แค่เดินก็ได้เงิน! สิงคโปร์แจกสมาร์ตวอตช์ฟรีเพื่อสนับสนุนให้คนเดินออกกำลัง

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ พี่พิซซ่า มีเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับแคมเปญรณรงค์ให้คนหันมาดูแลสุขภาพของรัฐบาลสิงคโปร์มาฝากค่ะ จริงๆ ก็ไม่ใช่ข่าวใหม่ในปีนี้หรอกนะคะ เพราะแคมเปญนี้จัดมาถึงซีซั่นที่ 3 แล้ว (พี่ไปอยู่ไหนมาเนี่ย) แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่สำหรับชาวต่างชาติอย่างเราค่ะ มาดูกันดีกว่าว่ากระทรวงสาธารณสุขบ้านเขามีไอเดียอะไรถึงทำให้คนรักสุขภาพมากขึ้นได้


ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์


     จริงๆ สิงคโปร์หันมาส่งเสริมด้านสุขภาพของประชากรมานานหลายปีแล้วค่ะ แต่ก้าวกระโดดที่โดดเด่นมากจริงๆ คือในปี 2014 ที่กระทรวงสาธารณสุขทำแอปพลิเคชั่นฟรีมาให้ประชาชน บอกเลยว่าแอปสวย แอปดี และอัดแน่นด้วยประโยชน์จริงๆ

     แอปนี้มีชื่อว่า HealthHub ค่ะ แค่ชาวสิงคโปร์มีแอปนี้แอปเดียวก็รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพแล้ว มีให้บันทึกข้อมูลสุขภาพ คอยแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ควรได้รับการตรวจสุขภาพ สามารถใส่ข้อมูลลูกหลานพ่วงได้ในแอป โดยแอปจะแจ้งเตือนเลยว่าตอนนี้ลูกอายุเท่านี้ควรมีพัฒนาการถึงไหน และพ่อแม่ควรจะดูแลลูกอย่างไร ต้องส่งเสริมอะไรบ้าง รวมถึงประวัติการฉีดวัคซีน


Photo Credit: play.google.com

     หรือถ้าใครอยู่กับพ่อแม่ที่สูงอายุ ก็พ่วงข้อมูลสุขภาพของพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่เข้าไปได้ เวลาพาญาติผู้ใหญ่ไปหาหมอ เราก็จะได้รับข้อมูลสุขภาพเข้ามาในแอปของเราด้วยค่ะ ทีนี้ก็จะรู้ว่าเราต้องช่วยระวังเรื่องอาหารอะไรบ้าง ต้องให้กินยาอะไร หรือต้องพาไปพบแพทย์เมื่อไหร่

     นอกจากนี้ในแอปก็มีข้อมูลสุขภาพน่ารู้มากมายที่ทุกคนดูแลตัวเองได้ไม่ยาก ข้อมูลโรงพยาบาล คลินิก แพทย์ มีระบบค้นหาผู้ดูแลหรือพยาบาลส่วนตัว รวมถึงมีเกมความรู้ที่ให้เด็กๆ (รวมถึงผู้ใหญ่) สามารถเล่นได้ เล่นแล้วก็จะได้เกร็ดความรู้ด้านสุขภาพมากมาย แค่แอปเดียวนี่แหละค่ะ มีฐานข้อมูลมหาศาลเลย หรือถ้าใครไม่สะดวกใช้ในมือถือ จะเปิดเว็บดูในคอมแทนก็ได้นะคะ ใช้ล็อกอินเดียวกันค่ะ

     นอกจากนี้ยังมีแอปในเครือตามมาอีก 2 แอป คือแอป Healthy 365 ที่เป็นแอปดูแลสุขภาพรายวัน ไว้คอยติดตามอาหารที่กินและจำนวนก้าวในแต่ละวัน กับแอป HealthHub Track ที่จะให้เลือกโกลสุขภาพหนึ่งอย่าง เช่น ดูแลการตั้งครรภ์ ลดน้ำหนัก ดูแลหุ่น ลดความเครียด หรือนอนหลับให้สนิทขึ้น จากนั้นแอปก็จะมีแชลเลนจ์มาให้ทำเพื่อให้บรรลุโกลนั้นๆ ค่ะ


Photo Credit: play.google.com


ใช้โปรโมชั่นลดแลกแจกแถม


     แค่เว็บหรือแอปสวยๆ ไม่น่าจูงใจให้คนลงมือดูแลตัวเองได้จริงๆ อยู่แล้ว ฉะนั้นก็ต้องมีโปรโมชั่นเข้ามาจูงใจค่ะ มีทั้งสุ่มแจกเงินรางวัลถ้าคนทำแชลเลนจ์ในแอปสำเร็จ รวมถึงมีคะแนนสะสมที่เรียกว่า He​althpoints แจกให้ในแอปด้วย พอดูแลสุขภาพดี ทำตามเป้าหมายต่างๆ ครบก็จะได้คะแนนสะสมไปเรื่อยๆ ค่ะ ซึ่งคะแนน He​althpoints สามารถนำไปแลกเป็นเวาเชอร์เพื่อใช้ซื้อของตามร้านค้าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะร้านอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ต แม้แต่ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ก็มีเวาเชอร์ให้ไปใช้ได้ด้วยนะคะ


National Steps Challenge


     National Steps Challenge ถือเป็นหนึ่งในแคมเปญส่งเสริมสุขภาพค่ะ แต่ที่ต้องแยกออกมาก็เพราะกิจกรรมนี้โดดเด่นมากจริงๆ กิจกรรมนี้คือการเปลี่ยนจำนวนก้าวให้เป็นเงินค่ะ ไม่ต้องทำอะไรยาก แค่เดินก็ได้เงินแล้ว

     ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าแล้วมารับสมาร์ตวอตช์ฟรีที่ที่ทำการไปรษณีย์ใกล้บ้านค่ะ เจ้านาฬิกาอัจฉริยะนี้มีชื่อเรียกว่า HPB steps tracker (HPB เป็นตัวย่อของกรมส่งเสริมสุขภาพ) แถมไม่ได้แจกแล้วจบเท่านั้นนะคะ เพราะเครื่องนี้มาพร้อมประกัน 1 ปี ถ้าระบบรวนแล้วนับผิดพลาดก็มาเปลี่ยนเป็นอันใหม่ได้ สงสัยการใช้งานก็สอบถามศูนย์บริการได้ บริการเหมือนซื้อสมาร์ตวอตช์ยี่ห้อดังมาใช้เองเลยค่ะ เพียงแต่รัฐบาลให้มาฟรีๆ ฟรีแค่คนละอันแต่เข้าร่วมกิจกรรมได้เรื่อยๆ ทั้งชีวิต (ถ้าใครมีสมาร์ตวอตช์ยี่ห้อที่ร่วมกิจกรรมอยู่แล้วก็ใช้ของตัวเองได้เลย)

     เมื่อได้ HPB steps tracker แล้วก็ "เดิน" ค่ะ จริงๆ ควรเดินทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ แต่ทางกรมส่งเสริมสุขภาพก็มีแคมเปญ National Steps Challenge มาเพื่อจูงใจให้คนเดินมากขึ้น โดยมี "เงิน" เป็นของแลกเปลี่ยนค่ะ อย่างปีนี้เป็นซีซั่น 3 ของกิจกรรมแล้ว มีช่วงเวลานับก้าวเพื่อแลกรางวัลตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2017 ถึง 30 เมษายน 2018

     เดินครบ 5,000 ก้าวได้ 10 He​althpoints ต่อวัน เดินครบ 7,500 ก้าว ได้ 25 He​althpoints และถ้าเดินได้ครบ 10,000 ก้าวจะได้ 40 He​althpoints ซึ่งเป็นจำนวน He​althpoints ที่มากที่สุดเท่าที่จะแลกได้ใน 1 วันค่ะ อย่าลืมโหลดแอป Healthy 365 เอาไว้เพื่อเก็บจำนวนก้าวและแต้มด้วยนะคะ

     750 He​althpoints นับเป็นเลเวล 1 แลกเป็นเงินได้ 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ทันที ถ้าได้อีก 1,500 He​althpoints นับเป็นเลเวล 2 ได้เพิ่มอีก 10 ดอลลาร์สิงคโปร์ จากนั้นจะนับเลเวล 3 - 6 เป็นเลเวลละ 750 He​althpoints ค่ะ ได้เลเวลละ 5 ดอลลาร์เช่นกัน (ทุกเลเวลเริ่มนับ 1 He​althpoints ใหม่เสมอ) รางวัลแบบแลกเป็นเงินสดแบบนี้จะแลกได้เลเวลละ 1 ครั้งในระยะเวลากิจกรรมนั้นๆ ค่ะ ส่วน He​althpoints ก็สะสมไว้แลกของรางวัลอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินสดได้อยู่

     ถ้าใครเดินได้ครบทุก 5,000 ก้าว, 7,500 ก้าว หรือ 10,000 ก้าวในหนึ่งวัน ก็จะได้รับสิทธิลุ้นรางวัลใหญ่ต่างหากอีก รางวัลที่ 3 คือเก้าอี้นวดอัตโนมัติมูลค่า 6,088 ดอลลาร์ รางวัลที่ 2 เป็นทริปท่องเที่ยว 2 คนมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ ส่วนรางวัลที่ 1 เป็นตั๋วเครื่องบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ชั้นธุรกิจ 2 ที่นั่งไปกรุงสตอกโฮล์มมูลค่า 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ค่ะ

     หลายคนบ่นว่ากว่าจะครบ 10,000 ก้าวก็เหนื่อยตายเลย ฉะนั้นเพื่อกันไม่ใช่ประชาชนเทโครงการนี้ รัฐบาลก็มีกิจกรรมแจก He​althpoints และของรางวัลพิเศษด้วยค่ะ เช่นมีอีเวนต์ให้ตามหาจุดสแกน QR code ในสวนสาธารณะต่างๆ เพื่อเก็บโบนัสพิเศษ และได้ของที่ระลึกในงานกลับไปด้วย (แค่สแกน 2 จุดในงานก็ได้ของที่ระลึกมูลค่า 15 ดอลลาร์แล้ว ยิ่งสแกนเยอะยิ่งได้ของเยอะ) หรือมีกิจกรรมพิเศษในห้างที่ชวนเดินแล้วลุ้นจับฉลากชิงรางวัลห้องพักและตั๋วเที่ยวยูนิเวอร์ซอลสิงคโปร์ แค่ไปเล่นเกมต่างๆ ตามอีเวนต์พิเศษแป๊บเดียวก็ครบหมื่นก้าวในหนึ่งวันแล้ว

     ส่วนใครไม่มีสมาร์ตโฟนก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีเครื่องอัปเดตข้อมูลตั้งอยู่ตามห้างสรรพสินค้าและสถานที่สำคัญหลายแห่งค่ะ ขอแค่สวม HPB steps tracker ติดตัวเวลาเดิน และแวะไปอัปเดตผ่านเครื่องนี้สักครั้งต่อสัปดาห์ ข้อมูลต่างๆ ก็จะซิงก์เข้าแอคเคานต์ให้เลยค่ะ (ถ้าไม่มีคอมก็สามารถสมัครแอคเคานต์ได้ด้วยตัวเองตามงานโร้ดโชว์ต่างๆ ของ National Steps Challenge)


ชั่วโมงพิเศษออกกำลังฟรีที่ฟิตเนสดัง


     นอกจากสนับสนุนให้ออกกำลังกายง่ายๆ ด้วยการเดินแล้ว ทางกรมส่งเสริมสุขภาพก็มีชั่วโมงออกกำลังฟรีด้วยค่ะ โดยกรมจะร่วมมือกับฟิตเนสหรือยิมต่างๆ ทั่วสิงคโปร์จัดชั่วโมงกิจกรรมฟรีที่ทุกคนสามารถมาใช้บริการได้ (ลงทะเบียนก่อนทุกรอบนะ เพราะที่มีจำกัด) เช่น คลาสโยคะร้อน โยคะเย็น เต้น K-pop เต้นซุมบ้า เต้นชะบาม หรือต่อยมวย ก็ลองเข้าไปเช็กในตารางของกรมได้ว่ามีคลาสไหนวันไหนที่ไหนฟรีบ้าง

     หรือถ้าใครไม่ชอบออกกำลังในฟิตเนส ก็มีชั่วโมงเรียนฟรีตามสวนสาธารณะเช่นกันค่ะ มีหลายโลเคชั่นและหลายคลาสให้เลือกเช่นกัน

     คลาสฟรีส่วนมากจะมีช่วงเช้าก่อนเข้างาน ประมาณ 7 โมงถึง 9 โมงเช้าค่ะ แล้วก็มีช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมง เพราะคิดมาแล้วว่าเป็นชั่วโมงที่ประชาชนน่าจะสะดวกมาร่วมกิจกรรม พี่ชอบรายละเอียดตรงนี้มากเลยค่ะ เพราะถ้าจัดเวลาปกติคนก็ไม่ลางานไปร่วมออกกำลังหรอก แต่พอจัดเวลาแบบนี้มาให้ มันยิ่งเอื้อให้คนไปออกกำลังมากขึ้น หลายคนก็ออกกำลังเสร็จตอนเช้าแล้วค่อยอาบน้ำเข้างานตอน 9 โมง  ดีเนอะ


     ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากๆ ของรัฐบาลเลยค่ะ เพราะถ้าทำให้ทุกคนดูแลสุขภาพของตัวเองได้แบบต่อเนื่อง ก็จะทำให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ก็ลดภาระในการดูแลรักษาไปอีก พอสุขภาพดีก็ทำให้ได้อะไรดีๆ ตามมาหลายอย่างอีกด้วย มองการณ์ไกลดีมากๆ เลยค่ะ

อ้างอิง
www.healthhub.sg/programmes/37/nsc
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด