เจาะลึกหาคำตอบ ทำไม 'มาเลเซีย' จึงเป็นประเทศยอดฮิตที่คนไทยนิยมไปเรียน?

      สวัสดีค่ะชาว Dek-D เชื่อเลยว่าน้องๆ ที่สนใจอยากไปเรียนต่อนอกหลายคน คงเคยมีความกังวลอยู่บ้างใช่มั้ยคะว่าถ้าต้องอยู่โดดเดี่ยวไกลบ้านแล้วจะเหงา หรือบางคนอาจกลัวติดปัญหาค่าใช้จ่ายเกินงบหากต้องไปเรียนไกลถึงอีกซีกโลก จนพาลจะถอดใจไม่อยากเรียนเอาได้.. เรื่องนี้พี่หมิวเข้าใจดีค่ะ วันนี้ก็เลยถือโอกาสนำประเทศเพื่อนบ้านอย่าง 'มาเลเซีย' ที่มีคนไทยนิยมไปเรียนกันเยอะเพราะระบบการศึกษาของเขามีคุณภาพ มาชี้ชวนให้น้องๆ ได้เก็บไว้ในลิสต์ประเทศน่าเรียนสักหน่อย ว่าแต่คนที่นั่นเค้าเรียนกันแบบไหน? และถ้าเราอยากไปจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้างนะ? มาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันเลยจ้า!!!
     

      มาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านของเราที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและภาษา โดยหลักๆ แล้วคนที่นี่จะใช้ภาษาทั้งหมด 3 ภาษา ได้แก่ ภาษามลายู ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นถ้าเราไปเรียนต่อ เราจะได้ทักษะทางภาษากลับมาแน่นอน แถมยังได้แชร์วัฒนธรรมกับเพื่อนหลากเชื้อชาติกันด้วยนะ ^^
 
  
      ก่อนที่จะตั้งเป้า แพ็กกระเป๋าไปเรียนต่อที่มาเล้ มาเล้~~ เรามาทำความรู้จักระบบการศึกษาของมาเลเซียกันก่อนค่ะ ซึ่งก็ไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใด เพราะมีความคล้ายคลึงกับประเทศไทยอยู่ แต่ที่มาเลเซียจะมีการศึกษาทั้งหมด 5 ระดับ ได้แก่

1. เตรียมความพร้อม (ระดับอนุบาล)
2. ประถมศึกษา ป.1-6
3. มัธยมศึกษา ม.1-6
4. เตรียมอุดมศึกษา  
5. อุดมศึกษา หรือในระดับมหาวิทยาลัยนั่นเอง


โรงเรียนประถม


โรงเรียนประถมของมาเลเซียนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 

1. National Primary School ใช้ภาษามลายูในการสอน
2. Vernacular School ใช้ภาษาอื่นที่ไม่ใช่มลายูในการสอน ซึ่งจะใช้ภาษาจีนหรือภาษาทมิฬแทน แต่ส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนจีนจะใช้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษในการสอนค่ะ 
 

      จริงๆ แล้วรัฐบาลมาเลเซียได้กําหนดให้ทุกโรงเรียนเปิดสอนวิชาภาษาอังกฤษและภาษามลายูอยู่แล้ว ทั้งนี้ การแบ่งประเภทของโรงเรียนนั้นจะใช้เกณฑ์การใช้ภาษาเป็นหลักจึงไม่มีการแบ่งเชื้อชาติใดๆ ค่ะ ถ้านักเรียนคนไหนที่นับถืออิสลาม ก็สามารถเข้าเรียนโรงเรียนจีนได้เหมือนกัน อยู่ที่ความต้องการเรียนของแต่ละคนเลย

      นอกจากนี้ นักเรียนทุกคนจะต้องสอบ 'Primary School Achievement Test' (UPSR) เป็นข้อสอบกลางที่นักเรียนก่อนจบ ป.6 ทุกคนต้องสอบ โดยสอบอย่างน้อย 5 วิชา ได้แก่ ความเข้าใจและการเขียนภาษามลายู คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน (เฉพาะคนที่เรียนโรงเรียนจีน) และภาษาทมิฬ (เฉพาะคนที่เรียนโรงเรียนที่ใช้ภาษาทมิฬ) และที่สำคัญ! นักเรียนทุกคนจะต้องสอบวิชาภาษามลายูให้ผ่านถึงจะเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมได้ค่ะ 


โรงเรียนมัธยม 


มาว่ากันต่อที่ระดับมัธยมกันบ้าง ซึ่งก็ยังคงมีรูปแบบการแบ่งประเภทของโรงเรียนตามภาษาที่สอนเป็นหลักเช่นเคย โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทค่ะ คือ 
1. โรงเรียนจีน (ใช้ภาษาจีนสอน)
2. โรงเรียนอินเตอร์ (ใช้ภาษาอังกฤษสอน)
3. โรงเรียนรัฐบาลมาเลเซีย (ใช้ภาษามลายู)

1. โรงเรียนจีน 'Chinese independent high school' เป็นโรงเรียนเอกชน ที่ใช้ภาษาจีนในการสอน มีทั้งหมด 60 โรงเรียนในมาเลเซีย มีการเรียนทั้งหมด 6 ปี แบ่งเป็น 3 ปีในระดับต้น อีก 3 ปีระดับปลาย และเมื่อเรียนจบแล้วจะต้องสอบข้อสอบกลางของโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีน คือ 'Unified Examination Certificate Senior' (UEC) แต่ระยะหลังๆ มานี้ โรงเรียนจีนเริ่มมีการสอนวิชาภาษามลายูเพิ่มเข้ามา เพื่อให้นักเรียนที่อยากจะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยรัฐในมาเลเซียนั้นได้มีความรู้ไปเตรียมตัวสอบ SPM (ข้อสอบวุฒิจบม.ปลาย) ที่ต้องวัดความรู้ภาษามลายูด้วยค่ะ เรียกได้ว่ายิ่งเรียนก็ยิ่งได้เนื้อหาภาษาที่เข้มข้นเลยล่ะ... เล่าเรื่องระบบการศึกษามาสักพักแล้วเดี๋ยวจะเครียด มาพักชมโรงเรียนดังๆ ที่น่าสนใจกันหน่อยดีกว่าเนอะ ><

Han Chiang High School (โรงเรียนหานเจียง)
 

      เปิดฉากด้วยโรงเรียนมัธยมจีนแห่งแรกในมาเลเซีย จำนวน 1 ใน 3 ของนักเรียนที่นี่เป็นนักเรียนชาวต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศไทย (เพราะฉะนั้นถ้าใครกลัวไปเรียนแล้วหว่าเว้ลองมาร์คโรงเรียนนี้ไว้ในใจได้นะคะ 555) อินโดนีเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ค่ะ ทางโรงเรียนมีหอในให้นักเรียนพัก รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของทางโรงเรียนที่นี่เลยค่ะ 

Penang Chinese High School (PCBHS) (โรงเรียนปิงหัว)
 

      เป็นโรงเรียนหญิงล้วนในปีนัง มีการเรียนการสอนทั้งหมด 6 ปี (ม.1-ม.6) ซึ่งถ้าเป็นนักเรียนต่างชาติจะสามารถเข้าเรียนได้ในฝั่งอินเตอร์เท่านั้น แน่นอนว่านอกจะได้ใช้เรียนรู้ภาษาจีนแล้ว ก็ยังได้อัปเลเวลสกิลภาษาอังกฤษชัวร์ป้าบ! เหมาะกับสตรีใสๆ ที่อยากไปฝึกใช้ชีวิตให้สตรองขึ้นจริงๆ นะคะ เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจ สามารถเข้าไปดูเว็บไซต์ของทางโรงเรียนได้ที่นี่เลยค่ะ 

2. International school (โรงเรียนนานาชาติ ใช้อังกฤษในการเรียนการสอน) แม้จะมียี่ห้อของโรงเรียนอินเตอร์จ๋าติดมาตั้งแต่แรก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เจอเด็กพื้นที่ในโรงเรียนหรอกนะคะ เพราะผู้ปกครองชาวมาเลเซียบางคนต้องการให้ลูกได้เรียนภาษาอังกฤษแบบเต็มแม็กซ์ เนื่องจากโรงเรียนรัฐบาลส่วนใหญ่ของที่นี่จะสอนเป็นภาษามลายูทั้งหมดค่ะ
   
Mont’ Kiara International School
 

      โรงเรียนนานาชาติแห่งนี้ ได้การันตีคุณภาพจากรัฐบาลด้วยการยกให้เป็นโรงเรียนเกรด A (5 ดาว) เลยค่ะ เพราะที่นี่มีนักเรียนต่างชาติมาเรียนที่นี่ถึง 52 ชาติด้วยกัน มีการเรียนการสอนตั้งแต่ เกรด 1-12 แต่ด้วยความที่ติดท็อปเบอร์ใหญ่ ค่าเล่าเรียนเลยอัปขึ้นไปกว่าโรงเรียนอื่นสักหน่อย เพราะมีตั้งแต่ตั้งแต่ 47,000-107,600 MYR หรือเท่ากับ 350,000- 800,000 บาทไทย (ขึ้นอยู่กับแต่ละชั้นปี) ถ้าครอบครัวไหนทุนหนาและสนใจอยากมาสัมผัสโรงเรียนระดับเทพ ก็เชิญศึกษารายละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะ 
   
The International School of Kuala Lumpur, Ampang Hilir
 

      ก่อตั้งในปี 1965 โรงเรียนนี้เปิดรับทั้งนักเรียนชายและหญิง มีการเรียนการสอนตั้งแต่เกรด 1-12 ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนทั้งหมด 1,623 คน นอกจากนี้ยังมีนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนมากกว่า 60 ชาติเลยทีเดียวค่ะ ในส่วนของค่าเล่าเรียนนั้น ราคาจะอยู่ที่ 50,700-102,590 MYR หรือเท่ากับ 390,000 – 800,000 บาทไทยค่ะ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

      ทั้งนี้ นักเรียนทุกคนที่กำลังจะอยู่ในระดับ ม.5 (O-Level) จะต้องสอบวัดระดับ 'Malaysian Certificate of Education' (SPM) ข้อสอบวุฒิม.ปลาย เป็นข้อสอบที่นักเรียน ม.5 จะต้องสอบก่อนจบเพื่่อใช้ยื่นไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยจะต้องสอบทั้งหมด 6 วิชา ได้แก่ ภาษามลายู ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอิสลามศึกษา (สำหรับนักเรียนมุสลิม) และประเด็นสำคัญที่สุด! นักเรียนทุกคนจะต้องสอบวิชาภาษามลายูและประวัติศาสตร์ให้ผ่าน เพราะไม่อย่างนั้นทางรัฐบาลก็ไม่ออก certificate ให้ว่าเราผ่านการเรียนในระดับชั้นนี้มาแล้วนะคะ 
    
3. โรงเรียนรัฐบาลของมาเลเซีย ที่นี่ก็จะใช้ภาษามลายูเป็นตัวกลางในการเรียนการสอนเป็นหลัก และมีบางรายวิชาที่ใช้ภาษาอังกฤษด้วยค่ะ

SMK Taman Tasik School
 

      'SMK Taman Tasik' เป็นโรงเรียนเล็กๆ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1990 มีจุดเด่นที่ใช้ภาษามลายูในการเรียนการสอน และยังใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองที่ใช้ในการเรียนอีกด้วย ซึ่งถ้าใครได้มาเรียนที่นี่ แน่นอนว่าจะได้เรียนรู้ทั้งภาษามลายูในชีวิตประจำวัน อีกทั้งแบบทางการ เช่น การติดต่อกับระบบราชการ การจัดทำเอกสารต่างๆ ซึ่งถ้าใครหลงใหลในวัฒนธรรมของชาวมาเลเซีย ขอบอกเลยว่าเคมีเข้ากันมากับที่นี่จ้า ว่าแล้วก็เข้าไปดูเว็บไซต์ของโรงเรียนได้ที่นี่เล้ย!


ระดับมหาวิทยาลัย


      มหาวิทยาลัยในมาเลเซียจะใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนเป็นส่วนใหญ่ หรือบางทีก็ผสมผสานระหว่างอังกฤษกับภาษามลายูค่ะ โดยมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชนส่วนใหญ่จะใช้ผลการสอบ STPM (วุฒิม.ปลาย) และ 'Malaysian University English Test' (MUET) เป็นเกณฑ์ที่ใช้ยื่นสมัครเรียน ซึ่งหลักสูตรปริญญาตรีจะใช้เวลาในการเรียนประมาณ 3-4 ปีค่ะ 

      ส่วนนักเรียนไทยที่จะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่มาเลเซีย จะต้องมีคะแนนผลการเรียนที่จบในระดับชั้น ม.6 และมีคะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (IELTS หรือ TOEFL) ประกอบตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยได้กำหนดไว้ด้วยนะคะ ดังนั้นถ้าใครเริ่มสนใจแล้ว เตรียมตัวสอบด้วยน้าา
 
   
ตัวอย่างมหาวิทยาลัย

University of Science, Malaysia
 

      เริ่มด้วยมหาวิทยาลัยเก๋าๆ ดีกรีเก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของมาเลเซีย ที่ก่อตั้งในปี 1969 มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ การเรียนการสอนแบ่งออกเป็น 4 คณะใหญ่ๆ ได้แก่ คณะแพทย์ศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะศิลปศาสตร์
    
      ค่าเล่าเรียนต่อปีถือว่าพอๆ กับบ้านเรา เพราะมีตั้งแต่ 3,750 – 151,500 USD หรือเท่ากับ 29,000-1,000,000 บาทไทยค่ะ (ถ้าเรียนหมอค่าเทอมจะแพงกว่าหน่อย) สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ 

Disted College
 

      มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1987 แล้วล่ะค่ะ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านบริหารธุรกิจ (Business management)  โดยในส่วนของการเรียนการสอนนั้นแบ่งออกเป็น คณะบริหารธุรกิจ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จิตวิทยา ภาษาและการสื่อสาร ธุรกิจการบริการ (การโรงแรม) 

      ค่าเล่าเรียนจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 50,000 RM หรือเท่ากับ 240,000 – 400,000 บาทไทยค่ะ (ขึ้นอยู่กับแต่ละคณะ และสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ในแต่ละปี) ถ้าใครสนใจจะเรียนด้านการจัดการ การตลาด หรือการบริหาร ก็ลองเข้าไปหาข้อมูลประกอบเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยจ้า


     ส่องลึก ส่องแหลก ส่องละเอียดกันขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องแปลกใจแล้วเนอะว่าทำไมคนไทยถึงนิยมไปเรียนที่มาเลเซียเยอะพอสมควร เพราะระบบการศึกษาของมาเลเซียนี่ก็แน่นไม่แพ้ของเราเลย สังเกตได้จากการสอบวัดระดับเพื่อผ่านชั้นมากมายเพื่อเคี่ยวกรำให้เด็กๆ ที่เรียนจบไปได้เติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ อีกทั้งค่าเทอมยังไม่สูงเกินไป แถมการเดินทางไปมาหาสู่กับไทยก็ง่าย สรุปได้ว่าคุ้มค่าและน่าเรียนจริงๆ ค่ะ :D   

Sources:
พี่หมิว
พี่หมิว - Columnist จบเอกอิ้ง ชอบปิ้งหมูกิน แถมอินกับหนัง ฟังเพลงเสียงดัง หูแตกไปเลยจ้า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

6 ความคิดเห็น

มัณทนา Member 2 พ.ย. 61 22:01 น. 1

และเป็นประเทศที่ควรค่าแก่การไปทำงานด้วยค่ะ

หลานสาวคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกันก็ไปทำงานที่มาเลเซีย

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด