สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com มีใครชอบเที่ยวต่างประเทศหรือมีความฝันว่าอยากไปท่องเที่ยวต่างประเทศเยอะๆ มั้ยคะ พี่พิซซ่า เองก็เป็นคนนึงที่ชอบไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อให้ได้ไปเห็นอะไรที่ต่างไปจากบ้านเราเหมือนกันค่ะ วันนี้พี่ก็เลยอยากจะเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวลงไปในลิสต์การท่องเที่ยวของหลายๆ คน ด้วยหมู่บ้านแปลกๆ เก๋ๆ จากทั่วโลกค่ะ
หมู่บ้านหลังคาเรือคว่ำ
Par Bateloupreaut (Travail personnel) [CC BY-SA 3.0 (http://creativecommons.org/licenses/by-sa/3.0)], via Wikimedia Commons
ดูในภาพแล้วอาจจะไม่แน่ใจว่าเป็นบ้านที่มีคนอยู่อาศัยจริงๆ รึเปล่า หรือว่าเป็นแค่บ้านที่สร้างให้เก๋เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเฉยๆ จริงๆ บ้านที่มีหลังคาเป็นเรือคว่ำเหล่านี้เป็นบ้านที่ชาวบ้านอาศัยอยู่จริงๆ ในทุกวันนี้เลยค่ะ หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า Equihen Plage ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส มีชาวบ้านอาศัยอยู่กว่า 3,000 คนเลยนะ แถมทุกคนในชุมชนยังตั้งใจรักษาธรรมเนียมของที่นี่ให้เป็นแบบนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยด้วย
การสร้างบ้านที่เอาเรือมาทำเป็นหลังคาแบบนี้เริ่มขึ้นช่วงต้นทศวรรษ 1900 ค่ะ ตอนนั้นบริเวณนี้เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งปลาชุมที่เหมาะแก่การตกปลา ทำให้มีชาวประมงต่างถิ่นหรือคนที่แค่สนใจมาตกเป็นครั้งคราวแวะเวียนมานานๆ หลายคนทิ้งเรือเกยไว้บนชายหาดแล้วไม่เคยกลับมาอีกเป็นปีๆ ชาวประมงท้องถิ่นที่นี่จึงเก็บเรือเหล่านี้ไปดัดแปลงเป็นหลังคาแทน พอเริ่มตั้งเป็นชุมชนเล็กๆ ขึ้นมาตอนนั้นก็เรียกว่า Quartier des Quilles en l’Air หรือชุมชนแห่งกระดูกงูลอยฟ้าค่ะ
โชคร้ายที่ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 หมู่บ้านนี้ถูกทำลายจนแทบไม่เหลืออาคารบ้านเรือนเลย แต่ยังดีที่กลุ่มผู้รอดชีวิตยังอยากจะสานต่อผลงานของรุ่นก่อน จึงลงมือสร้างหมู่บ้านใหม่โดยยังคงคอนเซ็ปต์ในการใช้ท้องเรือมาคว่ำเป็นหลังคาเหมือนเดิมค่ะ และตอนนี้ที่นี่ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากเลย
หมู่บ้านที่เพ้นท์ด้วยมือ
ลายต่างๆ ที่เห็นนี้ไม่ได้เกิดจากใครมือบอนไปวาดเล่นเองนะคะ แต่นี่เป็นธรรมเนียมการตกแต่งอาคารบ้านเรือนของชาวเผ่าคาสเซน่าค่ะ หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า Tiébélé เป็นหมู่บ้านท้องถิ่นเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศเบอร์คิน่าฟาโซในทวีปแอฟริกาค่ะ
บ้านแต่ละหลังสร้างจากวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นอย่างดิน ไม้ และฟาง แต่ละหลังก็จะมีทรงคล้ายๆ กันคือเป็นไซส์กะทัดรัด มีประตูหน้าต่างเล็กๆ เพียงพอให้แสงเข้าได้แต่ไม่ถึงกับทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกร้อน แต่ที่โดดเด่นคือลวดลายบนผนังบ้านค่ะ
ชาวบ้านที่นี่เพ้นท์บ้านกันเองตั้งแต่ตอนผนังยังไม่แห้งดี โดยส่วนมากจะใช้ดินกับโคลนเป็นหลัก วาดเน้นลายเรขาคณิต สัญลักษณ์โบราณ แล้วก็รูปสัตว์ค่ะ บางหลังอาจจะมีลายเรื่องเล่าท้องถิ่นด้วย จากนั้นก็ใช้ยางไม้เคลือบทับอีกชั้นแทนแลคเกอร์กันน้ำค่ะ บ้านแต่ละหลังดูแล้วเหมือนมีลายคล้ายๆ กันก็จริง แต่ไม่มีบ้านไหนที่ลายซ้ำกันเลยนะคะ
หมู่บ้านที่ไม่มีถนน
หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อหมู่บ้านนี้มาแล้ว นั่นคือหมู่บ้าน Giethoorn หมู่บ้านเล็กๆ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงอัมสเตอร์ดัมมากค่ะ ด้วยความที่หมู่บ้านนี้ไม่มีถนน แต่ใช้การเดินทางทางน้ำแทน ทำให้หมู่บ้านนี้มีชื่อเล่นว่าเวนิซแห่งเนเธอร์แลนด์ด้วย
ว่ากันว่าผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรกๆ ของที่นี่เข้ามาในช่วงประมาณปี 1230 ค่ะ จากนั้นบริเวณนี้ก็เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งตั้งถิ่นฐานสำหรับชาวเนเธอร์แลนด์ที่ชอบความสงบมากเป็นพิเศษ จากนั้นก็มีคนย้ายมาอยู่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสาเหตุที่มีถนนเป็นคลองนั้นก็เพราะหลายร้อยปีก่อนผู้คนที่นี่ขุดหลุมทั่วถนนเพื่อหาหลุมทิ้งพีต จากนั้นกาลเวลาและสภาพอากาศก็ทำให้หลุมต่างๆ กลายเป็นทะเลสาบย่อมๆ บนพื้นถนน แล้วก็ค่อยเชื่อมกันจนถนนทั้งหมดกลายเป็นคลอง ทำให้ต้องมีสะพานกว่า 180 แห่งเพื่อเชื่อมบ้านเรือนต่างๆ เข้าด้วยกัน
ตอนนี้กีธูร์นเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งของเนเธอร์แลนด์ นักท่องเที่ยวสามารถไปนั่งเรือชมตามคลองได้ และมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นถึง 3 แห่งให้เข้าชมค่ะ สำหรับเรือที่ใช้นั่งเพื่อชมหมู่บ้านเป็นเรือรุ่นพิเศษไม่มีเสียงเครื่องยนต์ แต่ถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูหนาว คลองทั้งหมดจะกลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่ สามารถเล่นสเก็ตหรือสกีหิมะได้ด้วยค่ะ
หมู่บ้านที่สร้างดวงอาทิตย์เป็นของตัวเอง
หมู่บ้านนี้ไม่ได้ถึงกับสร้างแหล่งพลังงานขึ้นมาใหม่เองนะคะ แต่เขาก็สามารถสร้างวิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลดีค่ะ หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า Viganella ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี แต่ดันตั้งอยู่ในหุบเขาค่ะ มีภูเขาสูงใหญ่ขนาบข้างทำให้หมู่บ้านไม่ได้รับแสงอาทิตย์ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน - ต้นกุมภาพันธ์ของทุกปีเนื่องจากเงาของภูเขาทอดมาทับหมู่บ้านจนมืด ซึ่งผู้อยู่อาศัยก็ทนรับเรื่องนี้มาหลายต่อหลายรุ่นแบบทำอะไรไม่ได้มากนัก
จนกระทั่งในปี 2006 วิศวกรและสถาปนิกท้องถิ่นคนหนึ่งก็เกิดไอเดียสร้างกระจกบานยักษ์มาสะท้อนแสงอาทิตย์ให้ส่องถึงหมู่บ้านโดยตรง กระจกนี้มีขนาด 8 x 5 เมตร ประกอบไปด้วยแผ่นเหล็ก 14 แผ่นที่ใช้แทนกระจกค่ะ แล้วก็สามารถควบคุมองศาและทิศทางของกระจกได้ด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อให้กระจกสามารถสะท้อนให้แสงแดดส่องตรงไปยังจัตุรัสกลางเมืองได้พอดีทุกวัน
การก่อสร้างกระจกยักษ์บานนี้ใช้เงินก่อสร้างประมาณ 1 แสนยูโร หรือประมาณ 540 ยูโรต่อหลังคาเรือน ซึ่งชาวเมืองก็ยินดีให้ความร่วมมือค่ะ
หมู่บ้านที่สะอาดที่สุดในเอเชีย
ถ้าให้เดาว่าหมู่บ้านที่สะอาดที่สุดในเอเชียอยู่ในประเทศใด เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดว่าต้องเป็นญี่ปุ่นแน่ๆ เพราะเขาขึ้นชื่อเรื่องความสะอาดของบ้านเมือง แต่ไม่ใช่ค่ะ หมู่บ้านที่สะอาดที่สุดในเอเชียคือหมู่บ้าน Mawlynnong ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศอินเดียต่างหากค่ะ
ความสะอาดในที่นี้หมายถึงความสะอาดต่อโลกของเราค่ะ นั่นคือทุกอย่างในหมู่บ้านจะเป็นของธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้หมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติด้วย ถังขยะทั้งเมืองสร้างจากต้นไผ่ และก้นถึงก็มีทางลำเลียงต่อตรงไปยังหลุมสำหรับเตรียมหมักเป็นปุ๋ยหมักต่อไป น้ำดื่มก็มาจากการเก็บกักน้ำฝน และมีกฎห้ามสูบบุหรี่และห้ามใช้พลาสติกเด็ดขาดภายในเมืองนี้
ชาวบ้านในเมืองก็เป็นพลเมืองคุณภาพดีค่ะ มอลินนองมีประชากรประมาณ 500 คน และกว่า 90% ของทั้งหมดก็รู้หนังสือด้วย แถมทุกคนยังยึดมั่นและเต็มใจช่วยเหลือชุมชนให้สะอาดแบบนี้ตลอดไป ห้องน้ำสาธารณะในหมู่บ้านจะมีเวรให้ชาวบ้านมาทำความสะอาดและซ่อมบำรุง และทุกเย็นทุกคนก็จะออกมาช่วยกันกวาดถนน ดูแลสวน และกำจัดศัตรูพืชกันอย่างพร้อมเพรียงจนเหมือนเป็นพิธีกรรม เด็กๆ ก็ได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็กให้รักษาความสะอาด เจอขยะเมื่อไหร่ไม่ว่าใครทำหล่นไว้ก็ต้องช่วยเก็บไปทิ้งถังทันที ความสะอาดคือวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ค่ะ
น่าไปสัมผัสเองซักครั้งมั้ยคะ พี่ชอบหมู่บ้านมอลินนองมากเลย คอนเซ็ปต์ดีมาก และความร่วมด้วยช่วยกันของชาวบ้านทุกคนก็เป็นอะไรที่หาได้ยากในโลกทุกวันนี้ ถ้าทุกคนจะยินดีร่วมแรงร่วมใจกันได้แบบนี้ก็คงดีนะคะ แล้วน้องๆ อยากไปเที่ยวหมู่บ้านไหนมากที่สุดคะ
ที่มา
0 ความคิดเห็น