เมื่อเทคโนโลยีล้ำจนส่งหุ่นยนต์เป็นตัวแทนไปคุยงานที่ต่างประเทศแทนเราได้!

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ช่วงที่ผ่านมามีพี่หลายๆ คนเขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับ 'หุ่นยนต์' เยอะไปหมด เนื่องจากเราเริ่มเข้าสู่ยุคที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว และอนาคตหุ่นยนต์เหล่านี้ก็น่าจะเข้ามาช่วยงานมนุษย์ได้ในหลายๆ อย่าง วันนี้ พี่นิทาน ก็เลยมีเรื่องเล่าของหุ่นยนต์ตัวแทนมนุษย์มาฝากเช่นกันค่ะ 

ที่ทำงานอยู่ไกลเลยให้หุ่นยนต์ไปแทน
 
Photo: www.theverge.com

    เมื่อ 2 ปีก่อนมีบทความหนึ่งเขียนโดยชายชาวอังกฤษชื่อเจมส์ (Jame Vincent) ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในอเมริกาแต่ต้องติดต่องานกับบริษัทตัวเองฝั่งประเทศอังกฤษ ด้วยความที่อังกฤษกับอเมริกาก็ค่อนข้างจะไกลกันมาก และเจมส์ก็ไม่สามารถเดินทางไปอังกฤษได้ด้วยตัวเอง แถมถ้าต้องเดินทางไปๆ มาๆ ก็อาจจะเสียเวลาค่อนข้างมาก ทางบริษัทเขาก็เลยลงทุนซื้อ 'หุ่นยนต์ตัวแทน' ให้เจมส์ใช้ติดต่อกับออฟฟิศทางอังกฤษค่ะ

    สาเหตุที่ต้องมีการใช้หุ่นยนต์ตัวแทนเนื่องจากเจ้านายของเจมส์คิดว่าการประชุมแค่ใน Skype หรือโปรแกรมแชทในบริษัทอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการปฏิสัมพันธ์เท่าไหร่นัก ทำไมถึงไม่ลองใช้หุ่นยนต์ตัวแทนเพื่อความสะดวกสบายมากขึ้นล่ะ? ทั้งการสร้างความสัมพันธ์กับคนในออฟฟิศ การได้เห็นสภาพแวดล้อม การเข้าสังคมในออฟฟิศฝั่งอังกฤษ แต่ว่ามันเป็นไอเดียที่ดีและตอบโจทย์จริงเหรอ? 

Photo: www.theverge.com

    เจ้าหุ่นยนต์ตัวแทนที่ว่านี้มีชื่อว่า 'Double Robotics' ที่มีจำหน่ายภายใต้คอนเซปต์การช่วยเหลือในการพบปะสัมพันธ์กับผู้คนที่อยู่ไกลๆ ในกรณีที่ตัวเราไม่สามารถไปอยู่ ณ ที่นั้นๆ ได้ (http://www.doublerobotics.com/) โดยเราสามารถควบคุมเจ้าหุ่นตัวนี้ให้เดินไปไหนมาไหนได้ผ่านโปรแกรมควบคุมและกล้องที่ติดอยู่หน้าจอหุ่นยนต์ที่แสดงผลเป็นหน้าของเรา และทางฝั่งเราก็จะเห็นบรรยากาศและสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวหุ่นนั้นด้วยค่ะ 

Photo: www.solvelight.com/

    ส่วนประกอบของหุ่นยนต์ Double นี้ก็คือไอแพดหนึ่งเครื่องและ Segway หรือพาหนะชนิดหนึ่งที่เคลื่อนไหวได้ และวิธีการเชื่อมต่อตัวเราเข้ากับเจ้าหุ่นตัวนี้ก็คือผ่านโปรแกรมแชทอย่าง Skype ค่ะ

คนไม่ได้สนใจหุ่นยนต์เท่ามนุษย์

    แต่การให้หุ่นยนต์มาเป็นตัวแทนเรามันก็มีข้อเสียหลายอย่าง เนื่องจากหุ่นยนต์ก็คือหุ่นยนต์วันยังค่ำ และสมัยนี้ก็ยังไม่มีหุ่นยนต์ที่เหมือนคนสุดๆ ออกมาให้ใช้ทั่วไปแบบนี้ได้ หรือถ้ามีก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายแพงลิบอยู่ดี ดังนั้นการที่นายเจมส์มีหุ่นยนต์ตัวแทนในออฟฟิศสาขาอังกฤษแบบนี้เขาก็เจอปัญหาเช่นกันค่ะ คือคนในออฟฟิศไม่ค่อยจะสนใจเขาในเวอร์ชั่นหุ่นยนต์สักเท่าไหร่

 
Photo: www.theverge.com

    ครั้งแรกที่เจมส์เชื่อมต่อกับหุ่นยนต์และเดินไปรอบๆ ออฟฟิศ หลายคนก็มีสบตากับเขาบ้าง แต่ส่วนมากก็ไม่ได้สนใจจะมานั่งคุยหรือทักทายด้วยแบบจริงจัง จนสุดท้ายเขาก็ต้องใช้วิธีนัดหมายคุยกับใครสักคนแบบจริงจังและหาที่ๆ เหมาะสม เช่น นัดประชุมกับหัวหน้าฝ่ายต่างๆ แต่ในที่สุดแล้วถ้ามองในภาพรวมนั้นการสื่อสารทั้งหมดก็ไม่ได้เร็วเท่าพบเจอตัวต่อตัว เพราะต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบางครั้งอาจมีการดีเลย์ต่างๆ ทั้งในคำพูด ภาพแสดงผล เป็นต้น 

ถึงจะมีข้อเสียแต่ก็เป็นตัวช่วยของบางอาชีพ 

 
Photo: www.une.edu/news/

    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยทำให้เจมส์รู้สึกว่าการมีหุ่นยนต์ตัวแทนเนี่ยก็ไม่ค่อยช่วยอะไรสำหรับเขาเท่าไหร่ ก็เลยสงสัยว่าการผลิตเจ้า Double Robotics ขึ้นมาเนี่ยมันมีประโยชน์จริงๆ มั้ย ซึ่งถ้าอ่านดูรายละเอียดจุดประสงค์ของบริษัทผู้สร้างแล้ว เจ้าหุ่นยนต์นี้ก็มีประโยชน์สำหรับบางงานหรือบางกรณีไม่น้อยเลยค่ะ เช่น คนบางคนที่อาจมีเหตุจำเป็นต่างๆ ที่ทำให้ไม่สามารถไปโรงเรียนหรือที่ทำงานได้ หรือคุณหมอที่ต้องพบปะติดต่อผู้ป่วย (ในกรณีที่ต้องการแค่การสื่อสาร ดูอาการ) แล้วไม่ว่าง เป็นต้น 

    ดังนั้นสำหรับงานออฟฟิศอย่างนายเจมส์ก็น่าจะไม่สำคัญมากเท่าไหร่ เพราะพนักงานออฟฟิศสามารถใช้การติดต่อประชุมทางไกลผ่าน Skype หรือวิดีโอคอลแบบธรรมดาๆ และส่งงานผ่านทาง Google Drive หรือทางอีเมลก็เพียงพอแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือเจ้าหุ่นนี้มีราคาแพงถึงประมาณ 2,499 USD ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินไทยก็คือเกือบแปดหมื่นบาทแถมราคานี้ยังไม่รวมกับไอแพดด้วย! 

'หน้ากากคามิเลียน' ให้คนอื่นสวมบทบาทเป็นเราแทน 

 
Photo: https://lab.rekimoto.org/

    มาถึงเรื่องใหม่ๆ แบบล่าสุดกันบ้าง คือช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าบริการต่างๆ ที่ช่วยผ่อนภาระให้มนุษย์ก็เกิดขึ้นเยอะมากทั้งในต่างประเทศและประเทศไทยเราเอง เช่น แอปฯ ต่างๆ ที่ใช้เรียกแท็กซี่, ใช้สั่งซื้อข้าวจากร้านโปรด, ฝากส่งไปรษณีย์ ฯลฯ ล่าสุดนักวิจัยชาวญี่ปุ่นก็ออกมาพรีเซนต์โปรเจคต์ใหม่ของเขาที่อาจจะคล้ายๆ กับหุ่นยนต์ Double Robotics แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะนี่คือการสวมหน้ากากแทนตัวเรา ที่เรียกว่า 'หน้ากากคามิเลียน'

Photo: http://www.techeblog.com/

    หน้ากากคามิเลียนคือการที่ให้ใครสักคนสวมหน้ากากและไปไหนมาไหนแทนตัวเรา หน้ากากนี้มีลักษณะเป็นจอไอแพดติดที่หน้า และจะทำตามคำสั่งต่างๆ ผ่านคนที่สั่งการมา สาเหตุที่มีไอเดียนี้เกิดขึ้นมาก็เพราะว่าหุ่นยนต์ยังมีข้อจำกัดเยอะมาก และไม่สามารถเข้าถึงสถานที่ต่างๆ หรือทำอะไรบางอย่างได้เท่ามนุษย์ และเจ้าหุ่นต่างๆ ก็ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากมนุษย์อยู่มาก เช่นหุ่น Double Robotics ต้องให้คนคอยช่วยเวลาขึ้นลงบันได หรือบางครั้งการเคลื่อนไหวติดขัดก็ต้องมีคนช่วย 

    การทำงานของหน้ากากคามิเลียนนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อน (ในการอธิบาย) เท่าไหร่ ยกตัวอย่างคือ A อยากไปงานปาร์ตี้ที่ต่างจังหวัด แต่ไม่สะดวกไป เลยจ้างให้ B เป็นตัวแทนไปงานนี้โดยการใส่หน้ากากคามิเลียน (แนะนำให้ใช้คนที่มีความสูงหรือขนาดของร่างกายใกล้เคียงกับเรา) และ A จะทำการสั่งการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือผ่านแอปฯ โดย A จะเห็นวิวต่างๆ และให้ B เป็นคนขยับตัวตามที่เขาสั่ง เช่น ทักทายเพื่อน, ชนแก้ว, เปิดประตูเข้าห้องต่างๆ เป็นต้น โดย A กับ B จะสามารถสื่อสารกันได้โดยที่คนภายนอกไม่ได้ยินออกมา 

Photo: http://www.techeblog.com/ 

    ทีมผู้คิดค้นนวัตกรรมนี้ก็บอกกันว่าหน้ากากคามิเลียนเนี่ย มีความเป็น 'ธรรมชาติ' มากกว่าหุ่นยนต์เยอะเลย เพราะเราสามารถสั่งการเองได้ และแน่นอนว่ามนุษย์ก็รับคำสั่งและเคลื่อนไหวต่างๆ ได้เป็นธรรมชาติกว่าหุ่นยนต์ แต่พอเห็นรูปร่างหน้าตาของหน้ากากคามิเลียนแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า แล้วคนใส่ล่ะจะรู้สึกเป็นธรรมชาติมากแค่ไหนกันเชียว? ถึงแม้ว่าจะใช้อุปกรณ์การสวมใส่คล้ายๆ เครื่องเล่น VR และมีกล้องติดให้เห็นสภาพแวดล้อมบ้าง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอเดียนี้จะได้รับการตอบรับไปในทางไหนกันบ้างนะคะ 


    ที่จริงไอเดียการใช้หุ่นยนต์แทนมนุษย์หรือหน้ากากคามิเลียนเนี่ยก็มีข้อดีในหลายๆ อย่าง ถ้าหากใช้อย่างถูกวิธีและตอบรับกับความต้องการของบุคคลนั้นๆ แต่อาจจะต้องรออีกสักพัก ให้ทั้งผู้ใช้และผู้คนทั่วๆ ไปเข้าใจและเคยชินกันอีกนิด และอีกอย่างที่สำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งพี่ก็เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะมีหุ่นยนต์หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาอีกเยอะเลยค่ะ เป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตามจริงๆ ^^ 

อ้างอิง
พี่นิทาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น