สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com การไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศก็เป็นหนึ่งในความฝันของหลายๆ คนที่อยากจะทำสักครั้งในชีวิตเลยใช่มั้ยคะ วันนี้ พี่นิทาน มีเทคนิคดีๆ ที่จะทำให้ช่วงเวลาการไปแลกเปลี่ยนของน้องๆ มีความสุขและได้รับประสบการณ์กลับบ้านมาเพียบ! ชนิดที่ว่าไปแล้วคุ้มสุดๆ พ่อแม่และเพื่อนๆ ภูมิใจแทนแน่นอน
เมื่อเราได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนแล้ว จงคิดอยู่เสมอว่า 'เวลาผ่านไปเร็วมากๆ' และเวลาไม่เคยรอใครจริงๆ ดังนั้นถ้าใครไม่อยากเสียเวลาไปเปล่าๆ มาอ่านเทคนิคดีๆ เหล่านี้กัน รับรองว่าน้องๆ จะได้ไปแลกเลี่ยนแบบได้อะไรกลับมามากกว่าเพื่อนต่างชาติแน่นอนค่ะ
หมายเหตุ: เทคนิคต่างๆ เหล่านี้เป็นข้อแนะนำต่างๆ สำหรับน้องๆ ที่จะไปแลกเปลี่ยน ไม่ได้จะตัดสินว่าสิ่งที่น้องๆ ทำ หรือจะทำเป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่ควรนะคะ ทั้งนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนและการนำไปปรับใช้ด้วยค่ะ ^^
1. เปิดรับโอกาสใหม่ๆ เสมอ
เวลาที่เราไปอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนนั่นย่อมแปลว่าเราเป็นแขกและคนสำคัญ ทั้งในบ้านของโฮสต์แฟมิลี่ที่เราไปอยู่ด้วย ในโรงเรียน หรือกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ ดังนั้นถ้าพวกเขาชวนเราไปไหน หรือให้อะไร ก็จงเปิดรับสิ่งเหล่านั้นและโอกาสต่างๆ หรือที่เขาบอกกันในภาษาอังกฤษว่า 'Always say YES to new things' อย่าไปเซย์โนหรือเกรงใจเกินไปนะคะ เพราะถ้าเขาเอ่ยปากชักชวนเราหรือให้อะไรกับเรา ก็จงรับมันมาด้วยความดีใจค่ะ
2. เรียนภาษาใหม่ๆ
ไม่ว่าน้องๆ จะไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศไหนก็ตาม แน่นอนว่าต้องมีภาษาถิ่น หรือภาษาของประเทศนั้นๆ ที่เราควรจะเรียนรู้ไว้ไม่เสียหายค่ะ ถึงแม้ว่าการเรียนภาษานั้นจะต้องใช้เวลานาน แต่ก็ดีกว่าไม่ลองเรียนเลยนะคะ
การเรียนภาษาใหม่ๆ แม้จะเป็นขั้นเริ่มต้นหรือแค่พูดทักทาย ขอบคุณ ขอโทษ ก็ทำให้เราใกล้ชิดกับคนท้องถิ่นได้มากขึ้นทีเดียวเลยค่ะ ไม่ว่าจะในกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียน โฮสต์แฟมิลี่ หรือจะเป็นเวลาเราไปซื้อของตามซูเปอร์มาร์เกต แถมเป็นโอกาสดีที่เราได้ไปอยู่ในที่ๆ เอื้อต่อการฝึกภาษานั้นๆ ด้วยนะคะ เพราะเราจะได้ยินทุกวัน และสามารถขอให้คนใกล้ตัวช่วยสอนให้ด้วยก็ได้ค่ะ ดังนั้นการเรียนภาษาใหม่ๆ เมื่อได้ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศจึงเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งเลยค่ะ
3. คบเพื่อนใหม่ๆ จากหลายๆ ประเทศ
นักเรียนแลกเปลี่ยนบางคนอาจโชคดีที่ได้เจอนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยกัน ในโรงเรียนเดียวกัน ไม่ว่าจะมาจากประเทศอะไรก็ตาม และการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกันเนี่ยแหละค่ะจะทำให้เราเข้ากับเขาได้ง่ายขึ้น เพราะมีจุดประสงค์คล้ายกัน ดังนั้นการคบเพื่อนแลกเปลี่ยนด้วยกันจึงเป็นสิ่งที่ดีงามมากๆ
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็อย่าลืมทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ จากประเทศที่เราไปแลกเปลี่ยนด้วยนะคะ เช่น ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศรัสเซีย แต่เพื่อนรัสเซียบางคนอาจดูเงียบๆ ไม่ยอมเข้ามาคุยกับเรา เขาไม่อยากคบกับเราหรือเปล่านะ? อย่าคิดมากค่ะ ลองเข้าไปทำความรู้จักเลย การได้เพื่อนใหม่ๆ เป็นชาวต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในชีวิตอีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ เพราะเราจะได้ทั้งแนวคิดใหม่ๆ ได้รับวัฒนธรรม และมิตรภาพที่น่ารักค่ะ
4. อย่ามัวแต่รอ ต้องเริ่มเองบ้าง!
จากประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยนหลายๆ คน ไม่ว่าจะคนไทยหรือต่างประเทศมักจะเจอปัญหาอย่างหนึ่งคือ เพื่อนๆ ที่โรงเรียนไม่เข้าหาเราก่อน ไม่คุยด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับทุกคนค่ะ น้องๆ อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเราจะต้องเข้าใจก่อนว่าเพื่อนๆ ที่นั่นเขามีกลุ่มมีเพื่อนกันอยู่แล้ว เขาอาจจะคุ้นเคยกันและสนิทกันอยู่แล้ว ดังนั้นเราอย่าไปกลัว ลองเป็นฝ่ายเริ่มก่อน รวบรวมความกล้าและเข้าไปทัก ชวนคุย ชวนไปเที่ยว หรือถามเรื่องต่างๆ ในโรงเรียนหรือที่เกี่ยวกับประเทศเขาก็ได้ค่ะ
การเริ่มต้นทำแบบนั้นอาไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน แต่จำไว้ว่าหากเราไม่เริ่มก่อน และพวกเขาก็ไม่เริ่ม มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นเราจะต้องกล้าๆ ค่ะ ยิ้มๆ เข้าไว้และชวนเพื่อนคุยก่อน รับรองว่าเขาอยากเป็นเพื่อนกับเราแน่ๆ
5. เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโฮสต์
โฮสต์แฟมิลี่คือคนที่เราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยขณะที่มาแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะนานกี่เดือนหรือเป็นปี ยังไงเราก็ต้องพึ่งพาเขา และพวกเขาก็เปรียบเสมือนครอบครัวหรือผู้ที่คอยดูแลเราระหว่างที่เราห่างไกลบ้านที่เมืองไทยค่ะ ดังนั้นการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาจึงเป็นสิ่งสำคัญ
แม้ว่าบางครั้งเราอาจรู้สึกว่าวัฒนธรรมเขาต่างกับเรา คำพูดหรือการกระทำบางอย่างไม่เหมือนกับผู้คนที่เราเคยเจอมา แต่เราก็ต้องพยายามเข้าใจและเรียนรู้ค่ะ อย่าลืมว่าเรามาอาศัยบ้านของโฮสต์อยู่ ดังนั้นถ้้าเขามีกฎอะไรในบ้านเราก็ต้องทำตาม และช่วยเหลือพวกเขาเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
การมาอยู่บ้านโฮสต์ระหว่างที่เรียนแลกเปลี่ยนนั้นไม่เหมือนเวลาเราไปเที่ยวแล้วเช่าโรงแรมอยู่แบบสบายๆ ดังนั้นอาจจะเจอสิ่งที่ลำบากหรือไม่คุ้นชินบ้าง แต่ทุกอย่างคือประสบการณ์ที่ดีค่ะ
6. อย่ามัวแต่อยู่บ้านเล่นเน็ต
เมื่อเราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แปลว่าหลายๆ อย่างอาจจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนที่เราอยู่บ้าน การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคือการนำตัวเองเข้าไปสู่สิ่งใหม่ๆ รู้จักผจญภัยและพร้อมเปิดหูเปิดตาอยู่ตลอด ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้ไปอยู่ต่างประเทศแล้ววันไหนว่างๆ ก็อย่ามัวแต่อยู่ในบ้าน ติดคอม ติดเน็ต หรือโทรหาเพื่อนๆ พ่อแม่ที่ประเทศไทย (โทรได้ค่ะ แต่อย่าคุยนานจนไม่ได้ทำอะไรเลยนะ) ต้องใช้เวลาทั้งหมดให้คุ้มค่าค่ะ!
สิ่งแรกที่ทำได้ง่ายสุดคือออกไปเดินแถวบ้านโฮสต์นั่นแหละค่ะ เมืองนอกน่าจะมีธรรมชาติเยอะแยะและแตกต่างจากประเทศไทยพอสมควร เราอาจจะออกไปเดินเล่นคนเดียว จะได้พบเจอเพื่อนบ้าน หรือจะไปช้อปปิ้ง ไปที่ยวกับเพื่อนใหม่ๆ หรือไปกับโฮสต์แฟมิลี่ก็ได้ รับรองสนุกกว่าอยู่ในบ้านแน่นอน
7. บางครั้งบางเรื่องอาจไม่เป็นอย่างที่คิด
ก่อนที่เราจะเดินทาง อย่าเพิ่งไปคาดหวังมากหรือวาดฝันไว้แบบสุดโต่งนะคะ แต่ก็ไม่ได้ห้ามและบอกให้มองในแง่ร้ายนะ เพียงแต่บางครั้งถ้าเราคาดหวังไว้เยอะว่ามันจะต้องดีมากแน่ๆ จะได้ไปประเทศที่ชอบ แต่เมื่อไปถึงเราอาจเจอเรื่องที่ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ก็ได้ เช่น บ้านโฮสต์อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หรือบางทีอาจเป็นเรื่องอาหารที่อาจจะกินยาก ไม่เหมือนอาหารไทย หรือจะเป็นเรื่องของภาษา เป็นต้นค่ะ
นอกเหนือจากนั้นเราอาจเจอคัลเจอร์ช็อก (Culture Shock) เรื่องอึ้งๆ ในต่างแดนที่อาจจะแตกต่างจากเรามากๆ เช่น บางประเทศสามารถเอาเท้าขึ้นมาไว้บนโต๊ะได้สบายๆ เราอาจคิดว่าไม่สุภาพ ไม่ชอบ หรือบางประเทศพูดตรงมากกกก จนเรานึกว่าเขาโกรธหรือว่าอะไรเราหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่เราอาจไม่คาดคิด ดังนั้นต้องทำใจสบายๆ ไม่คาดหวังมากเกินไป และไม่มองโลกแง่ร้ายล่วงหน้าเกินไปค่ะ
8. เปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ
จากข้อเมื่อกี๊พี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้น้องๆ กังวลนะคะ เพราะเมื่อไปอยู่ต่างถิ่น เราก็ต้องเจอสิ่งแปลกใหม่ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือต้อง 'เปิดใจ' ค่ะ เมื่อเราได้ไปอยู่ที่ใหม่ๆ ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนใหม่ๆ ในประเทศนั้นๆ มากขึ้น เราก็จะเข้าใจถึงวัฒนธรรมเขาว่าเขาโตมาแบบนี้ เขามีความเชื่อกันแบบนี้ พี่ว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากค่ะที่จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่่น่าสนใจ
9. ถ้าไม่เข้าใจให้ถาม
พี่เคยมีประสบการณ์ตอนไปต่างประเทศแล้วไม่เข้าใจบางเรื่อง หรือบางครั้งไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนต่างชาติพูด แต่ตอนนั้นเกรงใจ กลัวเขารำคาญ เลยไม่กล้าถาม ซึ่งการที่ไม่ถามเนี่ยมันก็เป็นข้อเสียที่ทำให้เราไม่มีวันรู้คำตอบ และก็ไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น ดังนั้นพอกลับมาแล้วพี่ก็เลยได้บทเรียนว่า ทุกครั้งที่เราเกิดคำถาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เราควร 'ถาม' ให้เข้าใจเลยค่ะ แล้วเมื่อเราได้คำตอบก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้เราได้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น รวมไปถึงการเข้าใจในวัฒนธรรมใหม่ๆ ด้วย
10. มีปัญหาให้ปรึกษาคน
นักเรียนแลกเปลี่ยนหลายคนอาจเจอปัญหาคิดถึงบ้าน เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจภาษา เข้ากับเพื่อนไม่ได้ หรืออาจเป็นปัญหาที่เกิดในบ้านโฮสต์เราเองก็ได้ พี่แนะนำว่าหากเจอปัญหาเหล่านี้ ควรบอกใครสักคน โดยเฉพาะกับที่บ้านเราเอง เราอาจโทรไปหาพ่อแม่และขอคำปรึกษา หรืออาจจะปรึกษากับโฮสต์ของเราเองก็ได้ค่ะ เพราะโฮสต์คือผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดและสามารถดูแลเราได้ นอกจากนั้นอาจเป็นคุณครูที่โรงเรียนก็ได้ค่ะ
อีกทางเลือกหนึ่งคือถ้าเรารู้จักรุ่นพี่ที่เคยไปแลกเปลี่ยนประเทศนั้นๆ มาก่อน อาจจะแชทไปปรึกษาเขาก็ได้ค่ะ เพราะพวกรุ่นพี่จะเป็นคนที่มีประสบการณ์และคุ้นเคยกับประเทศที่เคยไปแลกเปลี่ยนมาแล้วจริงๆ และอาจได้คำปรึกษาในมุมมองที่ต่างจากผู้ใหญ่ก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนด้วยนะคะ
11. อย่ายอมแพ้!
น้องๆ หลายคนอาจจะเจอความรู้สึกประมาณว่าอยากกลับบ้าน คิดถึงที่บ้าน คิดถึงเพื่อนๆ ไปแลกเปลี่ยนแล้วลำบาก ยากจังเลย พี่ขอบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกแบบนั้นค่ะ แต่อย่าให้ความรู้สึกนั้นอยู่กับเรานานเกินไปนะ เพราะจะทำให้ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนของเราไม่สนุก ที่จริงแล้วการไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศนั้นไม่ง่ายและก็ไม่ยากเกินความสามารถของเรา แต่อย่าลืมว่ากว่าเราจะไปได้ถึงขั้นนั้น ทั้งพ่อแม่ และตัวเราเองต้องพยายามาแค่ไหน
บางครั้งบางสิ่งอาจไม่เป็นไปตามที่คิด แต่เราต้องไม่ยอมแพ้ Don't give up นะคะ! ทุกสิ่งบนโลกนั้นอาจไม่ได้มาง่ายๆ เช่น ภาษา ความรู้ต่างๆ การมีเพื่อนใหม่ หรือประสบการณ์ใหม่ๆ อย่าไปกลัวว่าเราจะทำอะไรไม่ดีหรือทำอะไรพลาด เพราะทุกอย่างสามารถเป็นบทเรียนให้เราได้ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนต้องอดทนและสนุกกับชีวิตในต่างแดนให้มากไว้ และเมื่อเรากลับมาเมืองไทยแล้วจะรู้ว่าสิ่งที่เราผ่านมามากมายทั้งดีทั้งร้ายนั้นมีค่าต่อเรามากๆ ค่ะ
ใครที่จะไปแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้า พี่ก็หวังว่า 11 เคล็ดลับนี้จะช่วยให้น้องๆ ได้ไอเดียอะไรดีๆ และเตรียมตัวในหลายๆ เรื่องก่อนไปได้ในระดับหนึ่งนะคะ ใครที่ไปแลกเปลี่ยนมาแล้วมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจก็สามารถมาเล่าใน Dek-D ได้เช่นกันค่ะ ขอให้โชคดีจ้า
อ้างอิง
1 ความคิดเห็น
ขอบคุณ