หรือเราควรลองบ้าง? Social Media Detox การล้างพิษอาการจิตตกหดหู่จากโลกโซเชียล

 
     เราเล่นโซเชียลมีเดียเป็นงานอดิเรก ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออินสตาแกรม ซึ่ง "งานอดิเรก" ควรทำให้เราเพลิดเพลินและมีความสุขมากขึ้น แต่เคยรู้สึกมั้ยคะว่า บางครั้งพอเปิดเฟซบุ๊ก หรือเข้าไปดูอินสตาแกรมของคนอื่น ทำไมเค้าไปเที่ยวบ่อยจัง ทำไมเค้าดูมีความสุขกันมากเลย? แล้วเราล่ะ...
     
     ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งเราเองก็ใช้โซเชียลมีเดียในการทำร้ายตัวเอง เห็นภาพคนนั้นแล้วจิตตก เห็นสเตตัสคนโน้นแล้วเกิดน้อยใจ แล้วเราจะทำยังไงดี? วันนี้
พี่เป้ ขอพาน้องๆ ไปทำความรู้จักกับ Social Media Detox ค่ะ


 

Social Media Detox


     ความหมายก็ตรงตัวเลยค่ะ เหมือนการชำระล้าง(พิษ)โซเชียลมีเดียออกไปจากชีวิต บางคนอาจจะเริ่มลองทำในระยะเวลาสั้นๆ เช่น 7 วัน ขั้นตอนก็ง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยค่ะ เช่น

Deactivate แอคเคานท์ทุกอย่าง
วิธีนี้อาจจะดูยากไปหน่อยสำหรับบางคนที่ต้องใช้โซเชียลมีเดียในการติดต่อกับเพื่อน ขอยกตัวอย่างของตัวพี่เองก็แล้วกันนะคะ พี่จะมีเฟซบุ๊ก 2 อันค่ะ อันหนึ่งไว้คุยกับเพื่อนทั่วไป คนรู้จัก และเน้นไว้ใช้คุยงาน รวมๆ แล้วมีเพื่อนในเฟซบุ๊กนี้อยู่หลายร้อยคน ส่วนอีกอันไว้คุยกับเพื่อนสนิทหรือค่อนข้างสนิทที่ไว้ใจได้จริงๆ โดยเฟซบุ๊กอันหลังจะมีเพื่อนแค่ 50 คนเท่านั้น ช่วงไหนเริ่มรู้สึกว่าจิตใจเราอ่อนแอ สุขภาพจิตสั่นคลอน พี่จะ Deactivate เฟซบุ๊กอันแรก แล้วจะเข้าไปใช้แค่เฟซบุ๊กที่มีแต่เพื่อนสนิทค่ะ บอกเลยว่าวิธีนี้ดีมากกกกกก ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรมากมาย รู้เฉพาะแค่เรื่องเพื่อนสนิทจริงๆ เท่านั้นซึ่งเราไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเค้าอยู่แล้ว


ลบแอปพลิเคชั่นทุกอย่างออกจากมือถือ
นอกจากจะเป็นการ Social Media Detox แล้ว ยังทำให้มือถือเราไวขึ้น 100000000% อีกด้วยค่ะ พี่เคยลบเฟซบุ๊กกับทวิตเตอร์ออกไป เหมือนได้มือถือใหม่เลยจริงๆ

ให้เพื่อนสนิทเข้าไปเปลี่ยนพาสเวิร์ดให้
เป็นวิธีหนึ่งที่บอกเลยว่าเวิร์กมากค่ะ เพราะลองมาแล้ว 555555 พี่มีเฟซบุ๊กอันเก่าอีกอันหนึ่ง ซึ่งทุกครั้งที่เข้าไปดูก็จะเจอเรื่องเก่าๆ เข้าไปทีไรก็เศร้า จนรู้สึกโมโหตัวเองว่า แล้วจะเข้าไปดูให้ได้อะไรขึ้นมา? พี่เลยบอกให้เพื่อนสนิทเข้าไปเปลี่ยนพาสเวิร์ดให้หน่อย จนทุกวันนี้ผ่านไป 3 ปี พี่ไม่เคยเข้าเฟซบุ๊กนั้นอีกเลยค่ะ (และเพื่อนก็อาจจะลืมไปแล้วว่าพาสเวิร์ดใหม่คืออะไร)

หากิจกรรมอย่างอื่นทำ
ให้ลองสังเกตตัวเองว่า มีกิจกรรมอะไรที่เราทำแล้ว พอกลับบ้านปุ๊บ จะง่วงปั๊บ แล้วเข้านอนทันที อย่างพี่เองเป็นคนชอบเดินห้างค่ะ สังเกตว่าวันไหนเดินห้าง 2-3 ทุ่มเนี่ย กลับบ้านมาจะรู้สึกง่วงมาก กดมือถือได้ไม่กี่ตัวก็สลบแล้ว ดังนั้นบางวันก็เดินมันจนห้างปิดเลยค่ะ  


กลับไปใช้มือถือรุ่นที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟน
บางทีอยากจะเลิกพกมือถือให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่ดีแล้วติดต่อคนอื่นไม่ได้ ดังนั้นการใช้มือถือรุ่นที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟนก็เป็นอีกวิธีที่ไม่เลวเลยค่ะ

ทำใจยอมรับว่า ทุกคนมักโพสต์นำเสนอชีวิตในแง่มุมดีมากกว่ามุมแย่
ถ้าเลือกได้ เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยคงเลือกโพสต์รูปตัวเองที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินไปเที่ยว มากกว่าจะเลือกโพสต์รูปพรีเซนเทชั่นงานที่เพิ่งถูกเจ้านายด่าว่ามันห่วยแตก หรือเราคงเลือกโพสต์รูปตัวเองในห้องลองเสื้อผ้าแพงๆ มากกว่าจะเลือกโพสต์รูปกองเสื้อผ้าค้างสต๊อกที่เรายังขายไม่หมดและดูท่าว่าน่าจะขาดทุน หรือบางคนที่ดูมีความสุขมากบนเฟซบุ๊ก เค้าอาจไปเปิดแอคเคานท์ทวิตเตอร์เพื่อระบายความทุกข์อยู่เงียบๆ คนเดียวก็ได้ค่ะ



บทเรียนจาก Michelle Phan

   
     น้องผู้หญิงหลายคนน่าจะรู้จัก Michelle Phan เธอเป็นบล็อกเกอร์ชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในอเมริกาและทำคลิปออกมาเยอะมาก มีคน Subscribe บนยูทูบเกือบ 9 ล้านคน แถมแต่ละคลิปก็มีคนดูเป็นล้านๆ แต่แล้ววันหนึ่งอยู่ดีๆ เธอก็หายไปจากโลกออนไลน์จนหลายคนสงสัยว่า หายไปไหน??
   
      เธอเปิดใจเล่าว่า ทั้งๆ ที่เธอเป็นบุคคลมีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ แต่ทุกเช้าที่ตื่นมา เธอกลับรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขกับเงินและชื่อเสียงนั้นเลย เธอใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ ด้วยการทำให้ตัวเองยุ่งกับงานเพราะต้องการเงินทองและชื่อเสียงจนแทบไม่ค่อยได้พูดคุยกับในครอบครัว ชีวิตของเธอหดหู่ลงเรื่อยๆ บางครั้งก็ได้รับหมายศาลเพราะมีการฟ้องร้องทางธุรกิจเกิดขึ้น
   
      ยิ่งไปกว่านั้น เธอได้ทำเครื่องสำอางออกมา แต่มันก็ไม่ได้รับการตอบรับดีเท่าที่ควร แถมแฟนๆ ของเธอก็วิจารณ์กันบนโลกออนไลน์อีกด้วยว่ามันไม่ค่อยดีอย่างที่คาดหวัง เธอเริ่มรู้สึกจิตตกลงไปอีก รู้สึกไม่มีความสุขเลย เธอลองทำแบบสอบถามออนไลน์เกี่ยวกับสภาพจิตใจและเริ่มแน่ใจแล้วว่าจิตใจของเธอไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ดังนั้นตั้งแต่ต้นปี 2016 เธอตัดสินใจว่าเธอจะหยุดอัปโหลดวีดีโอบนยูทูบและออกเดินทาง 


รูปสุดท้ายที่เธออัปโหลดบนอินสตาแกรมเมื่อปลายปี 2015 ก่อนจะหายไปเกือบ 1 ปี
     
     จากอเมริกา เธอไปสวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ยาวไปถึงอียิปต์และจบที่จีน เพื่อไปค้นหาตัวเอง หาหนทางทำอะไรใหม่ๆ ก่อนที่จะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปมากกว่านี้
   
      เธอบอกว่าช่วงนั้นเธอเหมือนได้ทำ Digital Detox คือไม่ใส่ใจโลกออนไลน์ใดๆ ทั้งสิ้น พาตัวเองกลับไปอยู่กับธรรมชาติ ปิดช่องทางทุกอย่างที่มันจะทำให้เธอหดหู่ และหลังจากพักผ่อนหย่อนใจอยู่หลายเดือน เธอก็กลับมาอีกครั้งและเพิ่งอัปโหลดคลิปใหม่ไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วเพื่อบอกเล่าชีวิตของเธอรวมถึงเหตุผลที่เธอหายหน้าหายตาไปนาน อยากให้ได้ลองดูกันจริงๆ ค่ะ คลิปดีมาก น้ำตาแทบร่วงเลยค่ะ T^T


Clip


     
      แหม ถ้ามีเงินเยอะก็อยากจะหนีออกไปเที่ยวแบบ Michelle Phan ให้รู้แล้วรู้รอด 5555 ถือว่านำมาเล่าสู่กันฟังในฐานะปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งซึ่งยังมีกิเลสอยู่ก็แล้วกันนะคะ ^^ ใครเคยหักดิบโซเชียลมีเดียได้เป็นระยะเวลานานๆ ก็ลองนำวิธีมาบอกเล่ากันได้ที่คอมเมนต์ด้านล่างเลยค่ะ
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

eveunchu Member 22 มิ.ย. 60 11:54 น. 2

เคยปิด Facebook ไป 2 เดือน จำได้ว่าตอนนั้นรู้สึกชีวิตดีมาก เป็นครั้งแรกที่เวลาไปไหน แล้วรู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเองจริงๆ เพิ่งรู้ว่าสุดท้ายแล้ว ชีวิตเราก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับใครมากมายเลย ถ้ายังเชื่อมต่อกับตัวเองไม่ได้ โลกข้างนอกก็ไม่มีความหมายอะไรเลย.

0
กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
eveunchu Member 22 มิ.ย. 60 11:54 น. 2

เคยปิด Facebook ไป 2 เดือน จำได้ว่าตอนนั้นรู้สึกชีวิตดีมาก เป็นครั้งแรกที่เวลาไปไหน แล้วรู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเองจริงๆ เพิ่งรู้ว่าสุดท้ายแล้ว ชีวิตเราก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับใครมากมายเลย ถ้ายังเชื่อมต่อกับตัวเองไม่ได้ โลกข้างนอกก็ไม่มีความหมายอะไรเลย.

0
กำลังโหลด
Albania Member 22 มิ.ย. 60 21:43 น. 3

เข้าไปดูเพื่อนเก่ามาครับแต่ละคนอย่าง

กะดาราโพสต์ภาพแน่ะ

เพิ่งเข้าเฟซเมื่อไม่นานหลังจากปิดไปประมาณ 1 ปีเต็ม

แต่ตอนนี้สงสัยว่าเฟซเก่าอันแรกดันไปเป็นเพื่อนกับคนรู้จักที่เพิ่งเริ่มเล่นเฟซได้ยังไง???

สงสัยมากพอดี-มือถือเจ้ากรรมเครื่องนั้นก็เจ๊งไปนานนมแล้ว

บัญชีมันไปโยงกันได้ไง

เห็นบัญชีเก่าจากเฟซเพื่อนที่เพิ่งเล่นอ่ะ

มีใครเเอบเจาะเข้าไปใช้ เอ๊ะ งง


0
กำลังโหลด
kkjjqwe1607 Member 1 ก.ย. 60 12:40 น. 4

ตอนนี้กำลังทำเลยค่ะ เฟสบุ๊คจะเข้าแค่เมสเซ็นเจอร์คุยเรื่องงานกับเพื่อน มีสองเฟสเหมือนกันนะ อันแรกมีเพื่อนเปนพัน อันที่สองมีแค่11คนอะ 55555 แต่จิตใจดีขึ้นเยอะเลย การบ้านที่ร.ร.ก็ทำครบ ดูแลตัวเองได้มากกว่าเดิม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด