​       เริ่มต้นกันด้วยกระเป๋าเดินทางคู่ใจที่ต้องเป็นของยี่ห้อ Globe-Trotter เท่านั้นค่ะ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1947 ตอนที่พระราชินีอลิซาเบธกับเจ้าชายฟิลิปไปฮันนีมูนกัน พระองค์ได้เลือกเซ็ตกระเป๋าหนังทำมือแบรนด์นี้ รุ่นที่ใช้เป็นแบบดั้งเดิมที่ถูกออกแบบมาตั้งแต่ปี 1897 หลังจากนั้นพระองค์ยังคงใช้แบรนด์นี้อยู่เรื่อยมาค่ะ นอกจากนี้กระเป๋าทุกใบและถุงใส่เสื้อผ้าของพระองค์จะต้องมีป้ายสีเหลืองที่เขียนว่า ‘THE QUEEN’ ห้อยเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอีกด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่พระราชินีอลิซาเบ็ธเท่านั้นนะคะที่จะมีป้ายห้อยที่ของใช้ส่วนพระองค์ ราชวงศ์คนอื่นๆ ก็มีสีเฉพาะตัวด้วยเหมือนกันอย่าง เคต มิดเดิลตันจะใช้ป้ายสีเหลืองเหมือนพระราชินีค่ะ เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายชาลส์จะใช้สีแดง ส่วนเจ้าชายจอร์จจะใช้สีฟ้าค่ะ และเจ้าหญิงแอนน์ใช้ป้ายสีเขียวค่ะ

​       การเดินทางไปต่างประเทศแต่ละครั้งมีโอกาสที่จะเกิดอาการ Jet Lag หรือการที่ร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเขตเวลาใหม่ได้ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับหรือระบบทางเดินอาหารค่ะ ฉะนั้นในฐานะราชวงศ์ที่เดินทางบ่อยที่สุดในโลก พระราชินีอลิซาเบธจะต้องมีวิธีแก้ Jet Lag เจ๋งๆ เป็นของตัวเองอย่างแน่นอน และนั่นก็คือ การอมลูกอมข้าวบาร์เลย์ค่ะ ซึ่งเป็นลูกอมชนิดแข็งที่สกัดมาจากข้าวบาร์เลย์ มีสีออกเหลืองหรือส้ม รสชาติหวานคล้ายลูกอมคาราเมลค่ะ โดยเชื่อว่าความหวานของลูกอมจะช่วยปรับสมดุลระบบการย่อยอาหารเมื่อต้องเดินทางไปในที่ที่เวลาไม่ตรงกับที่อยู่ปกติของเรา และยังช่วยให้น้ำตาลในเลือดทำงานได้ตรงกับตารางมื้ออาหารของประเทศที่เราไปด้วยค่ะ น้องๆ คนไหนลองแล้วอย่าลืมมาคอมเมนต์บอกด้วยนะคะว่าได้ผลจริงๆ หรือเปล่า

​       เวลาที่พระราชินีอลิซาเบธเสด็จไปที่ไหน เจ้าภาพจะกังวลอยู่เสมอว่าจะสามารถเตรียมความพร้อมให้ถูกใจพระองค์ได้หรือไม่ รวมไปถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างกระดาษทิชชูในห้องน้ำค่ะ แต่บอกเลยว่าถ้าใครมีพระองค์เป็นแขกล่ะก็ ปัญหานี้จะหมดไปทันที เพราะพระองค์พกกระดาษทิชชูมาเองค่ะ แน่นอนว่าเป็นถึงราชวงศ์ กระดาษทิชชูจะธรรมดาๆ ไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่พระองค์เดินทางทิชชูที่พกไปจะต้องเป็นม้วนใหม่เท่านั้น และยังมีสติกเกอร์แปะเอาไว้เพื่อยืนยันว่าเป็นของใหม่ ซึ่งจะมีเพียงพระองค์กับเจ้าชายฟิลิปเท่านั้นที่สามารถแกะสติกเกอร์นนี้ออกได้ค่ะ

​       เป็นที่รู้กันว่าในแต่ละครั้งที่พระราชินีอลิซาเบธเดินทางไกลจะต้องมีผู้ติดตามไม่ต่ำกว่า 34 คน ตั้งแต่พ่อบ้าน คนขับรถ ช่างแต่งตัว ช่างทำผม นางสนองพระโอษฐ์ เลขาส่วนตัว และเลขาของเลขาอีกที อีกหนึ่งคนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ แพทย์ประจำพระองค์ค่ะ เพราะไม่มีทางที่ใครจะรู้ได้ว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีแพทย์ติดตามไปด้วย พร้อมกับอุปกรณ์ช่วยชีวิตและเครื่องกระตุ้นหัวใจ แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ จะต้องนำเลือดที่สามารถเข้ากับพระราชินีและเจ้าชายฟิลิปไปด้วยเสมอค่ะ เผื่อว่าในประเทศที่เดินทางไปนั้นไม่มีเลือดที่เข้ากับพระองค์ได้เลย หรือมีเลือดไม่เพียงพอต่อความต้องการค่ะ 

​       คอร์กี้เป็นสุนัขที่พระราชินีโปรดปรานมาตั้งแต่สมัยยังสาวค่ะ โดยตลอดระยะเวลาครองราชย์พระองค์เคยเลี้ยงสุนัขพันธ์ุคอร์กี้มาแล้วมากกว่า 30 ตัวค่ะ จึงไม่แปลกที่พระองค์จะรักและผูกพันกับพวกมันมาก จนถึงขนาดพาไปด้วยทุกที่ค่ะ แม้แต่ตอนที่พระองค์ไปฮันนีมูนเองก็ยังพาสุนัขพวกนี้ไปด้วยเลยค่ะ แต่แล้วเมื่อปี 2015 พระราชินีตัดสินใจหยุดผสมพันธุ์คอร์กี้เพื่อที่พวกมันจะได้ไม่ถูกทอดทิ้งเมื่อพระองค์ไม่อยู่แล้ว แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา วิลโลว์ คอร์กี้ตัวสุดท้ายได้เสียชีวิตลง ในปัจจุบันจะเหลือแต่เพียงแคนดี้และวัลแคน สุนัขพันธ์ุดอร์กี้ (สุนัขพันธุ์ผสมระหว่างดัชชุนกับคอร์กี้) ที่ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ

​       มีผลสำรวจในปี 2015 ออกมาว่า ครึ่งหนึ่งของชาวอังกฤษจะพกถุงชาไปด้วยเสมอเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับบ้านเรานั่นอาจฟังดูแปลกไม่น้อยเลย แต่ที่อังกฤษมันเป็นเรื่องธรรมดามากค่ะ กระทั่งพระราชินีของอังกฤษเองยังพกชาเอิร์ลเกรย์และกาต้มชาไปด้วยเสมอ นั่นก็เพราะพระองค์ทรงโปรดชามาก แถมยังต้องมีขนมสโคน คล็อตเตดครีม และเค้กดันดีสำหรับกินคู่กันไปด้วยค่ะ พระองค์ไม่ได้นำแค่อาหารว่างไปต่างแดนนะคะ หลายครั้งที่เจ้าบ้านที่พระองค์ไปเยือนเกิดความสงสัยว่าทำไมพระราชินีถึงอิ่มเร็วนัก คำตอบคือ ผู้ติดตามจะพกอาหารและน้ำไปให้พระองค์ด้วยค่ะ เนื่องจากทุกคนต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของพระองค์เป็นอย่างมาก การนำอาหารไปเองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงอาหารเป็นพิษค่ะ

​       เรียกว่าพระองค์เป็นคนที่เจ็บแล้วจำจริงๆ ค่ะ เมื่อตอนที่พระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดาของพระองค์สวรรคต พระราชินีต้องรีบเดินทางกลับจากประเทศเคนยาโดยด่วน แต่แล้วกลับไม่สามารถลงจากเครื่องบินได้ทันที เนื่องจากชุดที่พระองค์เตรียมมาล้วนเป็นชุดสีสันสดใสทั้งสิ้น สุดท้ายพระองค์ต้องรอให้คนจากพระราชวังนำชุดสีดำมาให้ จึงจะสามารถเปลี่ยนและลงจากเครื่องได้ค่ะ เหตุการณ์นี้ทำให้พระราชินีอลิซาเบธต้องเตรียมชุดดำเอาไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้นเสมอ รวมไปถึงราชวงศ์คนอื่นๆ เองก็จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยเช่นกัน

​
       แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่พระองค์พกเสมอเวลาเดินทางไปต่างประเทศ แต่กลับมีสิ่งเดียวที่ทุกคนพกแต่พระราชินีอลิซาเบธไม่ต้องใช้นั่นก็คือ พาสปอร์ต ค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นทุกครั้งที่เข้าและออกจากประเทศก็ยังต้องถูกตรวจสอบอีกครั้งเหมือนคนอื่นๆ อย่างการถามชื่อ อายุ ที่อยู่ และการยืนยันตัวตนค่ะ ส่วนสมาชิกในราชวงศ์คนอื่นๆ ก็ยังต้องมีพาสปอร์ตเหมือนคนปกติทั่วไปเลยค่ะ

       เราก็รู้กันไปแล้วนะคะกับ 7 สิ่งที่พระราชินีอลิซาเบธที่ 2 พกเสมอเมื่อพระองค์ไปเยือนต่างประเทศ บางอย่างเห็นแล้วก็ถึงกับงงว่าพกไปจริงๆ เหรอเนี่ย แถมยังไม่ต้องมีพาสปอร์ตอีกด้วย แล้วน้องๆ ล่ะคะ เวลาไปต่างประเทศมีใครชอบพกอะไรแปลกๆ แบบนี้ไปบ้างหรือเปล่า ลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ

ข้อมูล