รวมทวีต ‘กรีดหัวใจ’ ของวัยรุ่นอเมริกัน พูดถึงเหตุสลด 'กราดยิงในโรงเรียน' #IfIDieInASchoolShooting

     สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com หลายวันก่อนในโลกโซเชียลของอเมริกามีแฮชแท็กหนึ่งที่ขึ้นติดเทรนด์ในทวิตเตอร์และได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกไม่แพ้กับพิธีอภิเษกสมรมของราชวงศ์อังกฤษเลย และแฮชแท็กที่ว่านั้นก็คือ #IfIDieInASchoolShooting ซึ่งเป็นแฮชแท็กที่เหล่านักเรียนชาวอเมริกันได้ทวิตเพื่อพูดถึงประเด็นการกราดยิงในโรงเรียนที่นับวันยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้น พี่วุฒิ เองได้อ่านแต่ละข้อความแล้วรู้สึกสะเทือนใจมากเลยครับ พวกเขาทวีตว่าอะไรบ้าง มาอ่านกันเลยครับ 



      

Cr. Getty Images
 

     ถ้าน้องๆ หลายคนได้ตามข่าวอยู่บ้าง ก็น่าจะพอรู้เรื่องเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นบ่อยมากๆ และเหตุโศกนาฏกรรมแบบนี้ก็ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงปีสองปีนี้ แต่เป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมานานมากเป็นสิบยี่สิบปีแล้ว และเกิดขึ้นในหลายๆ สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ ในคลับ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด มหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งในโรงเรียน สถานที่ที่ควรจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุดก็ยังไม่เว้น 

 

Cr. AFP
 

     และนับวันก็ยิ่งดูเหมือนจะทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น อย่างล่าสุดเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ได้มีคนร้ายเข้าไปกราดยิงนักเรียนและคุณครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งของเมืองปาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา  และมีผู้เสียชีวิตไปกว่า 17 คน นับว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งที่ร้ายแรงครั้งหนึ่งในรอบ 6 ปี และผู้ก่อเหตุกราดยิงก็เป็นนักเรียนเก่าของโรงเรียนที่ถูกไล่ออกนั่นเอง และด้านสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง CNN ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า “และเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ ความจริงแล้วเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนในอเมริกานั้นเกิดขึ้นและมีผู้เสียชีวิตทุกๆ สัปดาห์”

 

Cr. Getty Images
 

     ถ้าถามถึงสาเหตุว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้น เหตุผลแรกก็คือ ที่สหรัฐอเมริกานั้นยัง "ไม่มีกฎหมายควบควบปืนที่เด็ดขาด" ที่ประเทศนี้ค่อนข้างในอิสระผู้คนในการพกปืนและใช้ปืนไปในที่ต่างๆ และถึงแม้ว่าบางรัฐจะเริ่มมีกฎหมายควบคุมปืนบ้างแล้ว แต่ก็เป็นการควบคุมแค่บุคคลที่อายุน้อยกว่า 18 ปีแค่เพียงเท่านั้น แต่พอดูรายชื่อของมือสังหารแต่ละคน ส่วนใหญ่แล้วมีอายุมากกว่า 18 ทั้งนั้น แบบนี้ก็เท่ากับว่า กฎคบคุมปืนนั้นแทบไม่มีความหมายอะไรเลย 

 

Cr. Getty Images
 

     เหตุผลที่สองก็คือ “ปัญหาสั่งสมในสังคมอเมริกา” ซึ่งเกิดจากความกดดันจากสังคมรอบข้าง บางคนก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ รู้สึกเคียดแค้นชิงชังจากการโดนผู้คนในสังคมรังแก เลยเลือกที่จะระเบิดความรู้สึกของตัวเองออกมาจนก่อให้เกิดความรุนแรงต่อผู้อื่น 
 

     แน่นอนว่าเมื่อเกิดความรุนแรงมากขึ้นทุกๆ วัน เหล่านักเรียนชาวอเมริกันก็คงอกสั่นขวัญหาย หลายคนก็รู้สึกกลัว ไม่กล้าไปโรงเรียน ทั้งๆ ที่โรงเรียนควรจะเป็นสถานที่ที่ไม่น่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วยซ้ำ หลายวันก่อนก็มีเด็กนักเรียนอเมริกันคนหนึ่งได้เขียนข้อความลงในทวิตเตอร์ส่วนตัว เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ความรุนแรงนี้ และเริ่มใช้แฮชแท็ก #IfIDieInASchoolShooting (#ถ้าฉันโดนยิงตายในโรงเรียน) เพื่อระบายถึงความรู้สึกอัดอั้นในใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นชาวโซเชียลของอเมริกาก็เริ่มโพสต์ระบายความรู้สึกบ้าง จนเป็นกระแสและขึ้นติดแทรนด์ในทวิตเตอร์ บางคนก็พูดถึงเรื่องครอบครัว ความรัก ความฝัน และอนาคต แต่ละข้อความเป็นอย่างไรบ้าง อ่านด้านล่างได้เลยครับ

 

 

     เริ่มที่ทวีตแรกของ Andrew Schneidawind คนนี้เป็นคนคิดและเริ่มใช้แฮชแท็ก #IfIdieInASchoolShooting และเค้าก็ได้ชวนคนอื่นที่เห็นอยากแบ่งปันความรู้สึกผ่านข้อความแล้วติดแฮชแท็กนี้ด้วยก็ได้ และข้อความของเจ้าตัวได้เขียนว่า "#ถ้าผมโดนยิงตายในโรงเรียน ผมคงจะไม่ได้สร้างซีรีส์การ์ตูน คงจะไม่ได้เจอน้องสาวของผมอีก และคงจะต้องกลายเป็นเหยื่อที่ถูกฆ่าอย่างทรมาน"

 

 
 

     "#ถ้าฉันโดนยิงตายในโรงเรียน ช่วยทำให้เรื่องมันแดงหน่อยนะ ช่วยทำให้การตายของฉันเป็นตัวขับเคลื่อนและปกป้องคนอื่นไม่ให้ตายเหมือนกับฉัน แล้วก็ช่วยเอาศพของฉันไปวางไว้ที่ลานจอดรถของ NRA ด้วยล่ะ"

     NRA คือ สมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติอเมริกา ที่ไม่สนับสนุนการห้ามอาวุธปืนใดๆ หลังเหตุกราดยิงในโรงเรียน ชาวอเมริกันหลายคนรู้สึกไม่พอใจที่ NRA ออกมาพูดเหมือนไร้ความผิดชอบ แต่ทางสมาคมก็บอกว่า มันไม่เกี่ยวกับสมาคมที่จะต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้

 

 

     "#ถ้าโดนยิงตายในโรงเรียน ฉันคงจะไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันคงจะต้องตาย ครอบครัวของฉันคงจะแหลกลานและพวกนักการเมืองคงจะไม่รับรู้ ฆาตกรที่ฆ่าฉันคงจะโด่งดัง แต่ฉันเองคงจะไม่มีใครรู้จักแม้แต่ชื่อ เสียงร้องและความฝันของฉันคงจะถูกลืม และฉันก็คงจะไม่ใช่เหยื่อคนสุดท้าย ถ้าเหตุการณ์นี้ยังไม่สิ้นสุดสักที"

 

  
 

     "#ถ้าฉันโดนยิงตายในโรงเรียน ฉันคงจะกลายเป็นแค่เลขสถิติเหมือนกับผู้โชคร้ายคนอื่นๆ ฉันคงจะไม่ได้ไปวิทยาลัย หมาของฉันคงจะสงสัยว่าฉันหายไปไหน ฉันจะกลายเป็นเรื่องเล่าในแฮชแท็ก ฉันคงจะไม่ได้ต่อสู้เพื่อชีวิตของฉัน ได้โปรดอย่าปล่อยให้ปืนนั้นสร้างความรุนแรงอีกเลย"

 

 

     คนนี้ก็เป็นอีกคนทีรอดตายอย่างหวุดหวิดจากเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนปาร์คแลนด์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เธอได้ทวีตว่า "#ถ้าฉันโดนยิงตายในโรงเรียน ช่วยแปะรูปหน้าฉันไว้รอบๆ ที่ทำงานของพวกนักการเมืองที่รับสินบนจากสมาคมปืนไรเฟิล (NRA) เพราะในทุกๆ วันที่พวกมันไปทำงาน มันจะต้องมองไปที่ดวงตาของฉัน คนที่ต้องตายเพราะความแกล้งเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ และมัวเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องของลูกๆ ของพวกมันเองหรือไม่ก็พวกพ้องของมัน"

 

 

     "#ถ้าฉันโดนยิงตายในโรงเรียน น้องๆ ทั้ง 8 คนของฉันคงเติบโตมาโดยไร้พี่สาว ฉันคงจะไม่ได้เรียนมัธยมหรือวิทยาลัย ฉันคงจะไม่ได้ทำงานในทำเนียบขาวอย่างที่ฉันใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก และฉันคงจะไม่มีโอกาสได้สร้างความเปลี่ยนแปลง"

 

 

     "#ถ้าฉันโดนยิงตายในโรงเรียน จำฉันไว้ ทั้งชื่อของฉัน เรื่องราวของฉัน และเป้าหมายของฉัน! อย่าปล่อยให้ฉันและเหยื่อคนอื่นๆ ถูกลืมง่ายๆ เหมือนกับที่หลายๆ คนทำกัน อย่าหยุดพูดถึงประเด็นความรุนแรงในการใช้ปืน อย่าปล่อยให้ตัวคุณเองไร้ปากเสียงเวลาพูดถึงเรื่องกฎหมายการควบคุมปืน เพราะเด็กๆ จะต้องตาย"

 

 

     ปิดท้ายที่ซาราห์ แชดวิก เด็กนักเรียนอายุ 16 ปี เธอเป็นอีกคนที่รอดตายจากเหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนปาร์คแลนด์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอได้ทวีตข้อความว่า "#ถ้าฉันโดนยิงตายในโรงเรียน โปรดใช้ความตายของฉันเพื่อผลักดันการปฏิรูปกฎหมายควบคุมปืน"