อย่ากลัว! 7 เคล็ดลับง่ายๆ เตรียมตัวรับมือ 'การสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ'

       สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... ช่วงนี้มีน้องๆ หลายคนมาขอคำปรึกษาเพราะจะต้องถูกสัมภาษณ์งาน/สัมภาษณ์สมัครฝึกงานเป็นภาษาอังกฤษ จึงค่อนข้างกังวลพอสมควร วันนี้ พี่เป้ มีเทคนิคดีๆ มาฝากค่ะ รับรองว่าใช้ได้จริงแน่นอนพันล้านเปอร์เซ็นต์

1. เตรียมคำถามและคำตอบไว้ล่วงหน้า

เมื่อเรารู้ตัวล่วงหน้าแล้วว่าจะถูกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ น้องๆ สามารถเตรียมตัวได้ก่อนโดยการลองถามกูเกิลว่า Job Interview Questions แล้วลองเตรียมคำถาม-คำตอบของคำถามเหล่านั้นเอาไว้ค่ะ

2. คัดคำถาม-คำตอบที่น่าจะถูกถามแน่ๆ

ลองคิดในมุมกลับว่า ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการที่กำลังจะรับพนักงานใหม่เข้ามาทำงาน เราจะถามอะไรเค้าบ้าง? มันคือการ 'เก็งข้อสอบ'  หรือ Frequently asked questions นั่นเองค่ะ ซึ่งคำถามที่น่าจะถูกถามแน่ๆ ก็เช่น

Tell me about your educational background. เล่าถึงแบ็คกราวนด์ด้านการเรียน

Why did you choose your major? ทำไมคุณถึงเลือกเรียนเอกนี้?

What are your strengths-weaknesses? ข้อดีข้อเสียของคุณคืออะไร?

What is your life goal? เป้าหมายของชีวิตคุณคืออะไร?

Why do you want to work with us? ทำไมคุณถึงอยากทำงานกับเรา?

What do you know about our company? คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทของเราบ้าง?

สำหรับคำถามด้านบนนั้น บอกเลยว่ามีโอกาสถูกถามเกิน 80% แน่นอน ดังนั้นให้ลองคิดคำตอบเตรียมไว้เลยค่ะ บางคนอาจจะลองเขียนลงกระดาษเป็นภาษาไทยก่อนแล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษ แนะนำให้น้องๆ อ่านผ่านตาบ่อยๆ แต่อย่าท่องนะคะ เพราะหากน้องท่องไปตอบ เวลาที่ต้องตอบจริงๆ สมาธิเราก็จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราท่องมา จนมันอาจดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ รวมถึงเวลาที่ถูกถามคำถามอื่นมา เราอาจจะเกร็งจนตอบไม่ได้เพราะมัวแต่ใส่ใจกับสิ่งที่เราท่องจำมานั่นเอง

3. เตรียมคำถาม-คำตอบที่เกี่ยวข้องตำแหน่ง

ขึ้นอยู่กับสายงานของน้องๆ ว่าสมัครเข้าไปตำแหน่งอะไร มักเป็นคำถามเชิงความรู้แบบปลายเปิดเพื่อให้เราแสดงความเห็น หากสมัครสายการเงิน สามารถเซิร์ชเพื่อหาคำถามได้ว่า Finance Interview Questions and Answers (What are the objects of Cost Accountancy?, What in your opinion makes a good financial model?, Why would two companies merge?)

4. เตรียมคำถามที่จะถามอีกฝ่ายกลับ

อีกคำถามที่น้องๆ น่าจะถูกถามแน่ๆ ก็คือ "คุณมีอะไรจะถามเราบ้างไหม?" หากเราไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ก่อน แน่นอนว่าคนส่วนมากมักจะตอบกลับว่า "ไม่มีครับ/ค่ะ" ซึ่งจริงๆ มันมีวิธีการตอบกลับที่ดีกว่านั้นและเป็นประโยชน์กับตัวเราด้วยค่ะ เช่น
 

Could I ask you about promotion?, How long does it take to get promoted? (อยากขอถามเกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งได้ไหมครับ/คะ? , ใช้เวลานานเท่าไรถึงจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง?)

Does your company normally offer special training? (โดยปกติแล้วบริษัทของคุณมีการอบรมพิเศษไหมครับ/คะ)

Could I know the average age of the people in your team? (ผม/ฉันขอทราบอายุเฉลี่ยของคนในทีมได้ไหมครับ/คะ?)

5. ค้นหาประวัติของผู้ที่จะสัมภาษณ์เรา

ปกติเรามีสิทธิ์ที่จะทราบล่วงหน้าว่าผู้ที่จะสัมภาษณ์เราคือใคร เราอาจขอทราบชื่อและนำไปลองค้นหาดูว่าเขาเป็นใคร มีหน้าที่อะไร บางทีผู้ที่จะสัมภาษณ์เราอาจจะเป็นระดับผู้บริหารที่มีผลงานออกสื่อมากมาย เราควรทำความรู้จักเขาผ่านงานของเขาไว้ก่อนค่ะ เพราะตอนสัมภาษณ์ อาจจะคุยกันเพลินๆ ถูกคอ เราสามารถถามกลับเกี่ยวกับเรื่องผลงานของเขาก็ได้ ลองคิดดูสิคะว่าอีกฝ่ายน่าจะปลื้มใจไม่น้อยที่ผู้สนทนาให้ความสำคัญและสนใจกับงานของเขา

6. ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม

ซ้อมในที่นี่ไม่ได้หมายถึงการท่องงูๆ ปลาๆ แล้วจำคำตอบไปตอบนะคะ ในที่นี้หมายถึงการฝึกน้ำเสียงหรือโทนเสียงค่ะ พี่มักใช้วิธีพูดคนเดียวแล้วอัดเสียงของตัวเอง จากนั้นให้ลองเปิดฟังว่าน้ำเสียงเราโอเคมั้ย บางทีเราคิดว่าเราพูดปกติ แต่มันไม่ใช่ค่ะ พี่เองก็เช่นกัน พออัดเสียงแล้วเอามาฟัง โอ้โห น้ำเสียงกระแทกเหมือนจะไปท้าตบเลยอะ 5555 เราจะได้รู้จุดเด่นจุดด้อยของตัวเอง จากนั้นนำมาปรับปรุงให้มันดีขึ้น

7. หาสถานที่เหมาะสม

ข้อนี้สำหรับคนที่สัมภาษณ์แบบทางไกลค่ะ หากเป็นการสัมภาษณ์แบบโทรศัพท์ คนที่อยู่คอนโดชั้นสูงๆ ก็ไม่ควรอยู่ในห้องตัวเองค่ะ เพราะอาจมีปัญหาเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ได้ หากคุยแล้วได้ยินไม่ชัดหรือสายหลุด นั่นจะทำให้เราเสียโอกาสได้เลย หรือหากเป็นการสัมภาษณ์แบบวีดีโอคอล อย่าลืมหามุมหรือสถานที่เงียบๆ ที่มั่นใจได้ว่า อยู่ดีๆ จะไม่มีใครโผล่มาจ๊ะเอ๋ด้านหลังของเรา ไม่งั้นนี่ฮาไม่ออกแน่นอน

     

   
 

     ก่อนจะไปสัมภาษณ์ เรามักมีเวลาเตรียมตัวอยู่หลายวัน ดังนั้นใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่าที่่สุดค่ะ จะได้ไม่เสียดายว่า "รู้งี้น่าจะเตรียมตัวให้ดีกว่านี้" ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ!