกับบริษัทใหญ่ๆ ไว้ อย่างปีพี่เรียนนั้นได้ทำงานกับนาฬิกา Omega!! ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี ปีนั้นได้เรียนสองหัวข้อใหญ่ๆ และต้องทำงานส่งด้วย เรื่องแรกคือ Brand&Development พูดง่ายๆ คือจะพรีเซนต์ยังไงให้สินค้าของเขาดูดีมีราคา อีกเรื่องคือ Luxury เค้าให้เราออกแบบสร้างร้าน Retail Store ขึ้นมาร้านหนึ่ง ต้องคิดเองหมดว่า กลุ่มลูกค้าเป็นใคร จะเอานาฬิการุ่นไหนมาวางขาย  จำได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก เพราะเน้นทำงานกลุ่ม ไม่ค่อยมีชั่วโมงเรียน 555555 เลยพอมีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนสนิท สนุกมากๆ เลยค่ะ

      นอกจากนี้ ในตอนปี 3 ยังได้เรียนเรื่องการออกแบบด้วยค่ะ เน้นใช้ Autocad แบบเด็กสถาปัตย์เลย เช่น ออกแบบร้านอาหาร ออกแบบล็อบบี้โรงแรม ออกแบบออฟฟิศ ต้องจำเยอะมาก ดีไซน์รูปแบบเก้าอี้ต่างๆ เราก็ต้องจำให้ได้หมดว่ามีอะไรบ้าง ใครชอบทั้งการโรงแรมและชอบพวกออกแบบสถาปัตย์ด้วย หลักสูตรนี้ถือว่าตอบโจทย์มาก


      หลังจบปริญญาตรี พี่ก็กลับไทยไปฝึกงานอยู่ 4 เดือนค่ะ ฝึกด้าน Sales&Marketing ฝึกไปสักพักก็รู้สึกอยากต่อโท อยากมีความรู้มาใช้กับงานมากขึ้น เลยสมัครเข้าปริญญาโทกลับมาเรียนที่นี่ โดยปริญญาโทเรียนแค่ 2 เทอมค่ะ เทอมแรกสำหรับคนไม่มีประสบการณ์ด้านโรงแรม อย่างพี่มีแล้ว ก็ข้ามไปเทอมสองเลย วิชาที่เรียนก็เช่น การเงิน การตลาด การออกแบบโรงแรม เรียนแค่ 4-5 เดือนก็จบ ได้วุฒิปริญญาโทเลยค่ะ


     สาขาที่เรียนในระดับปริญญาโทคือ Hospitality and Design Management ที่อื่นจะเน้นการโรงแรมแล้วก็การจัดการทั่วไป แต่ที่นี่จะเน้นที่การออกแบบดีไซน์ ไม่ได้หมายถึงไปเป็นสถาปนิกนะคะ แต่เราต้องพอร่างออกแบบโครงสร้างของโรงแรม ห้องอาหาร หรืองานอีเวนต์ได้ ซึ่งหาสถาบันที่เปิดสอนสาขานี้ยากมากๆ เรียกว่าเป็นจุดเด่นเอกลักษณ์ของหลักสูตรที่นี่เลยก็ว่าได้ค่ะ โดยปริญญาตรีใช้เวลาเรียน 3 ปีครึ่ง ปี 1-2 จะมีบังคับฝึกงานด้วย ส่วนปี 3 เลือกเองได้ว่าจะฝึกหรือไม่ฝึก

      นับๆ แล้วคือพี่อยู่สวิตเซอร์แลนด์หลายปีมากๆ ส่วนตัวชอบสถาบันนี้มาก ด้วยความที่โรงเรียนเล็ก ทุกอย่างอยู่ภายในตึกเดียว ห้องพักก็อยู่ในนี้ ทำให้สะดวกและเข้าถึงอาจารย์และเพื่อนได้่ง่ายมากๆๆๆ อากาศก็ดี สภาพแวดล้อมก็ดีค่ะ แต่ที่สวิสอาจจะเงียบเกินไปบ้าง ยิ่งวันอาทิตย์นี่ร้านรวงปิดหมด เงียบทั้งเมืองเลยค่ะ  ..... และสำหรับน้องๆ ที่ยังหาตัวเองไม่เจอ ก็ขอให้หาเจอให้ไวๆ นะคะ อย่างพี่เสียเวลาที่อังกฤษไปปีนึงเลย ดังนั้นต้องหาข้อมูลดีๆ และถามตัวเองดีๆ ว่าเราชอบอะไรกันแน่ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

   

      เป็นหลักสูตรที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ ได้เรียนการโรงแรมครึ่งหนึ่ง ได้เรียนแนวสถาปัตย์อีกครึ่งหนึ่ง เรียกว่าเอาใจคนรักงานบริการที่ชอบการออกแบบ ดีจังเลย^^



SPONSORED BY

เล่าประสบการณ์ฝึกงานสำนักงาน UN และโรงแรมระดับโลก! ของนักศึกษาการโรงแรมในสวิส


 
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น