เรียนซัมเมอร์กัน! ที่ 3 มหาวิทยาลัยดังของโลกในอเมริกา

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com น้องๆ มีแผนอะไรสำหรับช่วงปิดเทอมใหญ่กันแล้วรึยัง ถ้ายังไม่มี วันนี้ พี่พิซซ่า มีคอร์สน่าสนใจในช่วงซัมเมอร์จาก 3 มหาวิทยาลัยดังมาฝากค่ะ มาดูกันค่ะว่ามีอะไรน่าเรียนบ้าง


Stanford Summer Session



Photo Credit: stanford.edu

     มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเปิดภาคฤดูร้อนให้นักศึกษาจากที่อื่นไปลงเรียนได้ค่ะ ใครชอบสายเทคโนโลยีหรืออยากรู้เรื่อง Start Up พี่แนะนำคอร์สของที่นี่เลย ด้วยความที่ตัวมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในซิลิคอนวัลเลย์ แถมศิษย์เก่าและอาจารย์ส่วนมากก็คือคนทำงานบริษัทสายเทคโนโลยีดังๆ ในซิลิคอนวัลเลย์ด้วย ถือเป็นจุดเริ่มต้นดีๆ ของใครที่อยากต่อสายงานด้านนี้เลยค่ะ

     ซัมเมอร์เซสชันของสแตนฟอร์ดในปี 2018 นี้ จะเปิดเรียนวันที่ 23 มิถุนายน - 19 สิงหาคมค่ะ ใครว่างช่วงนั้นก็เชิญสมัครเลยนะคะ ส่วนวันสมัครคือ 2 มีนาคม - 23 มีนาคมค่ะ และประกาศผลวันที่ 27 เมษายน ค่าสมัคร 100 ดอลลาร์สหรัฐ


Photo Credit: stanford.edu

มีอะไรให้เรียนบ้าง

     คอร์สส่วนมากก็จะเป็นคอร์สเดียวกับที่เปิดให้นักศึกษาสแตนฟอร์ดเรียนตามปกติค่ะ หลายคอร์สตอนเรียนก็จะเจอนักศึกษาสแตนฟอร์ดจริงๆ มาลงเรียนด้วยเพราะเจ้าตัวอาจจะไม่อยากเรียนในเทอมปกติก็ได้ ซึ่งถ้าลองทำเรื่องให้คณะที่ไทยดูว่าจะไปเรียนซัมเมอร์ที่นั่น ก็อาจจะขอเทียบโอนหน่วยกิตกลับไทยได้ด้วยนะคะ วิชาเรียนก็มีสาขาเลย เช่นคอมพิวเตอร์, เคมี, ชีวะ, รัฐศาสตร์, ภาษาศาสตร์, บริหารธุรกิจ และอีกมากมาย จะลงเรียนวิชาที่ไม่ใช่ของคณะตัวเองก็ได้เช่นกันค่ะ ถ้ามีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์การลงทะเบียนเรียนวิชานั้นๆ ซึ่งรายวิชาโดยละเอียดจะมีแจ้งในเว็บสแตนฟอร์ดอีกทีตอนเดือนมีนาคมค่ะ

     ถ้ามีแค่เรียนวิชาเรียนเฉยๆ ก็จะดูธรรมดาไปใช่มั้ยคะ ฉะนั้นก็มีโปรแกรมพิเศษด้วยเช่นกัน นั่นคือ Silicon Valley Innovation Academy Enterprise เป็นโปรแกรมพิเศษสำหรับคนที่ลงทะเบียนเรียนซัมเมอร์กับสแตนฟอร์ดอย่างน้อย 1 วิชาเรียบร้อยแล้วจำนวน 120 คนเท่านั้น ไม่ว่าจะลงเรียนวิชาอะไรสาขาไหนก็สามารถสมัครโปรแกรมนี้ได้ โปรแกรมนี้เป็นเหมือนโปรแกรมฝึกทักษะความเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม การใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่บริษัทดังๆ ในซิลิคอนวัลเลย์กำลังเผชิญอยู่ค่ะ ถ้าใครได้รับเลือกเข้าโปรแกรมนี้บอกเลยว่าได้คอนเนคชันเพียบชัวร์


Photo Credit: stanford.edu

คุณสมบัติผู้สมัคร

อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ภายในวันที่ 23 มิถุนายน 2018
จบมัธยมปลายหรือเทียบเท่าเรียบร้อยแล้ว
เรียนปริญญาตรีจบแล้วอย่างน้อย 1 เทอม (ถ้าจบปริญญาตรีทั้งหลักสูตรเรียบร้อยแล้วก็สมัครได้ แต่ให้เลือกว่าสมัครแบบ Graduate ในตอนสมัคร)
มีผลสอบ TOEFL 95 คะแนนขึ้นไปหรือ IELTS 7.0 ขึ้นไป

ค่าใช้จ่าย

     ค่าเรียนของแต่ละคอร์สจะไม่เท่ากันค่ะ แต่เมื่อรวมค่ากินอยู่ที่หอในของสแตนฟอร์ดตลอด 8 สัปดาห์ด้วยแล้ว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะอยู่ในช่วง 14,426 - 17,054 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 460,000 - 550,000 บาท)

     ใครสนใจเรียนสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://summer.stanford.edu/program/undergraduate-domestic-and-international-students ค่ะ รายชื่อวิชาจะประกาศเดือนมีนาคม และถ้าสมัครผ่านแล้วจะมีแจ้งเตือนให้ลงทะเบียนเรียนวิชาที่ต้องการอีกทีนะคะ



Yale Summer Session



Photo Credit: yale.edu

     เยลเป็นอีกมหาวิทยาลัยที่มีภาคฤดูร้อนแบบเปิดให้คนนอกมาลงเรียนได้เช่นกันค่ะ มีคอร์สให้เลือกเรียนกว่า 200 คอร์สเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นคอร์สด้านหุ่นยนต์ วิชาเตรียมแพทย์ ประวัติศาสตร์ การออกแบบฉากละครเวที หรือแม้แต่ภาษาต่างประเทศหลายๆ ภาษา สามารถเลือกเรียนได้ตามใจชอบเลยค่ะ จะเรียนวิชาที่อยู่ในคณะตัวเองเพื่อโอนหน่วยกิตกลับไทย หรือจะลงเรียนวิชาคณะอื่นๆ ที่ไกลตัวแล้วไม่เก็บหน่วยกิตก็ได้เช่นกัน

     วิชาเรียนทั่วไปจะแบ่งเป็น 2 เซสชันค่ะ คือเซสชัน A เรียนวันที่ 28 พฤษภาคม - 29 มิถุนายน 2018 และเซสชัน B เรียนวันที่ 2 กรกฏาคม - 3 สิงหาคม 2018 หลายวิชาเปิดสอนทั้ง 2 เซสชันเลยนะคะ น้องๆ สามารถค้นหารายวิชาที่ https://summer.yale.edu/academics/courses-yale เพื่อดูว่าวิชาที่ต้องการเรียนเปิดเรียนในเซสชันไหน และสมัครเรียนให้ทันตามรอบค่ะ จะเรียนทั้งสองเซสชันก็ได้นะคะ

     เซสชัน A จะปิดรับสมัครวันที่ 16 เมษายน ส่วนเซสชัน B ปิดรับสมัครวันที่ 21 พฤษภาคมนะคะ เช็ครอบให้ดีก่อนสมัครค่ะ มีค่าสมัคร 75 ดอลลาร์สหรัฐ


Photo Credit: yale.edu

มีอะไรให้เรียนบ้าง

     มีคอร์สจริงแบบในเทอมปกติของมหาวิทยาลัยกว่า 200 คอร์สเลยค่ะ เลือกได้จากลิงก์ด้านบนเลย แต่ก็มีคอร์สพิเศษเฉพาะเช่นกัน เช่นคอร์ส Summer Drama Program ค่ะ มีให้เลือกทั้งสายเป็นนักแสดงและสายเป็นผู้กำกับ และมีคอร์ส IVY Program ที่เป็นคอร์สพิเศษสำหรับนักเรียนต่างชาติเท่านั้น และต้องเป็นคนที่ลงทะเบียนเรียนคอร์สซัมเมอร์ปกติไปแล้วด้วย โปรแกรมไอวี่นี้จะเหมือนเป็นค่ายรับน้องที่พาทัวร์ทุกซอกทุกมุมของเยล รวมถึงสอนวิชาพื้นฐานที่ปกตินักเรียนอเมริกันจะได้เรียนกันให้นักเรียนต่างชาติได้เรียนด้วย

     หรือถ้าใครยังไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเอง ก็สามารถลงเรียนคอร์สติวอังกฤษเข้มข้นได้นะคะ คอร์สนี้ใช้เวลาเรียน 6 สัปดาห์เต็มแบบเน้นๆ เลย และผู้สมัครคอร์สนี้ไม่ต้องมีผลสอบภาษาอังกฤษอย่าง TOEFL หรือ IELTS มายื่นด้วย และมีคอร์สภาษาอังกฤษเฉพาะทางอย่างคอร์สเตรียมพร้อมสำหรับคนที่อยากเรียนตรีหรือโทในอเมริกา


Photo Credit: yale.edu

คุณสมบัติผู้สมัคร

อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
เป็นนักศึกษาในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย (ยกเว้นจะสมัครเรียนคอร์สภาษาเตรียมเข้าตรี)
มีผลสอบ TOEFL 100 คะแนนขึ้นไปหรือ IELTS 7.0 ขึ้นไป (ยกเว้นจะสมัครคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ)

ค่าใช้จ่าย

     สำหรับคอร์สปกติในเซสชัน A และ B ถ้าเป็นคอร์สหน่วยกิตเดียวราคา 4,050 ดอลลาร์ (130,000 บาท) ส่วนคอร์ส 2 หน่วยกิตราคา 7,900 ดอลลาร์ (252,000 บาท) ส่วนคอร์สพิเศษอื่นๆ ดูราคาทั้งหมดได้ที่ https://summer.yale.edu/dates-costs/tuition-fees ค่ะ

     ส่วนค่ากินอยู่พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ กับทางมหาวิทยาลัยจะขึ้นกับระยะเวลาค่ะ ถ้าเรียนแค่เซสชันเดียวนาน 5 สัปดาห์จะอยู่ที่ 3,535 ดอลลาร์ (110,000 บาท) ถ้าอยู่นาน 2 เซสชันรวม 10 สัปดาห์ก็จะคิดราคาเป็น 2 เท่า ส่วนคอร์สภาษาอังกฤษกับคอร์สด้านการแสดงที่ใช้เวลาเรียน 6 สัปดาห์ ค่ากินอยู่จะราคา 4,122 ดอลลาร์ (131,000 บาท)

     ใครสนใจเรียนสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://summer.yale.edu/ ค่ะ ตอนนี้เปิดรับสมัครแล้วทุกคอร์สทุกเซสชัน ถ้าสนใจก็ต้องรีบตัดสินใจก่อนที่คอร์สนั้นๆ จะเต็มด้วยนะคะ



UCLA Summer Sessions



Photo Credit: ucla.edu

     มหาวิทยาลัยสุดท้ายที่พี่เอกมาแนะนำในวันนี้ คือ UCLA หรือ University of California วิทยาเขต Los Angeles ค่ะ ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังอีกแห่งของอเมริกา แถมโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ในลอสแองเจลีสก็น่าจะโดนใจใครหลายๆ คนที่ชอบภาพยนตร์และนักแสดงฮอลลีวู้ดด้วย (ตอนพี่ไปแอลเอก็เจอกองถ่ายหนังเหมือนกันค่ะ) ช่วงซัมเมอร์ของ UCLA มีคอร์สให้เลือกมากกว่า 1,000 คอร์สด้วยนะคะ ทั้งสายวิชาการและสายบันเทิง รับรองว่าต้องมีคอร์สที่น้องๆ สนใจอย่างแน่นอน ถ้าไม่อ่านรายชื่อคอร์สจนตาลายไปซะก่อน

     สำหรับนักเรียนต่างชาติจะสามารถเข้าเรียนได้เฉพาะคอร์สที่เปิดในเซสชัน A และเซสชัน C เท่านั้นค่ะ เซสชัน A เปิดเรียนวันที่ 25 มิถุนายน - 3 สิงหาคม สามารถสมัครเรียนได้ถึงวันที่ 1 พฤษภาคมนะคะ ส่วนเซสชัน C เรียนวันที่ 6 สิงหาคม - 14 กันยายนค่ะ สมัครเรียนได้ถึงวันที่ 1 มิถุนายนค่ะ ทั้งสองเซสชันจะเริ่มเปิดรับสมัครในวันที่ 15 กุมภาพันธ์เหมือนกัน ฉะนั้นอย่าลืมกาปฏิทินรอไว้เลยนะคะ ค่าสมัคร 400 ดอลลาร์ค่ะ (12,800 บาท)


Photo Credit: ucla.edu

มีอะไรให้เรียนบ้าง

     จะแนะนำให้ครบ 1,000 คอร์สก็ไม่ไหวค่ะ ฉะนั้นขอเล่ารวมๆ ว่ามีคอร์สที่เป็นคอร์สเรียนปกติครบทุกคณะของทั้งมหาวิทยาลัยเลย เช่น ประวัติศาสตร์ศิลปะ วัฒนธรรมการเต้นทั่วโลก การจัดการระบบสาธารณสุข ภาษาต่างประเทศ ธรณีวิทยา หรือแม้แต่การศึกษาเฉพาะทางเกี่ยวกับ LGBT เยอะมากจริงๆ ค่ะ

     นอกจากนี้ก็มีคอร์สที่มาเป็นแพ็คเกจค่ะ เปิดสอนโดยสถาบันเฉพาะทางที่ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยอีกที เช่นสถาบันการจัดการธุรกิจบันเทิงและกีฬา ซี่งเป็นสถาบันเฉพาะทางที่ขึ้นชื่อมาก ก็มีคอร์สพิเศษ 6 สัปดาห์ด้านนี้โดยเฉพาะที่ต้องลงเรียนหลายวิชาเป็นแพ็คเกจกันค่ะ อีกสถาบันที่ดังไม่แพ้กันคือ Technology Leadership ก็มีแพ็คเกจ 6 สัปดาห์พิเศษเช่นกัน ที่จะได้เรียนทั้งด้านการสื่อสารเพื่อความเป็นผู้นำ และการจัดการข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น big data หรือ small data ก็ตาม ทั้งสองแพ็คเกจนี้ถือว่าเป็นคอร์สพิเศษเฉพาะทางที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วค่ะ


Photo Credit: ucla.edu

คุณสมบัติผู้สมัคร

อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ยกเว้นจะสมัครเรียนคอร์สเตรียมเข้า ป.ตรี)
เป็นนักศึกษาในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย (ยกเว้นจะสมัครเรียนคอร์สเตรียมเข้า ป.ตรี)
มีผลสอบ TOEFL 79 คะแนนขึ้นไปหรือ IELTS 6.5 ขึ้นไป

ค่าใช้จ่าย

     ของ UCLA จะลงทะเบียนเรียนได้ 2 วิชาค่ะ ค่าเรียนรวม 2,808 ดอลลาร์ (90,000 บาท)
ส่วนค่าที่พักจะต้องเข้าไปดูในเว็บไซต์มหาวิทยาลัยต่างหากค่ะ เพราะแต่ละหอค่าใช้จ่ายต่างกัน รวมค่าสาธารณูปโภคต่างการ และมหาวิทยาลัยไม่บังคับให้ต้องพักกับหอในก็ได้ค่ะ สามารถเลือกพักเองข้างนอกได้

     ใครสนใจเรียนสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://summer.ucla.edu/academiccourses/internationalstudent/registrationandenrollment มีข้อมูลครบตั้งแต่การสมัครและการลงทะเบียนเลือกวิชาค่ะ ข้อมูลหอในก็หาได้จากลิงก์นี้เช่นกัน


     การไปเรียนซัมเมอร์ของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่อยากเรียนต่อต่างประเทศอยู่แล้วนะคะ เพราะจะได้ไปทดลองเรียนก่อนว่าบรรยากาศการเรียนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยดังที่เป็นศูนย์รวมหัวกะทิจากทั่วโลกแบบนี้มีการเรียนการสอนเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มคอนเนคชั่นที่ดีอีกทางหนึ่งด้วยค่ะ ใครไปเรียนแล้วก็อย่าลืมกลับมารีวิวให้เพื่อนๆ ชาว Dek-D.com ด้วยนะคะ
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น