มาเริ่มกันด้วยวัยเกษียณก่อนค่ะ ที่ประเทศอังกฤษมีการเปลี่ยนแปลงอายุเกษียณงานที่แตกต่างกันไปในแต่ละปี ทำให้คนที่เกิดคนละปี มีอายุเกษียณที่ต่างกันค่ะ รวมไปถึงเพศก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับอายุเกษียณด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นผู้หญิงที่เกิดก่อนวันที่ 6 เมษายน 1950 อายุเกษียณจะอยู่ที่ 60 ปีค่ะ หากเกิดระหว่างวันที่ 6 เมษายน 1950 ถึง 5 ธันวาคม 1953 อายุเกษียณจะอยู่ที่ 60 - 65 ปีขึ้นอยู่กับวันที่เกิดค่ะ ในปัจจุบันหญิงชาวอังกฤษที่เกิดหลังจากวันที่ 6 เมษายน 1978 จะมีอายุเกษียณอยู่ที่ 68 ปีค่ะ ส่วนผู้ชายในช่วงแรกๆ จะมีอายุเกษียณที่ยาวนานกว่าผู้หญิง อย่างผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 6 ธันวาคม 1953 จะเกษียณเมื่ออายุ 65 แต่ตอนนี้ถูกปรับมาให้เท่ากับผู้หญิงที่ 68 ปีแล้วค่ะ

       ทั้งนี้เงินบำนาญที่ได้รับจากรัฐบาลจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลางานที่ทำและภาษีที่จ่ายค่ะ แต่มาตราฐานของเงินนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี แต่จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยว่าอย่างไหนมีค่ามากที่สุดจะนำส่วนนั้นมาคิด ระหว่าง อัตราค่าจ้างโดยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย และ 2.5% ค่ะ ซึ่งในปีนี้มาตรฐานเงินบำนาญจะอยู่ที่ £125.95 (ประมาณ 5,500 บาท) ต่อสัปดาห์ และจะเพิ่มให้อีก £0.25 (ประมาณ 10 บาท) หากอายุมากกว่า 80 ปีค่ะ 

       อย่างที่รู้กันว่าในช่วงฤดูหนาวของประเทศอังกฤษจะหนาวมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเปิดฮีตเตอร์ หรืออุปกรณ์ช่วยให้ความอบอุ่นล้วนทำให้ผู้ใช้เสียเงินเพิ่มมากขึ้น และยิ่งเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้ทำงานอีกแล้วการหาเงินมาจ่ายค่าไฟตรงนี้จึงเป็นเรื่องยาก รัฐบาลอังกฤษจึงเสนอวิธีช่วยผู้สูงอายุจ่ายค่าไฟมูลค่าตั้งแต่ £100 - 300 (ประมาณ 4,300 - 13,000 บาท) ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละคนค่ะ โดยเงื่อนไขมีอยู่ว่า ผู้ที่อายุ 65 - 80 ปี ที่อาศัยอยู่คนเดียวจะได้รับเงิน £200 แต่ถ้าอยู่กับผู้อื่นที่มีกำลังในการจ่ายค่าไฟได้จะได้รับเพียง £100 ส่วนผู้ที่อายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้ £300 หรือ £150 หากอยู่ร่วมกับคนอื่นค่ะ 

       สำหรับผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่นอกสหราชอาณาจักรยังมีสิทธิ์ได้รับเงินส่วนนี้นะคะ แต่จะต้องอาศัยอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์หรือประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรป ยกเว้น ไซปรัส ฝรั่งเศส ยิบรอลตาร์ กรีซ มอลตา โปตุเกส และสเปน เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยในหน้าหนาวของประเทศเหล่านี้สูงกว่าเขตที่อบอุ่นที่สุดของอังกฤษค่ะ

       เพื่อสนับสนุนให้ผู้สูงวัยสามารถเดินทางไปเยี่ยมหลานๆ ไปชมละครในเมือง หรือแม้แต่ไปพักผ่อนนอกเมืองได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น ทางบริษัทรถไฟของอังกฤษจึงทำบัตรพิเศษที่เรียกว่า “Senior Railcard” ซึ่งบัตรนี้จะเป็นส่วนลดในการซื้อตั๋วรถไฟ 1 ใน 3 ของราคาเต็มทั้งในที่นั่งธรรมดาและเฟิร์สคลาสค่ะ โดยผู้ที่สามารถรับสิทธิ์นี้ได้จะต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป หากซื้อบัตรนี้ทางออนไลน์จะเริ่มซื้อได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อนวันเกิดค่ะ ทั้งนี้ส่วนลดที่ว่าสามารถใช้ได้เกือบทุกเที่ยวเดินทางค่ะ ยกเว้นแค่ช่วงเช้าที่คนออกไปทำงานกันเยอะๆ เท่านั้น

       สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไปจะได้รับสิทธิพิเศษในการซื้อตั๋วหนังของโรงภาพยนตร์ Odeon ในราคา £3 , £3.50 หรือ £3.95 ขึ้นอยู่กับสาขาที่เลือกชมค่ะ ซึ่งถือว่าถูกลงกว่าราคาตั๋วหนังทั่วไปในอังกฤษมากเลยทีเดียว เพราะราคาปกติจะอยู่ที่ประมาณ £7 - 8 ค่ะ ซึ่งการซื้อตั๋วที่ว่านี้จะเรียกว่า “Odeon Silver Cinema” หรือ “Odeon Senior Screen” เป็นตั๋วพิเศษที่ผู้ใช้บริการจะได้รับชาหรือกาแฟ พร้อมกับบิสกิตฟรีก่อนเข้าชมภาพยนตร์ แต่มีข้อแม้ว่าตั๋วชนิดนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 11.00 น. และ 14.00 น. เท่านั้นค่ะ

       ในประเทศอังกฤษหากบ้านไหนต้องการสัญญาณโทรทัศน์จะต้องเสียค่าใบอนุญาตรับชมโทรทัศน์สำหรับจอสีเป็นจำนวนเงิน £150.50 (ประมาณ 6,600 บาท) ต่อปี และ £50.50 (ประมาณ 2,200 บาท) สำหรับจอขาวดำค่ะ แต่ถ้าหากบ้านไหนมีผู้ที่อายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไปจะสามารถดูโทรทัศน์ได้ฟรีค่ะ โดยจะสามารถเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตรับชมโทรทัศน์ระยะสั้นได้ตั้งแต่อายุ 74 ปีเลยล่ะค่ะ เนื่องจากว่าระยะเวลาระหว่างที่ผู้ใช้จ่ายค่าใบอนุญาตไปจนถึงวันเกิดครบ 75 ปีอาจไม่ครบ 1 ปีเต็ม ดังนั้นการเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตระยะสั้นจะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนนั่นเอง

       ปกติแล้วหากแพทย์จ่ายใบสั่งยาให้ผู้ป่วยจะต้องเสียเงินเป็นจำนวน £8.80 (ประมาณ 380 บาท) แต่ถ้าคนไข้อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปจะได้รับสิทธิ์ไม่ต้องเสียค่าใบสั่งยาเลยค่ะ นอกจากนี้ที่อังกฤษเองก็ยังเอื้อเฟื้อแก่ผู้สูงวัยด้วยการมีบริการตรวจสุขภาพตาฟรี โดยสามารถเข้าตรวจได้เลยไม่จำเป็นต้องทำเรื่องอะไรให้วุ่นวายค่ะ เพียงแค่นำหลักฐานยืนยันอายุมาก็ใช้ได้แล้ว แถมยังได้รับส่วนลดเมื่อไปตัดแว่นที่ร้าน Specsavers หรือ Boots Opticians อีกด้วย

       การทำพาสปอร์ตที่ประเทศอังกฤษจะต้องเสียเงินถึง £85 หรือราวๆ 3,700 บาทเลยทีเดียว  แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 90 ปี หรือเกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน ปี 1929 จะสามารถสมัครทำพาสปอร์ตแบบ 34 หน้าได้ฟรี ทั้งผ่านระบบออนไลน์และสมัครด้วยตนเองที่ไปรษณีย์ค่ะ นอกจากนี้ยังใช้ระบบ “Check and Send” ได้โดยไม่เสียเงินอีกด้วย ซึ่งระบบนี้จะจัดการเรื่องเอกสารในการทำพาสปอร์ตและส่งใบขอทำพาสปอร์ตให้ไปถึงที่สำนักงานหนังสือเดินทาง (Her Majesty’s Passport Office) อย่างรวดเร็วขึ้นค่ะ ทั้งนี้การใช้ระบบนี้ก็ไม่ได้ยืนยันนะคะว่าผู้สมัครจะได้ทำพาสปอร์ตทุกคน และถ้าขอทำพาสปอร์ตแบบ 50 หน้า หรือขอแบบเร่งด่วนก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเองค่ะ

       เห็นอย่างนี้แล้ว สัมผัสได้เลยว่าทางสหราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะรัฐบาลที่พยายามคิดหาวิธีเพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยที่มีโอกาสในการทำงานหาเงินน้อยลงให้ได้รับสิทธิที่เหมาะสมกับช่วงวัยมากที่สุด ส่วนคราวหน้าพี่จะมีเรื่องราวอะไรมาให้อีกอย่าลืมติดตามกันนะคะ

ข้อมูล