จดด่วน! 9 คำถาม ’สัมภาษณ์งาน’ ภาษาอังกฤษ ที่รับรองว่าต้องเจอแน่นอน

      สวัสดีค่ะชาว Dek-D .... เมื่อเราต้องไปสัมภาษณ์งานหรือสัมภาษณ์ฝึกงาน บางครั้งเราอาจจะเจอแจ็คพ็อตถูกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนแอบกลัวและกังวลมากๆ แต่หากเราเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมไปก่อนล่วงหน้า มันอาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คิดก็ได้ค่ะ
      วันนี้พี่หมิวเลยมีทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการรับมือกับการสัมภาษณ์มาฝากกัน พี่จะมาช่วยไกด์คำถาม คำตอบให้น้องๆ แบบจัดเต็มเลยค่ะ ถ้าพร้อมเเล้วล่ะก็ ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่า


1. ‘So, tell me about yourself…’


      ประโยคนี้จะต้องมาอย่างแน่นอนค่ะ คนสัมภาษณ์งานต้องการให้เราเเนะนำตัวเอง อย่างเช่น จบการศึกษาจากที่ไหน เคยทำอะไรมาก่อน เอาที่เด่นๆ พอนะคะ ไม่ต้องบอกทั้งหมด

       ถ้าใครเคยไปแลกเปลี่ยน หรือมีผลงานอะไรเจ๋งๆ ที่คิดว่าเขาต้องถามต่อแน่ๆ เราก็งัดเอาออกมาโชว์ได้เลย อย่างเช่นเราอาจจะเริ่มประโยคว่า 'My name is XXX I graduated from XXX University in faculty of XXX…' หรือถ้าใครมีประสบการณ์ทำงานมาบ้างแล้วก็อาจจะบอกได้ว่า 'I have spent a year as a XXX position at XXX company.' พี่แนะนำว่าให้พูดไม่ต้องยาวมาก เอาแค่จุดเด่นและผลงานที่เคยทำมาพอค่ะ 
 

      เราอาจจะบอกเพิ่มถึงลักษะนิสัยเราเป็นยังไง บอกจุดเด่นที่ทำให้เราน่าสนใจ ในส่วนของนิสัยส่วนตัวเราก็บอกสั้นๆ ง่ายๆ ก็พอค่ะ อย่างเช่น 'I am a quick leaner and eager to learn new things.' (เป็นการอวยตัวเองหน่อยๆ เเต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขตของความเป็นจริงด้วยนะคะ) หรือเราอาจจะบอกถึงงานอดิเรกที่เราทำบ่อยๆ แต่ต้องตอบอย่างสร้างสรรค์ด้วยนะคะ ไม่ใช่ตอบว่า 'ชอบนอน' อย่างนี้ไม่เอานะจ๊ะ


2. ‘Why are you interested in this position/job?’

   
      มาถึงคำถามต่อมา เขาจะถามเราว่าทำไมถึงอยากมาทำตำแหน่งนี้ ก่อนอื่นเลย เราจะต้องศึกษาตำแหน่งที่เราจะทำมาให้อย่างดีเลยค่ะ ดูว่าตำแหน่งที่เราสมัครเขาต้องการคุณสมบัติอะไรบ้าง ทำหน้าที่อะไรบ้าง รวมไปถึงบริษัทที่เราจะเข้าไปทำงานด้วยค่ะ ตัวอย่างคำตอบจะประมาณว่า

'I’ve been interested in XXXX and this position really make sense to me.' (ฉันมีความสนใจในด้าน XXX และคิดว่าตำแหน่งนี้จะเหมาะกับฉันค่ะ)

'Joining this company really make sense to me because…..' (การมาร่วมทำงานกับบริษัทนี้เหมาะกับฉันมากๆ เพราะว่า…..)

'This company is well known about XXXX. So it seems like I’ll be able to use my XXX skills here.' (บริษัทนี้มีชื่อเสียงในเรื่อง XXX ฉันเลยเห็นว่าจะสามารถใช้ทักษะ XXX ที่ฉันได้เรียนรู้มาทำงานที่นี่ค่ะ) 

'I also like the culture and work atmosphere of your organization. I’ve been reading about your company and it seems like a great fit for my personality here.' (ฉันชอบวัฒนธรรมและบรรยากาศการทำงานของที่นี่ ฉันได้ไปอ่านเกี่ยวกับบริษัทของคุณมา และคิดว่ามันเหมาะกับลักษณะนิสัยของฉันมากๆ ค่ะ)
 

 


3. 'Why should we hire you?'


      ทำไมเราถึงต้องจ้างคุณ? เป็นคำถามที่ดูเหมือนจะตอบง่ายนะคะ แต่คิดดูอีกที….. พี่แนะนำว่าควรตอบแบบมั่นใจในตัวเองไปเลยค่ะ ฉันมีความสามารถหรือมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ ฉันจะทำให้บริษัทของคุณพัฒนาในด้านนี้ไปอีกไกลแน่นอน ถ้าเขาเห็นความมั่นใจในการตอบของเรา ก็โอเคแล้วค่ะ  อย่างเช่น 

'Well, I have all of the skills and experiences that you’re looking for and I’m confident that I would be able to make a good match in this position.' (ฉันมีทักษะและประสบการณ์มากมายที่คุณกำลังมองหาอยู่ ฉันมั่นใจว่าฉันเหมาะกับตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน)

นอกจากนี้ เรายังสามารถเพิ่มเหตุผลรองรับไปด้วยค่ะว่า เราเคยทำงานแบบนี้มาก่อนนะ อธิบายประสบการณ์การทำงานที่เราเคยทำมา ที่คิดว่ามันเกี่ยวข้องกับงานใหม่เราแน่นอน เช่น 

'During my senior year at XXX University, I have been working for……' 

เเละนี่คือตัวอย่างที่ไม่ควรตอบนะคะ
'Well, I really need this job and it would be awesome to work here! I've been unemployed for a while and my Mom is starting to get on my case about it.' (เราไม่ต้องไปบอกความจริงเขาหมดก็ได้ 5555555)
 

 


4. 'Tell Me About…'


คำถามพวก Tell me about… นี่จะเจอได้บ่อยๆ เลยค่ะ อย่างเช่น

Tell me about your highest accomplishments or the accomplishment you are most proud of. (ช่วยบอกถึงความสำเร็จของคุณที่คุณภูมิใจมากที่สุด)
Tell me about a time you handled a high-pressure situation. (คุณจะรับมือกับสถานการณ์การทำงานที่กดดันมากๆ ได้ยังไง)
Tell me about a time when you disagreed with your boss. (คุณจะทำยังถ้ามีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับเจ้านายของคุณ)

      ส่วนใหญ่แล้วคำถามเเนวนี้จะต้องการทดสอบเราในทักษะการแก้ไขปัญหาค่ะ เขาต้องการดูว่าเราจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ยังไง โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถพบได้เวลาทำงาน ทางที่ดีคือ ตอบตามความคิดของเราเลยค่ะ เราคิดว่าจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นยังไง (แต่ก็ต้องตอบแบบสวยๆ ดูดี ฉลาดๆ ด้วยนะคะ) อย่างเช่น
 
Q: 'Tell me about a time when you disagreed with your boss.' (คุณจะทำยังถ้ามีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับเจ้านายของคุณ)

Ans: 'I would rather than question his authority in front of everyone, I talked to him off of the floor. I’ll open and be honest about the problems and talk to him frankly.' (ฉันจะไม่หักหน้าเขาต่อหน้าคนเยอะๆ แต่จะไปคุยกับเขาแบบส่วนตัวแทน ฉันจะคุยแบบตรงไปตรงมาถึงในปัญหาที่เกิดขึ้นค่ะ) 

      ที่สำคัญคืออย่าตอบแบบให้ร้ายบอสนะคะ ตอบกลางๆ ให้เราลองคิดว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ จะทำยังไง อย่าไปตอบว่า 'อ๋อ เราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน' 'ไม่รู้ค่ะ' หรือว่า 'ฉันไม่มีทางมีปัญหากับบอสแน่นอนค่ะ' แบบนี้ไม่ได้น้าาา เขาจะดูทักษะการแก้ปัญหาของเราว่าเป็นยังไงค่ะ 

Q: 'Tell me about your highest accomplishments or the accomplishment you are most proud of.' (ช่วยบอกถึงความสำเร็จสูงสุดที่คุณภูมิใจมากที่สุด)

      ส่วนข้อนี้ เราสามารถบอกถึงประสบการณ์อะไรก็ได้ที่เด่นๆ ของเรา ที่คิดว่าถ้าคนสัมภาษณ์งานเราฟังแล้วจะต้องอึ้ง สุดยอดมากน้อง อะไรประมาณนี้ หรืออาจจะเป็นแค่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่เราสามารถพูดให้ดูยิ่งใหญ่ได้เหมือนกันค่ะ 
 

 


5. 'What’s your strengths?' / 'What’s your weaknesses?'


      และแล้วก็มาถึงคำถามยอดฮิต พี่คิดว่าสิ่งที่ทุกบริษัทต้องการที่นอกเหนือจากทักษะความสามารถแล้วก็คือทัศนคติของเราค่ะ เขาต้องการรู้จุดเด่นและจุดด้อยของเราว่าคืออะไร อย่างแรกเลยคือเราจะต้องรู้จุดเด่นจุดด้อยของตัวเราเองก่อนค่ะ พร้อมบอกเหตุผลไปด้วยว่า ทำไมสิ่งนี้คือจุดเด่นจุดด้อยของเรา แล้วมันจะส่งผลกระทบต่องานยังไง ถ้าเป็นจุดเด่น เราควรตอบอะไรที่เกี่ยวกับทักษะการทำงานของเรา อย่างเช่น 

'I think one of my greatest strengths is as a problem solver. I have the ability to see a situation from different perspectives and I can get my work done even in the face of difficult obstacles.' (ฉันคิดว่าจุดเด่นของฉันคือทักษะการแก้ปัญหา ฉันมีทักษะในการมองสถานการณ์ต่างๆ ในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป เเละฉันสามารถทำงานให้เสร็จลุล่วงไปได้เเม้จะมีอุปสรรคมากมายก็ตาม)

'I’m a hardworking person. When I commit to a deadline, I do whatever it takes to deliver.' (ฉันเป็นคนจริงจังในการทำงาน ถ้าถึงกำหนดส่งงานเมื่อไหร่ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำงานส่งให้ทัน)

ในส่วนของ 'จุดเด่น' เราควรตอบอะไรที่เป็นแนวนี้ค่ะ  
- Teamwork 
- Working under pressure
- Flexibility
- Problem Solving
- Communication

      มาถึงจุดด้อยกันบ้าง พี่คิดว่าคนเรามันก็มีข้อเสียกันทั้งนั้นแหละค่ะ แต่ว่าการมาสัมภาษณ์งาน เราต้องรักษาภาพลักษณ์ของเรานิดนึง เราสามารถบอกข้อเสียของเราไปได้ แต่เราก็ต้องยกตัวอย่าง วิธีการแก้ปัญหา วิธีที่เราจะรับมือกับข้อเสียของตัวเองได้ยังไงด้วย อย่างเช่น

พยายามเปลี่ยนด้านลบให้เป็นด้านบวก

'I work too hard sometimes' (ฉันทำงานหนักมากเกินไปบ้างครั้ง)

'I am too much of a perfectionist' (ฉันเป็นพวกรักในความสมบูรณ์แบบ)

'I pride myself on being a 'big-picture' guy. I have to admit I sometimes miss small details' (ฉันมักจะมองอะไรออกมาเป็นภาพใหญ่ๆ อยู่เสมอ จนบางทีมันทำให้ฉันพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไป)

แต่น้องๆ อย่าไปแสดงจุดอ่อนของตัวเองจนเกินไป  อย่างเช่น 
'I have trouble getting up in the morning and getting to work on time' (ฉันมีปัญหาในการตื่นตอนเช้าและมาทำงานให้ทัน) แบบนี้ไม่ควรนะคะ เขาจะมองเราเป็นคนยังไงเนี่ย 555555 
 

 


6. ‘What Do You Know about the Company?’


      ถ้าเราไปสมัครงานบริษัทไหน อย่างแรกเลยที่เราต้องทำการบ้านคือ การหาข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ ค่ะ เราจะต้องรู้ว่าบริษัทเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร มีธุรกิจอะไรบ้าง หาข้อมูลเตรียมพร้อมไปเยอะๆ เลยค่ะ แนะนำว่าให้หาข้อมูลที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง ที่คนไม่ค่อยรู้ แต่เรารู้ มันจะทำให้เราดูสนใจในบริษัทเขาจริงๆ ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น

‘I saw you’ve received a couple of local awards for community service….’ (ฉันเห็นว่าบริษัทคุณได้รางวัลเกี่ยวกับงานบริการชุมชนมาด้วยค่ะ) 

‘Well, I know you’re one of the biggest providers of software’ (บริษัทคุณเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในการผลิตซอฟต์แวร์)

'I know somebody who used to work here, and they had great things to say about your company culture and how you take care your employees.' (คนรู้จักฉันเคยทำงานที่นี่มาก่อน เขาพูดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับบริษัทนี้เยอะเลยค่ะ อย่างเช่น คุณดูแลพนักงานดียังไง) (ออกแนวชมๆ บริษัทเขาหน่อยค่ะ) 
 


7. 'Where do you see yourself in 5 years?'


      คุณจะทำอะไรในอีก 5 ปีข้างหน้า? บริษัทจะต้องการคนที่มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วยนะคะ ทางบริษัทเขาจะอยากรู้ว่าเราวางแผนในชีวิตของเราไว้ว่ายังไง และเราคิดว่าจะทำมันสำเร็จมั้ย เราอาจจะบอกว่า เราอยากพัฒนาทักษะทางด้านนี้ให้ดีขึ้น อยากมีทักษะการทำงานทางด้านนี้เพิ่มก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น 

'In 5 years, I want to work for an organization where I can build a career and improve my skills.' (ในอีก 5 ปี ฉันอยากจะทำงานกับบริษัทที่ทำให้ฉันมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เเละทำให้ฉันสามารถพัฒนาทักษะต่างๆ ของฉันให้ดียิ่งขึ้นได้)

'I am really looking forward to spending the next five years in an organization where I can grow and take on new challenges over time.(ในอีก 5 ปีข้างหน้า ฉันอยากจะทำงานกับองค์กรที่ทำให้ฉันสามารถโตในหน้าที่การงานเเละมีสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทายให้ฉันทำอยู่เสมอ ) 

แนะนำว่าอย่าไปตอบแบบเจาะจงเกินไป อย่างเช่น อีก 5 ปีข้างหน้า ฉันจะเป็น CEO หรือ Manager ของ.... เอาแบบกลางๆ ก็พอค่ะ 
 


8. 'What salary range were you looking for?'


      เรื่องเงินๆ ทองๆ เป็นเรื่องใหญ่จริงมั้ยคะ พี่แนะนำว่าให้เราลองพิจารณาในเนื้องานและตำแหน่งดู ว่าเราควรได้เท่าไหร่ เราลองเสนอราคาเงินเดือนที่เราต้องการไป ถ้าเขาอยากได้เราเข้าไปทำงานด้วยจริงๆ เขาก็จะต่อรองราคากับเราเองค่ะ เเต่หลายๆ บริษัทอาจจะมีสวัสดิการอย่างอื่นให้ก็ได้ เราจะต้องพิจารณาให้ดีค่ะ ยกตัวอย่างประโยคเช่น 

'I’m really looking for is something in the range of 30,000 to 35,000 Baht. I believe that’s the range this company pays for my level of employment.'
 


9. 'Do you have any questions for me?'


      คำถามนี้เป็นคำถามที่พี่เชื่อว่าแทบทุกบริษัทจะต้องถามแน่ๆ คำถามนี้เราจำเป็นจะต้องตอบและถามเขากลับด้วยค่ะ เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเราสนใจที่จะทำงานกับเขา อย่างเช่น เราอาจจะถามถึงบรรยากาศการทำงาน วัฒนธรรมขององค์กร ตำแหน่งที่เราสมัครมามีหน้าที่อะไรนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน Job description (รายละเอียดงาน) มั้ย ยกตัวอย่างเช่น

'Could you please let me know about your work culture and atmosphere here?' (ช่วยบอกฉันถึงบรรยากาศการทำงานของที่นี่ได้มั้ยคะ)

'What's the company organization and management style like?' (ที่บริษัทของคุณมีการบริหารจัดการในรูปแบบไหนหรอคะ)

'Can you share more about the day-to-day responsibilities of this position? What's a typical day like?' (ช่วยบอกฉันถึงหน้าที่ในแต่ละวันของตำแหน่งฉันได้มั้ยคะ ว่าวันนึงฉันต้องทำอะไรบ้าง)

อย่าไปถามถึงเรื่องส่วนตัวเขานะคะ  อย่างเช่น 'Do you have children?' หรือ 'How long have you been working here?' แบบนี้ไม่เอาน้าาา แนะนำว่าควรถามอะไรที่เกี่ยวกับการทำงานของเราและบริษัทจะดีกว่าค่ะ 
 
     
       ตัวอย่างคำถามและคำตอบที่พี่แนะนำมาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ น้องๆ สามารถเอาไปพลิกแพลงได้ตามสไตล์ของตัวเองเลย อย่างพี่เคยเจอคำถามแนวจิตวิทยาด้วยค่ะ เขาถามพี่ว่า ถ้าบ้านเราไฟไหม้ แล้วให้เราเอาของออกมาได้เพียงอย่างเดียวเเต่ห้ามเอาของมีค่าออกมา เราจะเลือกเอาอะไรออกมา? ตอนนั้นพี่ต้องตั้งสติอยู่เหมือนกันค่ะถึงตอบออกไปได้555555 

     
      การเตรียมตัวให้พร้อมเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เลยค่ะ น้องๆ อย่าไปเกร็งหรือตื่นเต้นมากเกินไป เพราะมันจะทำให้เราลนลาน ทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพกไปสัมภาษณ์งานคือ ‘สติ’ ค่ะ ถ้าเรามีสติแล้วทุกอย่างจะดีตามมาอย่างแน่นอน พี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังหางานทำ และคิดว่าบทความนี้จะมีส่วนช่วยน้องๆ ได้ด้วยนะคะ สู้ๆ ^^    
 

 
Sources:
thebalancecareers.com
monster.com
speakconfidentenglish.com
biginterview.com
cv-library.co.uk
theinterviewguys.com
Photo Credit:
Unsplash
พี่หมิว
พี่หมิว - Columnist จบเอกอิ้ง ชอบปิ้งหมูกิน แถมอินกับหนัง ฟังเพลงเสียงดัง หูแตกไปเลยจ้า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด