สวัสดีค่ะชาว Dek-D เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะกับการเสิร์ฟดราม่าส่งตรงจากรายการเรียลลิตี้ทำอาหาร “Master Chef” ของทางฝั่งสหราชอาณาจักร เมื่ออยู่ดีๆ ผู้เข้าแข่งขันสาวชาวมาเลเซียก็ต้องตกรอบ เพราะกรรมการบอกเธอว่า เนื้อไก่ในเมนูชื่อ “เรินดัง” มันกรอบไม่พอ!!
เพื่อให้เข้าใจดราม่ามากที่สุด เราขอพาไปรู้จักเมนูที่ว่านี้กันก่อน...
"เรินดัง" (Rendang) คืออาหารพื้นถิ่นของอินโดนีเซียที่เคยขึ้นแท่นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเมื่อปี 2011 จากการสำรวจของ CNN ...คราวนี้ขอให้ทุกคนนึกภาพเนื้อที่ค่อยๆ นำลงไปเคี่ยวกับกะทิ คลุกเคล้ากับตะไคร้ ข่า กระเทียม ขมิ้น ขิง และพริก แล้วใช้เวลาเคี่ยวต่ออีกสัก 4 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อนุ่มและรสชาติกลมกล่อม ฟังแบบนี้รู้เลยว่าคนทำต้องใช้ความอดทนสูงขนาดไหน! (เสริมนิดนึงว่า ต้นตำรับจริงๆ คือเนื้อวัว แต่บางครั้งคนก็หันมาใช้เนื้อไก่ เป็ด แกะ ฯลฯ แล้วแต่โอกาสค่ะ)
Photo Credit: BBC
หากสังเกตส่วนผสมดีๆ จะพบเอกลักษณ์ของเรินดังอย่างหนึ่ง คือการใช้สมุนไพรธรรมชาติเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ส่วนรสชาติที่ออกมาจะคล้ายแกงพะแนงของบ้านเรา แต่เนื้อจะนุ่มกว่าเพราะผ่านการเคี่ยวอย่างยาวนานมากๆ
ผู้ให้กำเนิดเมนูเรินดัง คือ "ชาวมีนังกาเบา" (Minangkabau) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่อยู่ทางใต้ของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ช่วงเวลาที่มีหลักฐานบันทึกไว้ก็ราวๆ ก่อนศตวรรษที่ 19 ต่อมาเรินดังได้แพร่หลายในประเทศแถบเอเชียอาคเนย์ เช่น มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ทางตอนใต้ของไทย สามารถหารับประทานได้ตามร้านอาหารแบบ “ปาดัง” (Padang) จากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ถ้าให้พูดถึงเรนดังในแบบชาวมีนังกาเบา เค้าก็จะมีเทคนิคการปรุงและใส่เครื่องเทศที่เป็นเอกลักษณ์ และมักถูกเสิร์ฟในโอกาสพิเศษหรือใช้ต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติ
อ้อ! อีกอย่างนึงที่ต้องทำความรู้จักเพิ่มเติม คือ "นาซิ เลอมัก" (Nasi lemak) อาหารประจำชาติมาเลเซียที่เป็นข้าวเจ้าหุงกับกะทิ มีส่วนผสมต่างๆ เช่น ไข่ทอด แตงกวาสไลด์ ปลาแอนโชวี่ทอด ถั่ว และน้ำพริกซัมบัล (Sambal) ซึ่งเมนูนี้บางทีเค้าก็กินคู่ได้หลายอย่าง เช่น ไก่ทอด หอยแครง หรือแม้แต่เมนูเรินดังที่เราเพิ่งฟังประวัติจบไปเมื่อกี้นี้
Photo Credit: MasterChef UK
ตัดภาพมาที่รายการ MasterChef UK การแข่งขันสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านมาสดร้อนๆ คือรอบ 8 คนสุดท้าย มีผู้เข้าแข่งขันเชื้อสายมาเลเซียคนหนึ่งชื่อ “ซาเลฮา คาดีร์ โอลปิน” (Zeleha Kadir Olpin) เลือกทำเมนู นาซิ เลอมัก เสิร์ฟคู่กับ เรินดัง
เธอได้เล่าความประทับใจเกี่ยวกับเมนูนี้ให้กรรมการฟังว่า มันเป็นเมนูแรกที่แม่ของเธอทำให้สามีของเธอกิน หลังจากที่เธอพาเขามาพบพ่อแม่ ไม่เพียงเท่านั้น ซาเลฮายังมีภาพจำเกี่ยวกับอาหารจานนี้ในวัยเด็กด้วย เพราะข้างนอกโรงเรียนของเธอมีขายนาซีเลอมักที่อร่อยที่สุด ทำให้เธอถึงกับเก็บเงินเพื่อซื้อมันเลยทีเดียว
Photo Credit: BBC
เราแทบจินตนาการไม่ออกเลยค่ะว่า ตอนที่เธอบรรจงทำอาหารจานนี้ขึ้นมาจะรู้สึกตื่นเต้นแค่ไหน อาหารอดีตมือวางอันดับหนึ่ง...จับมาเข้าคู่กับอาหารประจำชาติมาเลเซีย สวยงามดูดีแบบนี้ แต่ความฝันดันต้องดับลงกลางอากาศ เพราะกรรมการมาสเตอร์เชฟ อย่าง “จอห์น โทโรด” (John Torod) กับ “เกร็กก์ วัลเลซ” (Gregg Wallace) วิจารณ์ว่าไก่เธอต้องกรอบกว่านี้!
มิสเตอร์วัลเลซบอกว่า “ผมชอบรสชาติของเรินดังนะ มันมีความหอมจากกะทิ แต่หนังไก่มันไม่กรอบเลย แถมแกงก็ราดหนังไก่ซะท่วมขนาดนี้ ผมกินไม่ได้หรอก” ส่วน โทโรด เชฟออสเตรเลียก็วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาอีกว่า “มันไม่มีเวลามากพอจะทำให้ออกมาดูดี ดูนุ่ม และลงตัวกว่านี้ ไก่ที่ออกมามันดูเละๆ รสชาติเลยออกมาไม่อร่อย”
สุดท้ายสาวมาเลย์ก็ตกรอบแบบงงๆ...
หลังจากรายการออกอากาศไป ชาวมาเลเซียไม่น้อยได้ออกมาแสดงความไม่พอใจผ่านโซเชียล ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ ทำนองว่า “พวกแกเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรินดังไปมากเลยนะ!" เป็นต้นว่า...
“ไร้สาระที่สุด เรนดังไก่กรอบอะนะ? กรรมการคิดว่านี่เป็นปลากับมันฝรั่งทอดเหรอ? พวกเขาเรียกตัวเองว่าเป็น ‘เชฟคนดัง’ ทั้งที่ตัวเองรู้จักแค่อาหารในวัฒนธรรมของตัวเอง แต่กลับมีความรู้เกี่ยวกับอาหารจากทั่วโลกคับแคบมาก...ฉันล่ะละอายใจแทนจริงๆ”
“ไก่กรอบ? ไม่สิ...เนื้อไก่ต้องนุ่ม เป็นผลมาจากการใช้เวลาหลายๆ ชั่วโมง เรินดังไม่ใช่ไก่ทอด KFC ดังนั้น เชฟต้องต้มให้เดือดไปพร้อมๆ กับการควบคุมเครื่องเทศและกำลังไฟ ส่วนปริมาณกะทิก็สำคัญไม่แพ้กัน”
Photo Credit: FMTnews
"ฮัลโหลคุณเชฟ ฉันไม่เคยได้ยินใครพูดว่า 'ฉันอยากกินเรินดังไก่กรอบ' เลยนะ! เรินดังมันคือไก่นุ่มๆ ที่มากับเครื่องเทศ ถ้าอยากได้ไก่กรอบๆ แนะนำให้ไป KFC เถอะ"
“จาฮาบา ซาดิก” (Jahabar Sadiq) นักข่าวและนักเขียนคอลัมน์อาหาร ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้กับทาง BBC ว่า “เห็นชัดๆ เลยว่าเขาไม่คุ้นเคยกับอาหารจากส่วนอื่นๆ ของโลก เพราะถ้าเขาเข้าใจล่ะก็ เขาจะรู้ว่า นาซิ เลอมัก คืออะไร”
แม้แต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย “นาจิบ ราซัค” (Najib Razak) ยังออกมาโพสต์ภาพลงทวิตเตอร์ พร้อมแคปชั่นที่แสดงความฉงนสนเท่ห์ว่า "มีใครที่ไหนเค้าอยากกินเรนดังไก่กรอบกันเนี่ย?"
ขนาดเพจ KFC ของมาเลเซีย ยังหัวใสโผล่มาแซะรายการและทำการตลาดได้ในเวลาเดียวกัน แสบขนาดไหนดูได้จากภาพ (ขนาดคอมเมนต์ยังบอกเลยว่า โปรดยกรางวัลให้ฝ่ายการตลาดเถอะ คิดได้ไงเนี่ย!!)
มิสเซเลฮาโพสต์ในไอจีว่า “ฉันเสียใจที่ตกรอบในรายการ Masterchef UK แต่ฉันก็จะขอปรุงนาซีเลอมักในแบบดั้งเดิมต่อไปนี่แหละ จะไม่ขอเปลี่ยนแปลงเพื่อโลก ความทรงจำในช่วงเวลาที่ฉันมาแข่งรายการนี้จะยังคงอยู่กับฉันตลอดไป ขอบคุณสำหรับทุกแรงสนับสนุนและคำอวยพรดีๆ”
Photo Credit: z.olpin
หลังจากเธอโพสต์ออกไป ก็มีผู้ชมรายการแห่มาให้กำลังใจ พร้อมชื่นชมว่าหน้าตาอาหารที่เธอทำออกมาดูน่ากินมากๆ พร้อมบอกว่าเธอไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เรินดังไม่ใช่สิ่งที่จะต้องทำให้กรอบสักหน่อย
ทางด้านโทโรด หนึ่งในกรรมการ ก็ออกมาโพสต์กวนๆ เกี่ยวกับต้นกำเนิดของเรนดังว่ามันมาจากอินโดนีเซีย ทำให้คนเข้าใจว่าเขาพยายามเสี้ยมให้คนสองชาติ มาตบตีกันเรื่องต้นกำเนิดของเรินดัง แต่ผลคือพวกเขาสามัคคีกันปกป้องเกียรติของเรินดังเต็มที่ ยังไม่จบแค่นั้น โทโรดยังปิดท้ายโพสต์นั้นด้วยคำว่า “นมัสเต” (Namaste) ซึ่งเป็นคำทักทายของชาวเนปาลและอินเดีย… สรุปการทวิตแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย คล้ายกับไปราดน้ำมันลงบนกองไฟ และเพิ่มจุดให้คนวิจารณ์ทางลบเพิ่มขึ้นไปอีก (ตอนนี้เจ้าตัวลบทวิตดังกล่าวออกแล้วค่ะ)
Photo Credit: @JohnTorode1
อ้อ...จริงๆ แล้วคนที่ไม่พอใจไม่ได้มีแค่คนมาเลเซียเท่านั้นนะคะ แต่ชนชาติที่นิยมเมนูเรินดังทั้งหลายก็แอบรู้สึกเหมือนโดนหยามเหมือนกัน ถ้าอ่านเฉพาะความคิดเห็นจากคนไทยด้วยกันเอง จะเห็นว่าส่วนใหญ่ไปทางการตำหนิกรรมการที่ช่างเข้าใจวัฒนธรรมอาหารของชนชาติอื่นน้อยนิดเหลือเกิน ถ้ารู้แค่นี้ไม่ควรเป็นกรรมการด้วยซ้ำ บางคนก็พยายามมองอีกด้านว่ากรรมการแค่ชิมตามความรู้สึกจริงๆ ไม่อร่อยก็บอกไม่อร่อย และสังเกตว่ามีคนไม่น้อยเลยที่ลากยาวไปวิจารณ์อาหารประจำชาติของเขาที่มีแต่มันฝรั่งกับปลาทอด!
ภายหลังจากโดนวิจารณ์อย่างหนักหน่วง วอลเลซก็ได้อธิบายผ่านรายการ Good Morning Britain ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจให้เธอตกรอบ "คือผมไม่ได้บอกว่ามันจะต้องเอาไปทอดเหมือนไก่ทอดแบบนั้น ผมหมายความว่ามันยังไม่สุก เนื้อมันดูขาวๆ เหลวๆ อยู่เลย"
เขาเสริมอีกว่า "เธอไม่ได้ตกรอบเพราะหนังไก่ไม่กรอบ แต่มันเป็นเพราะคนอื่นปรุงได้ดีกว่า"
Photo Credit: Metro.co.uk
ดราม่านี้สอนให้รู้ว่า วัฒนธรรมเรื่องอาหารเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากกก มองข้ามไม่ได้เลย จริงๆ มันมีหลายครั้งนะคะที่คนต่างชาติใช้ส่วนผสมหรือวิธีการปรุงอาหารที่ผิดแผกไปจากต้นตำรับ บางเคสก็ตำหนิกันใหญ่โต หรือไม่ก็อาจแค่พูดล้อเลียนเป็นเรื่องตลกไป เราจึงต้องระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษค่ะ อย่างเชฟสองคนในรายการนี้ พลาดทีเกิดสงครามเรินดังกันเลยทีเดียว!
ขอบคุณแหล่งอ้างอิง:
3 ความคิดเห็น
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าทำอาหารที่คิดว่าเลิศศศศ ของชาติตัวเอง แล้วคนอื่นเขาจะเข้าใจด้วย
เรามองว่าการที่ไปแข่งมาสเตอร์เซฟ UK ควรทำอาหารที่เป็นสากลมากกว่าจานนี้นะ
หรือจะทำอาหารยุโรปที่มีกินอายความเป็นฟิวชั่นของอาหารพื้นเพมาเลเชียก็ได้
ถ้าไปแข่งมาสเตอร์เซฟมาเลเชียก็ว่าไปอย่าง
แต่อันนี้มาสเตอร์เซฟUKค่ะ ฮัลโล่ว แล้วกรรมการจะให้อาหารมาเลชนะได้ไง
โทษนะ ฮัลโลลล ของยูเค แล้วไง อะไรคือความเป็นสากล ทำไมต้องฟิวชั่นล่ะ? ว้อทททท บอกว่าให้ทำอาหารฝรั่งเหรอ ของอังกฤษ โทษๆ อังกฤษอาหารประจำชาติ มีแค่ fish n chip ขนมปังอังกฤษ ชา สตู ไส้กรอกอังกฤษ ขนมสโคน น้อยมาก เมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ทำได้ไม่ถึง10เมนูก็หมดมุขแหละ อังกฤษเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่า อะไรๆก็ดี ยกเว้นอาหาร ถ้าทำอาหารประเทศอื่น ประเทศไหนล่ะจ๊ะ อิตาลี เสปน ฝรั่งเศส ประเทศไหนถึงจะเรียกว่าสากลล่ะ เดี้ยวทำคลาสิคคาโบนาร่า ไม่ใส่ครีมก็บอกมันไม่สากล เหมือนที่ขายในร้านพิซซ่าอีก แล้วได้อ่านทุกบรรทัดไหมเนี่ย ตัวเรินดังเอง เคยขึ้นแท่นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกปี2011 แสดงว่าตัวเรินดังก็สากลอยู่ อย่าคิดว่าเพราะตัวเองไม่รู้จักมันถึงไม่สากลสิจ้ะ งานนี้กรรมการโง่เองล้วนๆที่ไม่รู้จักอาหารที่เคยขึ้นอันดับ1ของโลก
เอาตรงๆ ฝรั่งมันรู้จักอาหารชาติอาเซียนไม่กี่อย่าง ถ้าจะคาดหวังให้เขารู้จักแบบลึกซึ้งมันต้องใช้เวลา อีกอย่างมันคือรายการทำอาหาร ถ้าคุณปรุงอาหารออกมาแล้วมันไม่อร่อย คนที่ทำดีกว่าเขาก็ชนะเป็นเรื่องธรรมดา
เราไม่ได้เข้าขางกรรมการนะแต่เราเข้าใจพวกเขาเรื่องหนังไก่ คือเราไม่เคยกินเรินดังหรอกแต่เราไม่กินหนังไก่ในแกงอะ แบบแกงร้านข้าวแกงที่หนังไก่มันยังเด้งๆอยู่นะ เราไม่ชอบสัมผัสหยึยๆของมัน
เราเลยคิดว่าในรายการเชฟเขามีเวลาทำน้อยไปรึป่าว คือถ้าหนังไก่มันได้เคี่ยวนานหน่อยเราว่าน่าจะโอกว่า เราเองถ้าเป็นหนังไก่ที่เคี่ยวนานๆอย่างในมัสมันเราก็ชอบ กินได้