พี่เชื่อว่าคนที่ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศต้องมีช่วงหัวหมุนกับการจัดกระเป๋าแน่นอน ยิ่งถ้าไม่เคยออกเดินทางมาก่อนจะมึนๆ งงๆ ว่านอกจากเสื้อผ้าแล้วยังมีไอเท็มสำคัญชิ้นไหนอีกบ้าง? วันนี้ พี่เยลลี่ เลยรวบรวมของใช้ที่ควรนำติดตัวไปด้วย เวลาไปอยู่จะได้ไม่ลำบาก จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ! x-D
ยาสามัญ
เวลาไปอยู่เมืองนอกนานๆ ยังไงต้องมีสักครั้งที่ป่วย ถ้าภาษาเรายังไม่แข็ง เวลาสื่อสารบอกอาการอาจมีปัญหาได้ แล้วประเด็นคือการซื้อยาบางชนิดในต่างประเทศต้องใช้ใบรับรองแพทย์มาขอซื้อด้วยนะคะ แต่จะวิ่งไปซื้อแบบปุบปับเหมือนเซเว่นบ้านเราก็ไม่ได้ เพราะร้านขายยานั้นเปิดปิดเป็นเวลา กว่าจะได้ยามาต้องทั้งเสียเงินทั้งเวลานัดหมออีกไม่น้อยเลย ดีไม่ดีหายป่วยก่อนด้วยซ้ำ แถมบางทีฤทธิ์ยาบ้านเค้าอ่อนกว่ายาไทย กินไปไม่สะเทือนร่างอีก
นี่เลยเป็นเหตุผลที่น้องๆ ควรพกยาสามัญไปด้วยค่ะ อย่างพาราฯ ยาแก้ปวดท้อง ยาลดกรด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ (สำหรับสายกินแบบพี่ แหะ) รวมไปถึงยานวดคลายกล้ามเนื้อเผื่อวันที่ทำกิจกรรมหนักๆ สำหรับน้องผู้หญิงแนะนำให้พกยาแก้ปวดประจำเดือนไปด้วย เพราะอากาศหนาวอาจทำให้ปวดท้องมากขึ้นได้เช่นกัน กันไว้ดีกว่าแก้เนอะ :-)
อาหารสำเร็จรูปและเครื่องปรุงอาหารแบบซอง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า 99% ของนักเรียนแลกเปลี่ยนต้องมีโหยหวนหาอาหารไทยเกิดขึ้น และสิ่งที่จะช่วยบรรเทาเราจากอาการลงแดงได้ คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเครื่องปรุงอาหารแบบซองนั่นเองค่ะ ยิ่งบางคนโฮสต์ขอให้ทำอาหารไทยให้ทานตั้งแต่ช่วงแรกๆ จะได้ไม่ต้องเลิ่กลั่กหาวัตถุดิบ เพราะผักผลไม้บางชนิดหายากมากๆ แต่ไม่ต้องเตรียมไปเยอะขนาดใช้ทั้งปีนะคะ เพราะน้องสามารถหาซื้อเพิ่มได้ตามร้าน Thai shop หรือ Asian shop บางอย่างราคาอาจสูงสักหน่อย พี่เองเคยเจอมะม่วงสุกลูกละ 10 กว่ายูโร ได้แต่ยืนมองเพราะซื้อไม่ลงจริงๆ T v T
อย่างนึงที่พี่อยากแนะนำคือนำโจ๊กซองไปด้วยเผื่อต้มกินเวลาป่วย โดยเฉพาะคนที่ไปประเทศแถบตะวันตก เนื่องจากฝรั่งเค้าไม่รู้จักข้าวต้มค่ะ ตอนพี่ป่วยต้องกินขนมปังปิ้งเปล่าๆ แทน ฝืดคอมาก T _ T (ในใจตอนนั้นคิดว่าคงไม่ตายเพราะป่วยแต่ตายเพราะขนมปังติดคอนี่แหละ 55555)
ไดร์เป่าผม
สำหรับคนที่ไปอยู่เมืองหนาว ควรเตรียมไดร์เป่าผมไปใช้หลังสระผมด้วย คนผมสั้นคงไม่เท่าไหร่แต่ใครที่ผมยาวเตรียมใจไว้เลยเพราะผมจะแห้งช้ากว่าที่เมืองไทยมาก ยิ่งถ้าสระผมตอนกลางคืนกว่าจะได้นอนคือตาค้างไปแล้วเรียบร้อย ช่วงหน้าหนาวพี่เคยทนไม่ไหวนอนไปทั้งหัวเปียกๆ ตื่นมาผมยังชื้นอยู่เลย ดีที่เชื้อราไม่ขึ้นหัว T _ T ดังนั้นใครที่ปกติเอาหัวจ่อพัดลมแบบพี่ ให้เตรียมไปเผื่อดีกว่านะคะ ชีวิตจะได้ง่ายขึ้น 5555
หัวแปลงปลั๊กและปลั๊กพ่วง
ปัญหาโลกแตกที่เจอบ่อยเวลาไปเมืองนอกคือ หัวปลั๊กไฟบ้านเราไม่ตรงกับเต้ารับบ้านเขานั่นเองค่ะ ดังนั้นน้องๆ ควรพกหัวแปลงปลั๊กแบบที่ใช้ได้รอบโลก (Universal travel adapter) ติดไปด้วย เพราะถ้าไปหาซื้อที่นู่นคงวุ่นวายน่าดู แถมราคาแรงกว่าเยอะ ยิ่งใครแจ็กพอตไปอยู่แถบชนบท กว่าจะได้เข้าเมืองทีนี่นานเลยค่ะแถมเดินทางลำบากอีก
อีกปัญหานึงที่เจอคือถ้ามีหัวแปลงปลั๊กแค่อันเดียว แต่มีอะไรต่อมิอะไรต้องที่ต้องชาร์จพร้อมกันจะทำยังไงดี? ยิ่งเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนหลายๆ คน ยิ่งแย่งกันชาร์จทั้งแบตกล้อง แบตสำรอง แบตมือถือ วุ่นวายไปหมด นั่นเป็นเหตุผลที่ควรนำปลั๊กพ่วงอันเล็กๆ ไปด้วยค่ะ เพราะถ้าประเทศที่น้องไปใช้หัวปลั๊กไม่เหมือนที่ไทย เวลาไปซื้อปลั๊กพ่วงที่นั่นเต้ารับก็เป็นแบบเดียวกันค่ะ ใช้ไม่ได้เหมือนเดิม เลิ่กลั่กกันต่อไป 5555
ชุดชั้นใน
ถึงเสื้อผ้าจะไปซื้อเพิ่มทีหลังได้ แต่สิ่งที่น้องๆ ผู้หญิงควรเตรียมไปให้พอคือชุดชั้นในค่ะ ยิ่งคนตัวเล็กจะหาซื้อชุดชั้นในลำบากมากกก โดยเฉพาะประเทศฝั่งตะวันตกที่ชุดชั้นในจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ขายในเมืองไทย ที่พี่เคยเห็นส่วนใหญ่จะเริ่มตั้งแต่คัพซีเลยค่ะ ได้แต่ยืนมองตาปริบๆ อย่างเดียว (เพราะอะไรคงรู้ๆ กัน แหะ)
กระติกน้ำ
อย่างที่ทราบกันดีว่าน้ำดื่มที่เมืองนอกแพงสุดๆ ดังนั้นสิ่งที่ช่วยน้องๆ เซฟเงินได้คือเจ้ากระติกน้ำนี่แหละค่ะ แถมยังช่วยลดโลกร้อนได้ด้วย ยิ่งในบางประเทศน้ำประปาดื่มได้ น้องๆ แทบไม่ต้องซื้อน้ำดื่มขวดเลย อย่างตอนพี่ไปแลกเปลี่ยนแล้วหิวน้ำตอนกลางคืน แทนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นชั้นล่างก็เดินเข้าห้องน้ำ เปิดก็อกตรงอ่างล้างหน้าละวักน้ำดื่มเลยค่ะ 5555
แว่นสำรองและคอนแทกเลนส์
คนสายตาสั้นต้องกาดอกจันตัวใหญ่ๆ ไว้ที่ข้อนี้เลย สำหรับคนใส่คอนแทกเลนส์ ถ้าค่าสายตาค่อนข้างคงที่ แนะนำให้เอาไปเผื่อกรณีคอนแทกเลนส์หายหรือฉีกขาด ส่วนคนที่ใส่แว่นควรพกแว่นสำรองไปสักอัน รวมถึงไขควงและน็อตสำรอง เพราะเพื่อนพี่เคยขาแว่นหลุดมาแล้วค่ะ ส่วนพี่นี่ยิ่งกว่าเพราะอยู่ดีๆ ขาแว่นหักครึ่งออกมาเลยทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร เอาไปเปลี่ยนได้แค่ขาเดียวก็ต้องทนใส่แว่นเอียงๆ ไปจนจบโครงการ จะตัดแว่นใหม่นี่ลืมไปได้เลยค่ะเพราะเห็นราคาแล้วตัดใจซะง่ายกว่า… มันหดหู่มากจริงๆ น้องเอ้ย T _ T
ชุดสูท / ชุดราตรี
ตลอดช่วงเวลาที่ไปแลกเปลี่ยนมีโอกาสที่เราจะได้เข้าร่วมงานสำคัญต่างๆ อย่างงานพรอมหรืองานเลี้ยงฉลองที่เป็นทางการ จึงควรเตรียมชุดเดรสหรือชุดสวยๆ ไปสักตัว ยิ่งใครตัวเล็กแล้วอยากใส่เดรสยาวต้องดูให้ดีนะคะ พี่เคยเจอแม็กซี่เดรสแขวนโชว์ไว้น่ารักมากๆ แต่พอปรี่ไปยืนเทียบแล้วความยาวชุดเท่าส่วนสูงพี่เป๊ะเลย (คนเบลเยี่ยมสูงมากค่ะ พี่สูง 162 คือคนแคระเลย สูงเท่าอกโฮสต์พี่สาวเลยไม่แปลกที่ชุดยาวท่วมหัว แหะ T v T) ทั้งนี้ทั้งนั้นบางคนที่เอนจอยอีตติ้งมากๆ สุดท้ายไม่ได้ใส่เพราะใส่ไม่ได้ก็มีค่ะ เรื่องนี้ต้องไปลุ้นกันเอาเอง 55555
รองเท้าแตะ
นอกจากรองเท้าผ้าใบแล้ว สิ่งที่ห้ามลืมเลยคือรองเท้าแตะค่ะ ถึงจะไม่ได้หายากขนาดนั้น แต่รองเท้าแตะในเมืองนอกราคาแพงมาก ส่วนใหญ่เป็นของมีแบรนด์และคนไม่ค่อยใส่เพราะอากาศหนาว แถมเท่าที่เห็นมาเด็กไทยเองเวลาซื้อรองเท้าใหม่ไม่ค่อยมีใครซื้อรองเท้าแตะกัน (เพราะทำใจไม่ลง) ดังนั้นเตรียมไปเผื่อดีกว่าค่ะ บางคนอาจคิดว่าไม่น่าได้ใช้ แต่เวลาไปใช้ชีวิตอยู่จริงๆ ต้องมีช่วงที่น้องวิ่งไปวิ่งมาแถวหน้าปากซอยบ้าน และคงไม่มีใครจะให้ใส่ผ้าใบหรือบูทตลอด คีบแตะนี่แหละค่ะสะดวกสุดแล้ววว
ไดอารี่
อย่างสุดท้ายที่พี่อยากแนะนำคือ สมุดไดอารี่คู่ใจสักเล่มไว้จดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่อยู่ที่นั่น เชื่อเถอะค่ะว่าน้องจะมีเรื่องราวให้เขียนตลอดทั้งโครงการแน่นอน (เรื่องดีหรือไม่ดีค่อยว่ากันอีกที 5555) พอเวลาผ่านไป เราจะเริ่มลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปทีละเล็กละน้อย แต่เจ้าไดอารี่นี่แหละที่จะช่วยดึงความทรงจำตลอดทั้งปีนั้นกลับมา อ่านแล้วต้องมีอมยิ้มบ้างแหละ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พี่จะขยันเขียนให้มากกว่านี้เหมือนกันค่ะ (; - ;)
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้น้องๆ จัดกระเป๋าเตรียมความพร้อมก่อนไปแลกเปลี่ยนได้ง่ายขึ้นนะคะ ใครที่มีประสบการณ์แลกเปลี่ยนมาหรือชอบเที่ยวบ่อยๆ แล้วอยากแชร์คำแนะนำให้คนอื่นก็สามารถคอมเมนต์ได้เลย พี่จะรออ่านเผื่อนำไปใช้ด้วยคนค่ะ :-D
3 ความคิดเห็น
มาม่านี่ถือว่าที่สุดแล้วจริงๆ
มีโครงการแลกเปลี่ยนน่าสนใจแนะนำมั้ยคะ
ปล.ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ:)
ขอบคุณ