Hallo! ครับน้องๆ ชาว Dek-D.com ทุกคน จะว่าไปแล้วเดี๋ยวนี้ยิ่งรู้หลายภาษาก็เหมือนเป็นการเพิ่มโอกาสในการเรียนต่อหรือการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะภาษาที่มีคนใช้เยอะๆ ในหลายวงการ อย่าง “ภาษาเยอรมัน” ที่หลายต่อหลายคนต่างซูฮกยกให้เป็นภาษาที่ยากสุดๆ แต่ในความยากนั้นย่อมมีประโยชน์อันดีงามอยู่ในนั้น วันนี้ พี่วุฒิ เลยรวยรวม '10 เหตุผลดีๆ ที่ควรเรียนภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่สาม' มาให้น้องๆ ได้อ่านกันครับ
1. ภาษาเยอรมันง่ายกว่าที่คิด
Cr. Unsplash.com
พออ่านหัวข้อปุ๊บ อย่าเพิ่งร้อง ห๊ะ! กันนะครับ 5555 ก็ไม่แปลกใจหรอกครับที่น้องๆ อาจจะบอกว่า มันยากจริงๆ นะคะพี่ เพราะว่าภาษาเยอรมันเนี่ย เป็นภาษาที่มีการแยกเพศด้วย ทั้งเพศชาย เพศหญิง ไหนยังจะมีเพศกลางเพิ่มมาอีก อีกทั้งระบบการประสมคำก็ยาวไปอีก นี่ยังไม่รวมเรื่องระบบไวยากรณ์อีกนะ ถ้าจะบอกว่าง่ายก็อาจจะไม่เชื่อ แต่หลายคนพอได้เรียนจริงๆ อย่างตั้งใจก็บอกว่า ถึงมันระบบมันอาจจะดูยากแต่พอจับจุดได้แล้วก็เข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่เรียนภาษาอังกฤษมาก่อนจะเป็นประโยชน์มาก เพราะภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันมีรากศัพท์เดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น คำว่า คาง ในภาษาอังกฤษเขียนว่า “chin” ส่วนในภาษาเยอรมัน เรียกว่า “kinn” หรือคำว่า น้ำ ในภาษาอังกฤษคือ “water” ส่วนเยอรมันเรียกว่า “wasser" เห็นมั้ยครับ มันไม่ได้ต่างกันมากเลย
2. เป็นภาษาแห่งนักประดิษฐ์และนักนวัตกรรม
ถ้าพูดถึงเรื่องประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านวรรณกรรม ประเทศเยอรมนีก็คงจะมีรายชื่อติดอยู่ในอันดับแรกๆ เพราะว่ามีทั้งนักเขียนและกวีที่มีชื่อเสียงมากมาย หลายคนจึงขนานนามประเทศนี้ว่า “Das Land der Dichter und Denker." (ประเทศแห่งนักกวีและนักคิด) และที่บอกว่าเป็นประเทศแห่งนักคิด ก็เพราะว่าพอมาลิสต์รายชื่อของผู้ที่ได้รับรางวัลในเบลที่เป็นคนเยอรมันนั้นมีหลายร้อยคนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรางวัลโนเบลด้านฟิสิกส์ การแพทย์ เคมี วรรณกรรม และแขนงอื่นๆ อีกมากมาย นี่ยังไม่รวมนักรางวัลโนเบลประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันอย่างออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลคนอื่นๆ ที่ได้มาเรียนและฝึกฝนที่สถาบันการศึกษาของประเทศเยอรมนีเลยนะครับ พอรู้แบบนี้แล้วถ้าใครอยากจะมีรางวัลโนเบลเข้าไปอยู่ใน resume ของตัวเองบ้าง หรือว่าเราอาจจะเป็นคนที่มีเป้าหมายดีๆ ทางการศึกษา และกำลังมองหาแหล่งข้อมูลดีๆ อยู่ การได้เรียนภาษาเยอรมันก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นดีๆ ที่พาเราไปสู่ความสำเร็จอันหอมหวานก็เป็นได้นะครับ
3. เป็นภาษาที่สำคัญในแวดวงวิชาการ
อย่างที่บอกไปครับว่าประเทศเยอรมนีนั้นมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการเป็นจำนวนมาก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเยอรมนีถึงได้รับการขนานนามว่า “เป็นผู้นำในแวดวงวิชาการ” และน้องๆ รู้มั้ยครับว่า ภาษาเยอรมันนั้นเป็นภาษาที่ได้ใช้นำมาเป็นชื่อภาษาวิทยาศาสตร์มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 และตลาดหนังสือที่ตีพิมพ์เป็นภาษาเยอรมันนั้นใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก ก็เป็นรองแค่ภาษาอังกฤษและภาษาจีนเพียงเท่านั้น แต่ก็น่าเสียดายที่หนังสือดีๆ บางเล่มไม่ได้รับการแปลและตีพิมพ์เป็นภาษาอื่นๆ ถ้าใครไม่อยากพลาดอ่านหนังสือดีๆ อีกมากมายที่ตีพิมพ์เฉพาะภาษาเยอรมัน การได้เรียนภาษานี้ก็จะทำให้น้องๆ มีโอกาสได้เปิดโลกกว้างมากกว่าเดิมแน่นอนครับ
4. ภาษาเยอรมันเปิดประตูสู่การศึกษาระดับโลก
ต่อจากข้อที่แล้วที่บอกว่า ประเทศเยอรมนีเป็นผู้นำในด้านวิทยาศาสตร์ของโลก และเหตุผลที่หลายคนต่างขนานนามเช่นนี้เป็นเพราะว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศเยอรมนีนั้นมีชื่อเสียงมากๆ ในระดับนานาชาติ และถูกจัดเป็นอันดับที่ 4 ว่าเป็นประเทศที่นักศึกษาต่างชาติทั่วโลกอยากมาเรียนมากที่สุด อีกทั้งยังมีค่าเรียนที่ถูกมากๆ และทางรัฐบาลของเยอรมนีก็ได้มอบทุนให้นักศึกษาต่างชาติได้เรียนฟรีอีกด้วย (อ่านเหตุผลที่เยอรมนีให้เรียนฟรี คลิกที่นี่) ดังนั้นการได้เรียนภาษาเยอรมันก็เหมือนเป็นการลงทุนเล็กน้อย แต่กำไรที่ได้กลับมามีแต่คุ้มกับคุ้มแน่นอน (แนะนำการเรียนต่อเยอรมัน คลิกที่นี่)
5. ประเทศเยอรมนี ‘มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ’
น้องๆ ครับ ภาษาเยอรมันนั้นไม่ได้เลิศแค่ในแวดวงวิชาการเพียงเท่านั้นนะคับ แต่ในแวดวงธุรกิจก็ถือว่าปังไม่แพ้กัน เพราะว่าประเทศเยอรมนีนั้นเป็นประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป (EU) และยังใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ประเทศเยอรมนีจึงเปรียบเสมือนจุดรวมสำคัญของการร่วมมือระหว่างนานาชาติ จึงไม่แปลกใจถ้าเยอรมนีจะยืนเชิดอยู่แถวหน้าในฐานะของประเทศที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ของโลก
และถึงแม้ว่าคนเยอรมันจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่การที่เราสามารถพูดสื่อสารภาษาเยอรมันกับเจ้าถิ่นได้ ก็เหมือนเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม อาจจะทำให้เรามีพาร์ทเนอร์ดีๆ และสามารถต่อยอดในด้านธุรกิจเพื่อโอกาสดีๆ จะได้ตามมาอีกด้วย
6. บริษัทต่างๆ ของเยอรมันเป็นผู้นำตลาดโลก
Cr. Unsplash.com
ถ้าใครต้องการที่จะร่วมงานกับบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Siemens, Volkswagen, Adidas และ Lufthansa การรู้ภาษาเยอรมันก็จะเป็นใบเบิกทางพาน้องให้ได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ ในบริษัทระดับโลก เพราะบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นสัญชาติเยอรมันทั้งนั้น นอกจากนี้แล้วประเทศเยอรมนียังเป็นประเทศเจ้าภาพสำหรับงานแสดงสินค้าและธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง CeBIT และงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นานาชาติ ที่รู้จักกันในนาม “IFA” อีกด้วย ยังๆ ยังไม่พอครับ! กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี ยังได้รับการขนานนามว่า “the Silicon Valley of European” หรือ “แหล่งผลิตและบ่มเพาะนวัตกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งสหภาพยุโรป” อีกด้วย โอ้โห! สรรพคุณดีงามขนาดนี้ ไม่เรียนไม่ได้แล้ว
7. เป็นภาษาที่ Native Speaker ในทวีปยุโรปใช้มากที่สุด
อย่างที่เรารู้กันครับว่า ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมันและภาษาฝรั่งเศส ทั้ง 3 ภาษานี้ถูกใช้เป็นทางการในสหภาพยุโรป และภาษาเยอรมันเองก็เป็นภาษาที่มีคนใช้เยอะมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในยุโรป แต่จริงๆ แล้ว ถ้าถามว่าพวก native speaker ในยุโรปเขาพูดภาษาอะไรมากที่สุด และอันดับ 1 นั้นมงลงที่ภาษาเยอรมันจ้า (โบกมือ สวยๆ)
8. มีเครือข่ายออนไลน์ที่กว้างขวาง
Cr. Unsplash.com
อย่างที่บอกไปครับว่าประเทศเยอรมนีนั้นเป็นผู้นำในแวดวงเทคโนโลยี จึงไม่แปลกใจเลยถ้าจะบอกว่าประเทศนี้มีเครือข่ายออนไลน์ที่ใหญ่มากๆ เพราะว่าเครือข่ายเว็บไซต์ของประเทศนี้นั้นกว้างขวางมากๆ ครับ สังเกตได้จากนามสกุลโดเมนหลังชื่อเว็บไซต์ของเยอรมนีอย่าง “.de” นั้นถูกจัดเป็นนามสกุลโดเมนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองก็แค่นามสกุล .com เองครับ และในปัจจุบันเว็บไซต์ที่ใช้นามสกุลนี้มีเกือบๆ 20 ล้านเว็บไซต์เลยทีเดียว นี่ยังไม่เว็บไซต์อื่นๆ ของเยอรมนีที่ลงท้าย .net, .org, .info หรืออื่นๆ อีกนะครับ (โอ้โห เซอร์ไพรส์เลยครับ พี่ก็เพิ่งจะรู้เหมือนกัน)
9. ภาษาเยอรมันมีอยู่ทุกที่
Cr. Unsplash.com
ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ไปเยือนประเทศเยอรมนีหรือประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน น้องๆ อาจจะคิดว่า แล้วฉันจะไปพูดกับใครได้ล่ะ? ไม่ต้องกลัวครับ บางทีน้องอาจจะเดินสวยๆ อยู่ตามปกติ คนเยอรมันก็อาจจะมาหาเราเองก็ได้ครับ เพราะว่าคนเยอรมันถูกจัดว่ามีนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ และมักกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของโลก เพราะว่าในแต่ละปีนั้นที่เยอรมนีจะมีวันหยุดยาวถึง 6 สัปดาห์เลยทีเดียว จึงไม่แปลกใจเลยถ้าในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นถ้าเราพูดภาษาเยอรมันได้ ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ใช้ความรู้ภาษา หรือถ้าใครชำนาญมากๆ ก็อาจจะสอบเป็นมัคคุเทศก์ภาษาเยอรมัน บอกเลยครับว่าเงินดีมาก เพราะว่าไกด์ภาษาเยอรมันในบ้านเรานั้นมีอัตราน้อยมากถ้าเทียบกับไกด์ภาษาอื่นๆ
10. เรียนแล้วสนุก แถมยังบุกเยอรมนีสบายๆ
Cr. Unsplash.com
ถ้าพูดถึงประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม และมีการออกแบบสถาปัตกรรมสุดแสนวิจิตรตระการตา บอกเลยว่าไม่มีชื่อของประเทศเยอรมนีไม่ได้! หลายต่อหลายคนต่างบอกว่าที่นี่คือประเทศในฝันที่อยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต ยกตัวอย่างสถานที่ที่มีชื่อเสียง เช่น ปราสาทนอยชวานชไตน์ เมืองมิวนิก, พระราชวังเรสซิเดนซ์ หรือเมืองสุดน่ารักดุจเทพนิยายอย่าง ‘โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์’ หรือสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแสนคลาสสิคอย่าง ‘เขตเมืองเก่า Old Town’ และที่พลาดไม่ได้ที่หลายต่อหลายคนต้องไปถ่ายรูปพร้อมเช็กอินอย่าง ‘ประตูบันเดนบูร์ก’ ซึ่งเป็นประตูที่มีความสำคัญกับประเทศเยอรมนีมาก เพราะว่าเป็นสัญลักษณ์การรวมชาตินั่นเอง และถ้าน้องๆ ได้เรียนภาษาเยอรมัน แล้วมีโอกาสดีๆ สักครั้ง ก็คงจะดีไม่น้อยเลยถ้าเราได้มาพูดภาษาเยอรมันในประเทศเยอรมนีจริงๆ (เอ้า! ว่าแล้วก็ไปเรียนภาษาเยอรมันพร้อมหยอดกระปุกเก็บตังค์ไปเที่ยวกันเถอะ)
หลายคนต่างบอกว่าภาษาเยอรมันนั้นยาก แต่อย่าลืมนะครับว่าความยากง่ายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นอย่าเพิ่งตัดสินเพียงเพราะฟังคนอื่นพูดมาครับ และถ้าได้เรียนแล้ว แน่นอนครับว่าอาจจะมึนๆ งงๆ ไปบ้าง เพราะมันอาจจะดูใหม่สำหรับเรา แต่ถ้าเราตั้งใจจริงๆ และพยายามซึมซับมันเข้าไปทุกวัน เราอาจะเคยชินและรู้สุกสนุกก็ได้ครับ ส่วนตัวพี่เองพอเห็นความเลิศของภาษาเยอรมันแล้ว ตอนนี้ก็อยากจะไปลงคอร์สเรียนเลยล่ะครับ 5555 ...แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าครับ Auf Wiedersehen!
Source:
4 ความคิดเห็น
น้ำภาษาเยอรมันคือคำว่า "Wasser" นะครับไม่ใช่ Vatar
เรียนเพราะหาสามี ผชเยอรมันหล่อโฮกกก