เริ่มกันที่ University of Chicago ค่ะ จุดเด่นโรงอาหารกลางที่นี่ จะเน้นการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น โดยร้อยละ 40 ของวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหารมาจากท้องถิ่นค่ะ ทางมหาวิทยาลัยจะเลือกซื้อวัตถุดิบจากเจ้าของกิจการที่เป็นชนกลุ่มน้อยของสังคม เพื่อเป็นการกระจายรายได้ ว่ากันว่าไข่ทุกใบที่สั่งมาที่นี่เป็นไข่จากไก่ที่เลี้ยงแบบไม่ขังกรง ส่วนกาแฟที่ขายอยู่เป็นกาแฟที่มาจากระบบการค้าที่เป็นธรรม หรือ fair trade แถมยังมีกิจกรรมที่เรียกว่า “mystery diners” เพื่อให้นักศึกษาได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรสชาติและคุณภาพของเมนูต่างๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำความเห็นเหล่านี้มาปรับปรุงการให้บริการต่อไปค่ะ
Princeton University มหาวิทยาลัยนี้นอกจากจะเป็น 1 ใน 8 Ivy League ของสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารการกินมากๆ ค่ะ โรงอาหารที่นี่จะเน้นความหลากหลายของอาหารและความสดใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น ที่นี่ยังมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลของอาหารแต่ละเมนู ตั้งแต่เรื่องของส่วนผสมและวัตถุดิบที่ใช้ (เป็นประโยชน์มากๆ กับคนที่มีปัญหาเรื่องแพ้อาหารบางชนิด เช่น ถั่ว เนย อาหารทะเล) แถมยังจัดอันดับอาหารโดยวัดจากเมนูที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนน้อยที่สุดไปหามากที่สุด เพื่อให้เห็นกันไปเลยว่าการกินอาหาร การทิ้งอาหาร และเศษอาหารนั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่ทุ่มเทกับเรื่องอาหารการกินไม่แพ้กันคือ Northwestern University ที่นี่ให้ความสำคัญกับเรื่องการสร้างความเข้าใจว่าวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารนั้นมาจากแหล่งใด มีการเพาะปลูกอย่างไร ด้วยการจัดอีเวนต์ที่เรียกว่า Farm to Fork พานักศึกษาที่สนใจไปทัวร์ฟาร์ม!! พูดคุยกับเจ้าของฟาร์มและชิมอาหารที่ปรุงกันสดๆ ที่ฟาร์มเลย ส่วนโรงอาหารในมหาวิทยาลัย มีการจัดโซนเพื่อให้นักศึกษาได้ลองทำอาหารด้วยตัวเอง นอกจากพวกเขาจะได้กินอาหารฝีมือตัวเองแล้ว ก็ยังได้เรียนรู้เคล็ดลับการทำอาหารให้อร่อยจากเชฟที่จะมาคอยให้คำแนะนำอีกด้วยนะ เป็นกิจกรรมยามเที่ยงที่ถูกใจใครหลายคนเลยล่ะค่ะ
Johns Hopkins University มหาวิทยาลัยนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากกกก แถมยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่อง ‘ความสดใหม่’ ของอาหาร เพราะทางมหาวิทยาลัยมีจุดยืนว่า จะต้องทำอาหารที่สดใหม่ที่สุดเพื่อคุณภาพและรสชาติที่ดีที่สุดให้กับนักศึกษา (ไม่ต้องแปลกใจถ้าจะได้เห็นการอบขนมปังที่โรงอาหารกันเกือบทั้งวัน นักศึกษาจะได้กินขนมปังสุกใหม่ เสิร์ฟร้อนๆ จากเตาอบเลยนะ)
ทางมหาวิทยาลัยยังมีการจัดกิจกรรมที่ชื่อว่า Better Than Mail เพื่อให้พ่อแม่ของนักศึกษาสามารถส่งเมนูเด็ดของตัวเองมาที่ฝ่ายดูแลเรื่องอาหารของมหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละเมนูจะถูกคัดเลือกและนำมาปรุงให้นักศึกษารับประทาน นอกจากจะเพิ่มความหลากหลายให้กับเมนูที่มีอยู่แล้ว ยังช่วยให้นักศึกษาจากต่างชาติหรือต่างรัฐ หายคิดถึงบ้านได้ด้วยนะ (คิดถึงอาหารรสมือแม่เลยใช่มั๊ยล่ะคะ)
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเรื่องความจริงจังในการทำอาหารให้กับนักศึกษาคือ Brown University (เป็น 1 ใน Ivy League ด้วยนะ) มหาวิทยาลัยแห่งนี้จัดทำระบบออนไลน์ที่เรียกว่า MyMeal ที่เหมือนกับคลังข้อมูลด้านอาหาร มีทั้งข้อมูลทางโภชนาการ ส่วนผสม วัตถุดิบที่ใช้ในแต่ละเมนู ซึ่งหากเมนูไหนเป็นเมนูมังสวิรัติ วีแกน หรือกลูเตนฟรี จะมีการแปะฉลากแบบพิเศษเอาไว้ เอาใจคนรักสุขภาพสุดๆ ส่วนคนที่แพ้อาหารบางประเภทยังสามารถเข้ามาตรวจสอบรายละเอียดของอาหารได้อีกด้วย และหากว่าเลือกเมนูที่ถูกใจได้แล้วแต่ยังไม่มีเวลาเดินไปที่โรงอาหาร ทางมหาวิทยาลัยมีอีกหนึ่งบริการนั่นคือการจัดส่งอาหารภายในมหาวิทยาลัยผ่านระบบ Express Delivery แบบนี้ใครที่อ่านหนังสือสอบจนเพลินก็ไม่ต้องกังวลเรื่องมื้ออาหารอีกต่อไปค่ะ
มหาวิทยาลัยสุดท้ายที่พี่พริ้มภูมิใจนำเสนอในวันนี้คือ Stanford University ค่ะ มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีความล้ำหน้าในหลายๆ เรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่องอาหารค่ะ เพราะเขาให้ความใส่ใจกับอาการแพ้อาหารของนักศึกษาเป็นอย่างมาก และอาหารที่นักศึกษาจำนวนมากแพ้คืออาหารที่มีส่วนผสมของถั่วลิสง ทางมหาวิทยาลัยถึงกับประกาศให้พื้นที่ในเขตโรงอาหาร Ricker เป็นเขต ‘peanut-sensitive’ หรือเขตที่อ่อนไหวต่อถั่วลิสง ดังนั้นพื้นที่บริเวณนี้จึงปลอดถั่วลิสง ถือเป็นครั้งแรกที่มีความพยายามให้ความช่วยเหลือกับอาการแพ้อาหารของนักศึกษาอย่างจริงจัง
1 ความคิดเห็น
น่าสมเพชมหาวิทยาลัยในเมืองไทยนะ ดูซิขนาดมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกในอเมริกายังไม่มี uniform แล้วเห็นมั้ย เขาแต่งตามใจยังไงก็ได้ ดูมหาลัยเมืองไทยสิ ยังใส่ชุดกันราวกับว่ายังอยู่ ประถม มัธยม แถม canteen ก็เน่า สกปรก คุณภาพต่ำ แถม ระบบการศึกษายังเต่าล้านปี อาจารย์บ้าแต่เรื่องแต่งตัวถูกระเบียบไว้ก่อน ข้างในจะเน่าจะดียังไงไม่สน แถมยังมีระบบรุ่นพี่ข่มรุ่นน้องที่แสนไร้อารยธรรม ไม่เหมือนกับประเทศอื่นที่เขามี o-week ทันสมัย ไม่มีการบังคับ แถมปล่อยอิสระ อยากเข้าชมรมไหน เข้ากิจกรรมไหนก็ได้ ไม่มีการแบ่งแยกคณะหรือสาขา
เรื่องชุด มันฝึก ฝึกให้เรามีระเบียบวินัยค่ะ คิดไปในทางบวกค่ะ อย่าอคติ และอย่าคิดในแง่ลบ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตของพี่ดีขึ้นเลย ระบบการศึกษา? เดี๋ยวนี้มีโรงเรียนดีๆเยอะแยะไม่ไปสมัครล่ะคะ? เดี๋ยวนี้เขาจัดอันดับโรงเรียนมัธยมกันแล้ว ทันสมัยก็มีเยอะแยะ แต่แค่พี่ไปคิดในแง่ลบเอง