สวัสดีครับชาว Dek-D… ที่ผ่านมามีน้องๆ ส่งข้อความเข้ามาถามถึงการสมัครเรียนต่อโรงเรียนมัธยมที่ประเทศสิงคโปร์กันเยอะมากกก หลายคนไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไงหรือต้องสอบอะไรบ้าง วันนี้ พี่วุฒิ จะมาช่วยไขข้องใจให้น้องๆ ที่อยากไปเรียนต่อสิงคโปร์ได้ทราบกัน ว่าแล้วก็ตามมาเลยครับ
อย่างที่ทุกคนน่าจะทราบกันดีว่าประเทศสิงคโปร์นั้นมีระบบการศึกษาที่ดีและเป็นที่ยอมรับในสากล อีกทั้งยังติดอันดับต้นๆ ของโลกทุกปี แถมที่นี่ยังใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ที่สิงคโปร์จะเป็นจุดหมายปลายฝันทางการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติทั่วโลก โดยเฉพาะกับนักเรียนไทย ที่นี่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนที่อยากเรียนต่อต่างประเทศเลยล่ะ เพราะอยู่ใกล้ไทยบินไปแปบเดียวก็ถึง แถมค่าเรียนก็ไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับคุณภาพวิชาการที่จะได้รับ
ทำความเข้าใจระบบมัธยมสิงคโปร์
ก่อนที่จะไปรู้จักวิธีการสมัครเข้าเรียนต่อ น้องๆ จะต้องทำความเข้าใจระบบการศึกษาในระดับมัธยมของสิงคโปร์เป็นอย่างแรก เพราะว่าค่อนข้างต่างจากที่ไทยอยู่พอสมควร พี่ขอสรุปง่ายๆ ดังนี้
1. ประเทศสิงคโปร์จะเรียกมัธยมว่า ‘Secondary School’ และในการเรียนมัธยมนั้นจะเรียนแค่เพียง 4 ปีเท่านั้น แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ ถึงแม้จะเรียนแค่ 4 ปี แต่คุณภาพความรู้สามารถเทียบเท่ากับการเรียนมัธยม 6 ปีที่ไทยเลยนะ โดยการเรียนจะแบ่งเป็นระดับ ดังนี้
- Lower Secondary คือ Sec1 และ Sec2
- Upper Secondary คือ Sec3 และ Sec4 (ส่วนใหญ่นักเรียนไทยที่เรียนอยู่ในระดับ ม.ต้น หรืออาจจบ ม.ต้น มาแล้ว มักจะสมัครเข้าเรียนในระดับ Sec3 ซึ่งรวมถึงทุนรัฐบาลสิงคโปร์ก็มีการแจกทุนให้นักเรียนไทยเพื่อสอบเข้าเรียนต่อในระดับ Sec3 ด้วยเช่นกัน)
อ้อ! อีกอย่างที่น้องๆ ต้องรู้ก็คือ ในระดับ Secondary School นั้น จะมีการแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบ 4 Years Express และ 4 Years Normal + 1 Year Foudation แต่เด็กนักเรียนต่างชาติมักจะสอบเข้าแล้วได้เรียนแบบ Express ซะมากกว่า เพราะถ้าเรียนแบบ Normal นั้นจะใช้เวลามากกว่า 1 ปีนั่นเอง
2. หลังจากเรียน จบ Sec4 แล้ว นักเรียนส่วนใหญ่จะเลือกสอบ O-Level (Ordinary Level Examination) ซึ่งเป็นข้อสอบระดับชาติที่ใช้คัดคนเข้าไปเรียนต่อในระดับต่อไป ซึ่งคะแนนนั้นจะสามารถนำไปยื่นเรียนต่อที่ไหนได้บ้าง ก็ต้องมารอดูกันอีกที เช่น
- ถ้าใครที่มีคะแนนสอบ O-Level ดี ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถยื่นเพื่อเข้าเรียนต่อใน Junior College อีก 2 ปี โดยระดับนี้จะเปรียบเสมือน Pre-University เป็นการเรียนเตรียมพร้อมเพื่อเตรียมสอบ A-Level เพื่อเข้าเรียนต่อใน Top University หรือมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ ที่มีเกณฑ์คะแนนสูงมาก โดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่สามารถสอบผ่าน O-Level เพื่อเข้าไปเรียนต่อ Junior College จะมีอยู่แค่ประมาณ 30% เท่านั้น เพราะจำนวนโรงเรียนค่อนข้างจำกัด และมีแค่เพียง 20 กว่าโรงเรียนเท่านั้นในสิงคโปร์
- ส่วนนักเรียนที่มีคะแนน O-Level ไม่ได้สูงมากพอที่จะเข้าเรียนต่อ Junior College ก็สามารถนำคะแนนเพื่อเข้าเรียนต่อโพลีเทคนิค (Polytechnics) ได้ตามความถนัดของตัวเอง พอเห็นชื่อโพลีเทคนิค อย่าเพิ่งส่ายหน้านะครับ เพราะว่าโพลีเทคนิคของที่สิงคโปร์นั้น มีการเรียนการสอนที่มีคุณภาพสูงมาก สามารถเทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยดังๆ ได้เลยนะ ส่วนการเรียนการสอนจะเน้นในเรื่องการปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี อีกทั้งยังมีการจับมือร่วมกับสถาบันดังต่างชาติเพียบเลยครับ ดีงามมากๆ
- อีกหนทางหนึ่งหากมีคะแนนสอบ O-Level น้อยจริงๆ น้องสามารถสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนได้เช่นกันครับ
การสมัครเรียนต่อมัธยมที่สิงคโปร์
หลังจากทำความรู้จักระบบการศึกษาของสิงคโปร์ไปพอหอมปากหอมคอแล้ว เรามาทำความเข้าใจวิธีการสมัครเรียนต่อมัธยมที่สิงคโปร์กันบ้างดีกว่า พี่ขอแบ่งการสมัครหลักๆ เป็น 2 แบบคือ โรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน ดังต่อไปนี้
1. โรงเรียนรัฐบาล
การสมัครเรียนโรงเรียนรัฐบาลของสิงคโปร์นั้น ด่านแรกเลยที่น้องๆ ต้องเจอก็คือ การสอบ AEIS (Admissions Exercise for International Student) ซึ่งเป็นการสอบเพื่อคัดเลือกนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลระดับประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษาของสิงคโปร์ โดยจะจัดสอบปีละ 2 ครั้ง ประมาณเดือนกันยายนและเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป ซึ่งรอบกุมภาพันธ์นั้นจะเรียกว่า Supplementary AEIS หรือ S-AEIS เพราะเป็นรอบเสริมที่เพิ่งเปิดเพิ่มขึ้นมาเหมือนเป็นการสอบแก้ตัวสำหรับคนที่สอบไม่ผ่านในรอบแรก
โดยการสอบ AEIS จะจัดสอบที่สิงคโปร์เท่านั้น พูดง่ายๆ คือ น้องต้องบินไปสอบที่นั่นครับ และถ้าหากว่าเราสอบผ่าน ทางกระทรวงศึกษาธิการของสิงคโปร์ก็จะเป็นคนเลือกโรงเรียนให้เราตามคะแนนที่เราสอบได้ ซึ่งในประเทศสิงคโปร์นั้น Secondary School มีมากกว่า 200 โรงเรียนเลยครับ และถ้าใครมีคะแนนสูงก็ยิ่งมีโอกาสได้เรียนโรงเรียนดีๆ ที่มีชื่อเสียงนั่นเอง เราจะไม่สามารถเลือกโรงเรียนได้เองครับ
จากนั้นเมื่อเราสอบผ่าน เราก็จะได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนที่รัฐบาลกำหนดให้ และเข้าสู่ระบบการเรียนสไตล์สิงคโปร์อย่างที่พี่ได้อธิบายไว้ในตอนแรกนั่นเอง
คุณสมบัติของผู้สมัคร
ในการสมัครสอบแต่ละ Sec จะมีการแบ่งระดับอายุอย่างชัดเจนเลยครับ คุณสมบัติคร่าวๆ มีดังต่อไปนี้
- สำหรับคนที่จะสอบเข้า Sec 1 จะต้องมีอายุระหว่าง 12-14 ปี ภายในเดือนมกราคมของปีที่เริ่มเรียน (เช่น ถ้าน้องสอบของรอบเดือนกันยายน 2018 น้องก็จะต้องมีอายุครบ 12-14 ปีภายในเดือนมกราคมปีหน้า แต่หากน้องจะสอบของรอบเดือนกุมภาพันธ์ 2019 น้องจะต้องมีอายุครบ 12-14 ปีภายในเดือนมกราคมปี 2020 นั่นเองครับ)
- สำหรับคนที่จะสอบเข้า Sec 2 จะต้องมีอายุระหว่าง 13-15 ปี ภายในเดือนมกราคมของปีที่เริ่มเรียน
- สำหรับคนที่จะสอบเข้า Sec 3 จะต้องมีอายุระหว่าง 14-16 ปี ภายในเดือนมกราคมของปีที่เริ่มเรียน
ขั้นตอนการสมัครสอบ AEIS
- สมัครทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงศึกษาธิการของสิงคโปร์โดยตรงได้ คลิกที่นี่ ส่วนค่าสมัครสอบนั้นประมาณ 672 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 16,000 บาท สามารถชำระได้ทั้งทางบัตรเครดิต หรือเช็กดราฟ (เมื่อจ่ายแล้วจะไม่สามารถขอคืนได้นะครับ)
- เมื่อสมัครสอบเสร็จแล้ว เราก็รอรับหนังสือตอบรับผ่านทางอีเมลที่เราใช้ในการสมัคร
- เมื่อคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเราต้องเดินทางไปสอบที่สนามสอบประเทศสิงคโปร์ สถานที่ตามที่กำหนดในอีเมล
- ประกาศผลสอบทางเว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการ https://www.moe.gov.sg/
- ผลสอบ AEIS ในรอบเดือนกันยายน มักจะประกาศผลประมาณเดือนธันวาคม ส่วนการสอบ S-AEIS รอบแก้ตัวนั้น จะประกาศประมาณเดือนเมษายนครับ
- สำหรับผู้ที่สอบผ่าน ทางสิงคโปร์จะแจ้งเรื่องกำหนดการต่างๆ พร้อมการทำวีซ่าให้เราครับ
เอกสารประกอบการสมัคร
- ใบสูติบัตรนักเรียน
- หนังสือเดินทางของผู้สมัคร (Passport)
- หนังสือเดินทางของผู้ปกครอง (Passport)
- ทรานสคริปต์
- Student pass / dependent pass (ถ้ามี) *กรณีที่เคยมีวีซ่านักเรียนสิงคโปร์มาก่อน
- เอกสารวีซ่าสิงคโปร์ Singapore permits (ถ้ามี)
* จดเอาไว้นิดนึงครับ เอกสารในการสมัครทุกฉบับต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น พร้อมแนบสำเนาเอกสารภาษาไทยและใบแปล จากนั้นส่งไปที่ศูนย์สอบหลังจากดำเนินการสมัครแล้วภายใน 1 สัปดาห์ ถ้าเอกสารไม่ครบ ทางกระทรวงศึกษาธิการของสิงคโปร์จะไม่พิจารณา ปัดผ่านทันทีครับ!
AEIS ต้องสอบวิชาอะไรบ้าง?
ในการสอบ AEIS เราจะสอบแค่เพียง 2 วิชาหลักๆ คือ วิชาคณิตศาสตร์และวิชาภาษาอังกฤษ เห็นมีแค่ 2 วิชา แต่เนื้อหาการสอบก็ค่อนข้างหนักหน่วงเหมือนกัน
1. วิชาคณิตศาสตร์
เนื้อหลักๆ ในการสอบคณิตศาสตร์ จะเน้นเรื่องกระบวนการคิดวิเคราะห์ (Process Thinking) ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้น ไม่ใช่แค่มีความรู้คณิตศาสตร์แค่เพียงอย่างเดียว น้องๆ จะต้องแน่นภาษาอังกฤษด้วย
2. ภาษาอังกฤษ
สำหรับวิชาภาษาอังกฤษนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
พาร์ตแรก: ทดสอบทักษะการเขียนเรียงความ (Essay writing/ composition)
- ม.1 เขียนเรียงความความยาวที่ 200-300คำ
- ม.2 เขียนเรียงความความยาวที่ 250- 300คำ
- ม.3 เขียนเรียงความความยาวที่ 300- 400คำ
พาร์ต 2: ทดสอบทักษะด้านการอ่านและหลักไวยากรณ์ เป็นการทดสอบความเข้าใจและการใช้ภาษา ข้อสอบพาร์ตนี้จะเป็นข้อสอบชอยส์ 50 ข้อ มีให้อ่านบทความ คำศัพท์ และไวยากรณ์
ควรเตรียมตัวสอบอย่างไรดี?
สำหรับวิธีนั้นมีหลากรูปแบบเลยครับ ตามความสะดวกของแต่ละคน ที่เห็นบ่อยๆ เช่น
1. ซื้อหนังสือแบบเรียนของสิงคโปร์มาอ่าน อาจสั่งซื้อตามเว็บไซต์หนังสือของสิงคโปร์ได้เลยครับ มีทั้งแบบรวมและเตรียมสอบตาม Sec ของตัวเอง
2. บินไปเรียนคอร์สกวดวิชาเพื่อสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลที่สิงคโปร์ แบบคอร์สระยะสั้น 1-2 เดือน ส่วนใหญ่มักจะเรียนช่วงซัมเมอร์
3. บินไปเรียนคอร์สกวดวิชาเหมือนข้อที่ 2 แต่เป็นแบบระยะยาว ประมาณ 6 เดือน (เหมาะกับคนตั้งใจจริงๆ เพราะอาจจะต้องยอมลาออกจากโรงเรียนเพื่อไปติวสอบเข้า)
4. หาโรงเรียนติวที่เปิดสอนในไทย ส่วนใหญ่จะเปิดสอนโดยอดีตรุ่นพี่ที่เคยเรียนที่สิงคโปร์นั่นเองครับ
อย่างวิธีที่ 2 กับ 3 นั้นถ้าใครสนใจจริงๆ ก็ลองติดต่อเอเจนซี่เรียนต่อสิงคโปร์ให้เค้าช่วยจัดการติดต่อแทนได้เลยครับ เค้าจะจัดการทุกอย่างให้เลย ทั้งเรื่องเรียนและที่พัก
ค่าเล่าเรียนโรงเรียนรัฐบาล
ถ้าพูดถึงเรื่องค่าเล่าเรียนนั้นก็ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพการศึกษาที่จะได้รับ สำหรับนักเรียนไทยจะเสียค่าเรียนประมาณเดือนละ 740 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ค่าเรียนอาจมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มในแต่ละปี)
2. โรงเรียนเอกชน
‘โรงเรียนเอกชน’ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งหากใครอยากเรียนต่อมัธยมที่สิงคโปร์ โดยน้องๆ สามารถสอบเข้าโดยตรงกับทางโรงเรียนได้เลยครับ ส่วนใหญ่โรงเรียนเอกชนก็จะมีการเรียนการสอนตามสไตล์โรงเรียนนานาชาติ ส่วนโรงเรียนที่มีระบบการสอบแบบสิงคโปร์ (Secondary School) จะมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น และถ้าพูดถึงค่าเล่าเรียนของโรงเรียนเอกชนแล้ว ก็จะแพงมากๆ เลยครับ คิดเป็นเงินไทยแล้วก็หลักแสนอัปทั้งนั้น
แนวทางการศึกษาต่อหลังเรียนจบมัธยมสิงคโปร์
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการเรียนมัธยม 4 ปีที่สิงคโปร์นั้น วุฒิการศึกษาที่ได้คือ O-Level ซึ่งสามารถเทียบเท่ากับระดับชั้น ม.6 ของประเทศไทย ดังนั้นถ้าใครคิดอยากจะเรียนต่อในไทยก็สามารถสมัครได้เลยครับ
แต่ในกรณีที่น้องๆ จะสมัครเรียนต่อที่สิงคโปร์จะไม่สามารถสมัครได้เลยนะครับ จะต้องสอบ O-Level ให้ผ่าน เพื่อเข้าเรียนต่อ Junior College หรือโรงเรียนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยก่อน 2 ปี จากนั้นจะต้องสอบ A-Level ให้ผ่าน จึงจะสามารถสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยระดับ top ของสิงคโปร์ได้ครับ
ส่วนใครที่อยากเรียนต่อประเทศอังกฤษ ก็จะมีกระบวนการคล้ายๆ กับสิงคโปร์เลย คือน้องๆ จะต้องเรียนเตรียมมหาวิทยาลัย 2 ปี จากนั้นจึงสอบ A-Level ให้ผ่าน แล้วจึงจะสามารถยื่นสมัครเรียนต่อได้เลย ส่วนคนที่อยากเรียนต่ออเมริกาก็สามารถใช้คะแนน A-Level สมัครได้ครับ แต่ที่อเมริกาจะต้องมีการสอบ SAT I กับ SAT II (common application) เพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการรับเข้าเรียน
อ่านมาถึงตรงนี้ พี่ก็หวังว่าน้องๆ น่าจะเข้าใจระบบการศึกษาและการสมัครเรียนต่อมัธยมที่สิงคโปร์กันขึ้นมาบ้างนะครับ ความจริงแล้วนอกจากการสมัครเรียนเอง เราก็สามารถสมัครผ่านทุนได้ด้วยนะ เพราะทุกๆ ปีทางรัฐบาลสิงคโปร์ก็จะมีการแจกทุนเรียนฟรีให้กับนักเรียนไทยด้วย ในชื่อ ‘ASEAN Scholarships’ โดยมูลค่าทุนนั้นรวมตั้งแต่ ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายจิปาถะ รวมถึงค่าเครื่องบินด้วย เรียกว่าประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลยครับ
ส่วนการสมัครทุนรัฐบาลสิงคโปร์นั้นปกติจะเปิดรับสมัครช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี แน่นอนว่าถ้าเปิดรับสมัครเมื่อไหร่ เดี๋ยวพี่จะนำข่าวมาบอกแน่นอน ส่วนใครที่อยากสมัครเอง ก็เตรียมตัวสอบ AEIS ไว้รอได้เลยครับ เปิดรับสมัครเมื่อไหร่จะได้พร้อมลุยสนามได้เต็มที่ (เพราะค่าสอบแพงมาก 55555) ขอให้โชคดีครับ
4 ความคิดเห็น
ที่บอกว่าค่าเรียนประมาณเดือนล่ะ 13,000 บาท ถ้ามีเรื่องค่ากิน อยู่ด้วยจะประมาณเท่าไหร่คะ
ขอแก้ข้อมูลเรื่องค่าเรียนนิดนึงนะคะ พอดีเราเรียนอยู่รร.รัฐที่นู่น
ปีนี้ค่าเทอมอยู่ที่ 740 ดอลลาร์ต่อเดือนค่ะ ค่าเทอมจะขึ้นทุกปี ปีที่ผ่านๆมาจนถึงปีที่เเล้ว ค่าเทอมขึ้น 20 ดอลต่อเดือน เเต่ปีนี้ค่าเทอมขึ้นมา 60 ดอลต่อเดือนจากปีที่แล้วค่ะ สำหรับปีหน้าก็จะเพิ่มขึ้นอีก 60 ดอลต่อเดือนเช่นกันค่ะ
ขอบคุณ
รบกวนสอบถามว่าเวลาไปสอบ AEIS จะต้องระวังกฎอะไรบ้าง แล้วต้องเตรียมอะไรบ้างค่ะ เช่น ห้ามนำเครื่องคิดเลขเข้าไป ใช้ปากกาอย่างเดียว หรือ ต้องใช้ดินสอด้วยค่ะ ในใบที่เขาส่งมาให้มีแต่บอกเวลา สถานที่ สำเนาต่างๆ และต้องถึงก่อนกี่นาทีค่ะ ขอบคุณค่ะ