드디어 얼굴이 공개됐습니다. #강서구PC방살인 #김성수 pic.twitter.com/esftAnD1F8
— YTN NEWS (@YTN24) October 22, 2018
เปิดแฟ้มคดีฆาตกรรม ‘หนุ่มพาร์ตไทม์ร้านอินเทอร์เน็ต’ ข่าวที่ดังที่สุดในเกาหลีตอนนี้!
สวัสดีครับชาว Dek-D … ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่วุฒิ ได้ติดตามข่าวนึงของเกาหลี ต้องบอกว่าเป็นข่าวที่ดังมากกกก ติดอันดับขึ้นเทรนด์อันดับ 1 แทบทุกเว็บไซต์ เป็นที่พูดถึงในสังคมวงกว้างของแดนกิมจิเลยก็ว่าได้ โดยข่าวที่ว่านั้นเป็นข่าวคดีฆาตกรรมพนักงานหนุ่มพาร์ตไทม์ร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนึงในเกาหลี เรื่องราวจะสะเทือนใจแค่ไหน ตามมาอ่านกันเลยครับ
คดีฆาตกรรมนี้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ในย่านคังซอกู และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์นี้ คือ พนักงานหนุ่มพาร์ตไทม์ประจำร้านพีซีบัง (PC방) หรือร้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งถูกฆ่าโดยลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านนั่นเอง
ความจริงแล้วที่มาที่ไปของเรื่องราวสุดสะเทือนใจ มันไม่น่าเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ด้วยซ้ำเลย เพียงเพราะฆาตกรในคราบลูกค้านั้นไม่พอใจที่เก้าอี้นั่งในร้านไม่สะอาด พวกเขาจึงมาโวยวายต่อหนุ่มพาร์ตไทม์วัย 21 ที่เข้ากะดูแลอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของร้าน จากนั้นพวกเค้าก็เรียกร้องขอเงินคืน และขู่กับผู้โชคร้ายอีกว่า “ถ้าไม่คืน ชั้นจะฆ่าแก” แต่พนักงานหนุ่มก็ได้บอกว่า เค้าไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ ต้องขออนุญาตจากผู้จัดการร้านก่อนถึงจะสามารถคืนเงินให้ได้ พอพูดไปแบบนั้น ลูกค้า 2 ศรีพี่น้องคู่นี้รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ส่วนพนักงานหนุ่มร้านอินเทอร์เน็ตในตอนนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวว่าจะโดนทำร้าย จึงได้เรียกตำรวจให้มาช่วยไกล่เกลี่ยและพาลูกค้าอันธพาลออกไปจากร้านซะ
เรื่องราวดูเหมือนว่าจะจบลงด้วยดี แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ เพราะว่าเมื่อเวลาได้ผ่านไปสักพัก พี่น้องคู่นี้ได้กลับมาที่พีซีบังอีกครั้งหนึ่งเพื่อมาชำระแค้นหนุ่มพาร์ตไทม์ที่เรียกตำรวจมาไล่ โดยพวกเค้าได้แอบหลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำของร้านเพื่อดักรอพนักงานหนุ่ม และเหมือนว่าโชคชะตาไม่ได้เข้าข้างหนุ่มพาร์ตไทม์คนนั้นเอาซะเลย เพราะว่าหลังจากที่เค้าเก็บกวาดร้านและนำขยะลงมาทิ้งก่อนจะกลับบ้าน ลูกค้าว่าที่ฆาตกรทั้ง 2 คนได้ดักรอพร้อมเข้าชาร์จ โดยผู้เป็นน้องได้จับแขนเหยื่อเอาไว้ และคนพี่ได้ใช้มีดจ้วงแทงพนักงานหนุ่มอย่างสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด (เล่าเองยังรู้สึกหดหู่เลยครับ ตามข่าวบอกว่าแผลลึกและเยอะมาก แค่บริเวณใบหน้าก็ปาไป 30 กว่าแผลแล้ว T____T)
อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้คดีฆาตกรรมหนุ่มพาร์ตไทม์นั้นดังมากในเกาหลี และติดอันดับ 1 การค้นหาใน naver เว็บไซต์ยอดฮิตที่คนเกาหลีใช้กันมาหลายวันติดแล้ว สาเหตุที่คนเกาหลีให้ความสนใจข่าวนี้กันเยอะมาก เป็นเพราะว่าฆาตกรหนุ่มวัย 29 ปี ที่ชื่อว่า ‘คิม ซองซู’ ได้เปิดการ์ดว่าตัวเองเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ จึงทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ และเป็นเหตุให้เค้าได้พลั้งมือฆ่าหนุ่มพาร์ตไทม์คนนี้ไปในที่สุด โดยเค้ายังบอกอีกว่าได้ทำการรักษาโรคนี้มาเป็นเวลามากว่า 10 ปีแล้ว
เมื่อบอกไปแบบนั้นแน่นอนว่าชาวแดนโสมส่วนใหญ่ต่างไม่พอใจอย่างมาก เพราะว่าคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าในเกาหลี ต่อให้ทำความผิดร้ายแรงแค่ไหนก็อาจมีการลดหย่อนโทษได้ ซึ่งกรณีก็เกิดขึ้นมาบ่อยครั้งแล้วด้วย (ประเทศเกาหลีมีคนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเยอะมากกก) แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ชาวเกาหลีส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้ต้องจบลงไปเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา ต่อให้คุณมีอาการทางจิต ก็ไม่ใช่ว่าจะไปฆ่าคนอื่นได้ตามอำเภอใจ และคนเกาหลีส่วนใหญ่ต้องการให้ฆาตกรได้ชดใช้กรรมที่ตัวเองทำไว้ โดยการประหารชีวิตซะ!
ในส่วนของน้องชายคิมซองซูที่อยู่ในเหตุการณ์ ดูเหมือนว่าจะลอยตัวเหนือดราม่าซะงั้น แถมไม่มีการเปิดเผยให้เห็นหน้าตาซะด้วย เพราะเค้าบอกว่าเค้าไม่ใช่คนที่ฆ่า และไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ จากนั้นชาวเน็ตเกาหลีก็ตอกกลับไปว่า "ถึงแกจะไม่ได้เป็นคนจ้วงแทงโดยตรง แต่ก็ถือว่ามีส่วนรู้ร่วมคิดกับการฆาตกรรมไม่ใช่หรือไง?" คอมเมนต์ส่วนใหญ่ต่างเรียกร้องให้เอาผิดกับคนเป็นน้องด้วย
ต้องบอกว่าคดีนี้ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชาวเกาหลีได้ลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด อีกทั้งยังมีการลงชื่อในเว็บไซต์ของรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้มีการลงโทษประหารชีวิตกลับมาใช้อีกครั้งหลังจากมีการประหารชีวิตครั้งล่าสุดเมื่อปี ค.ศ.1997 โดยจำนวนคนที่มาลงชื่อเพื่อแสดงความเห็นด้วยบนเว็บไซต์ในครั้งนี้เกือบ 900,000 คนแล้ว ซึ่งเรียกว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ และดูเหมือนว่ายังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอีกเรื่อยๆ อีกด้วย
ฟากเนติเซนเกาหลีที่ขึ้นชื่อเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นพอมาเจอข่าวนี้ก็ต่างจัดเต็มกันสุดๆ เลยครับ แต่ละคอมเมนต์คือเผ็ดมากกก ส่วนใหญ่เรียกร้องให้มีการประหารชีวิตคิมซองซู รวมถึงเอาผิดกับน้องชายของเค้าด้วย
คอมเมนต์ด้านบนถูกกดไลก์ไปเกือบ 8 พันไลก์ เจ้าของโพสต์แสดงความคิดเห็นว่า "การลงโทษประหารนั้นมีที่ประเทศจีน ซึ่งพวกเราเองก็ทำได้แค่อิจฉาพวกเค้า" ส่วนคอมเมนต์ด้านล่างบอกว่า "ขอให้ฆาตกรได้เจ็บปวดเหมือนกับเหยื่อด้วยเถอะ ได้โปรด..."
ส่วนคอมเมนต์นี้มาน้อยแต่ต่อยหนักมาก คนกดไลก์ปาไปหมื่นแปด "ขอให้ตัดสินประหารชีวิต"
และล่าสุดเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม คิมซองซูได้ออกมาให้การณ์กับศาลและเปิดเผยตัวกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก นักข่าวก็ประโคมถามคำถามรัวเลยล่ะ และใจความหลักๆ ที่เค้าได้บอกคือ "น้องชายของผมไม่ได้มีส่วนรู้ร่วมคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่บอกว่าผมเป็นโรคซึมเศร้านั้น ผมไม่ได้พูดเอง ครอบครัวของผมต่างหากที่เป็นคนบอก" จากนั้นนักข่าวได้ถามต่อว่า มีอะไรจะฝากถึงครอบครัวของเหยื่อมั้ย? ซองซูตอบกลับไปว่า "ผมจะจ่ายค่าเสียหายให้สำหรับสิ่งที่ผมทำลงไป" (ฟังจบแล้วคำด่าผุดเป็นล้านคำเลยครับ)
ในส่วนของคดีนี้เราก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าจะจบลงอย่างไร เพราะคนเกาหลีคงไม่ยอมให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายต้องตายฟรีๆ และคงไม่ปล่อยให้คดีนี้ต้องปิดเงียบแน่นอน ส่วนคิมซองซูจะถูกตัดสินประหารหรือไม่ ต้องรอดูเลยครับ ถ้าถูกตัดสินขึ้นมาจริงๆ เค้าจะเป็นคนแรกในรอบ 20 ปีของเกาหลี ที่ถูกตัดสินให้ประหารชีวิต
จากภาพด้านบน คนเกาหลีหลายคนแวะมาแสดงความเสียใจและเขียนจดหมายร่ำลาให้กับน้องพนักงานหนุ่มพาร์ตไทม์ ซึ่งจัดที่ร้านอินเทอร์เน็ตที่น้องเคยทำงานอยู่ บรรยากาศคือเศร้ามาก :(
ในส่วนของครอบครัวพนักงานหนุ่มที่เสียชีวิต ตามข่าวรายงานว่าในตอนแรกตำรวจแทบไม่อยากให้พ่อแม่เข้าไปดูศพน้องเลยครับ เพราะว่าตามร่างกายมีบาดแผลเยอะมาก แค่เห็นภาพจากข่าวยังรู้สึกหดหู่เลย แล้วหัวอกคนเป็นพ่อแม่จะขนาดไหนกัน T____T
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลรายงานเพิ่มเติมอีกว่า น้องคนนี้ทำงานพาร์ตไทม์เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวตัวเอง และตัวน้องก็มีความฝันอยากเป็นนายแบบอีกด้วย แต่ต้องมาเจอเหตุการณ์นี้ซะก่อน (อ่านแล้วจุกเลยครับ)
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวที่ชวนหดหู่ และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีกไม่ว่ากับใครก็ตาม สุดท้ายนี้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและคนรอบตัวของน้อง และขอให้ดวงวิญญาณน้องไปสู่สุขคตินะครับ...
Source:
6 ความคิดเห็น
อ่านแล้วหัวร้อนอะ เราก็เป็นโรคซึมเศร้า จริงอยู่ว่าอาการหนึ่งคือมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ แต่ถึงขั้นมาดักฆ่าวันอื่นนี่ไม่ใช่อะ แล้วมันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่รับโทษ ต้องรับโทษเหมือนคนทั่วไปแล้วรักษาไปด้วยสิ ทำแบบนี้มีแต่คนจะมองผู้ซึมเศร้าแย่ลง แค่นี้บางคนก็มองเราเป็นคนบ้าแล้ว
อ่านแล้วเศร้าจัง นึกถึงเหยื่อเรือเซวอลเลยที่หนึ่งในก็อยากเป็นคนอาชีพประมาณนายแบบเหมือนกันแต่ก็ต้องมาเสียชีวิตก่อน คนเราทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วยนะ
เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลยจริงๆ
เรื่องไม่เป็นเรื่องของฆาตกรทำให้ชีวิตทีมีค่าคนหนึ่งต้องมาจบลงง่ายๆและทรมาน ตัดสินประหารชีวิตได้ก็คงดี ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต
เหตุการณ์คล้ายๆกับที่ไทยเลยครับ ที่การประหารครั้งล่าสุดเกิดจากพวกที่ใช้มีดจ้วงแทงด้วยสาเหตุที่ไร้สาระ
โรคซึมเศร้า ส่วนใหญ่จะฆ่าตัวตายเว้ย ไม่ใช่ฆ่าคนอื่น แล้วมามั่วว่าเป็นโรคซึมเศร้า อย่างนี้เค้าเรียกหัวร้อนอารมณ์ร้อนสันดานชั่ว
ขอบคุณ